ในขณะที่คนทั่วโลกต่างพากันพูดถึงเหตุการณ์ประกาศรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมชนิดหักมุมปนดราม่า ก็มีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยคือ สมรภูมิรบของ 2 ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งบนเวทีออสการ์ระหว่าง Amazon และ Netflix ที่ต่างหันมาจับตลาดกลุ่มภาพยนตร์ดังๆ ระดับแมสของฮอลลีวูด โดยหนังที่ทาง Amazon ซื้อลิขสิทธิ์มาทั้งหมด 6 เรื่องนั้นปรากฏว่าสามารถคว้าออสการ์ไปได้ 2 รางวัลคือ Manchester by the Sea และ The Salesman 

เคซีย์ แอฟเฟล็ก ระหว่างขึ้นรับรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

สำหรับ Manchester by the Sea นั้นได้รางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซึ่งตกเป็นของ เคซีย์ แอฟเฟล็ก และรางวัลสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก เคนเน็ธ โลเนอร์แกน ผู้กำกับและเขียนบท รวมทั้งยังเป็นหนังเรื่องแรกของ Amazon Studios ที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ด้วย โดย Amazon เองก็ได้ทุ่มเงินในการคว้าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ จากเทศกาลภาพยนตร์ Sundance เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน หนังอีกเรื่องหนึ่งอย่าง The Salesman ของผู้กำกับชาวอิหร่านชื่อดังอย่าง อัสการ์ ฟาฮาร์ดี้ ที่ปฏิเสธมาร่วมงานออสการ์เนื่องจากประท้วงมาตรการแบนผู้อพยพชาติมุสลิมของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้รางวัลในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม อีกด้านหนึ่งทาง Netflix ที่มุ่งไปจับตลาดหนังสารคดีเป็นหลัก ก็ไม่ได้มือเปล่าเสียทีเดียว เมื่อหนังสารคดีอย่าง The White Helmets ก็สามารถคว้ารางวัลออสการ์ในสาขาหนังสารคดีสั้นยอดเยี่ยมเช่นกัน

ทั้งนี้ Amazon และ Netflix นั้นหันมาโฟกัสกับการทำตลาดกับหนังฮอลลีวูดมากขึ้นเนื่องจากต้องการทุ่มเงินดึงดูดนักแสดงระดับและผู้กำกับฝีมือดีมาร่วมงานหวังเพิ่มฐานลูกค้ามาสมัครเป็นสมาชิกบริการสตรีมมิ่งของตนเองมากขึ้นนั่นเอง

อ้างอิง / อ้างอิง2