“ถ้าไม่ออกจาก Comfort Zone คุณจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย” ตอนอยู่มหาวิทยาลัย มีวิทยากรท่านหนึ่งเคยพูดประโยคนี้ ในคลาสเกี่ยวกับวิชาสื่อสารมวลชน บีก็ฟังเพลินๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เหมือนเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาไป จนกระทั่งวันที่ต้องวิ่งแจ้นออกจาก Comfort Zone จริงๆ นั่นแหละ บีถึงเข้าใจ..

Comfort Zone แปลไทยตรงๆ ว่าพื้นที่สบายตัว หมายถึงภาวะที่เราอยู่ตัวกับอะไรสักอย่างหนึ่งแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนแปลง หรือดิ้นรนอะไร จึงลดการพัฒนาตัวเองลง ซึ่งส่วนใหญ่คำนี้จะหมายถึงการทำงาน ที่พอทำงานอะไรไปนานๆ ก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลง อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่คนเรามักจะกลัวการสูญเสีย กลัวการพ่ายแพ้ กลัวการขายหน้า กลัวความผิดหวัง เราจึงมักชอบอยู่ในที่ๆ เรารู้สึกปลอดภัย รู้สึกสบายใจ รู้สึกอบอุ่น

แต่รู้อะไรมั้ยคะ ? ถ้าเรามัวแต่อยู่ใน Comfort Zone เราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่างเลย นอกจาก “ความสบายใจ” แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสบายใจนั้น มันจะมากับความรู้สึก Useless ในที่สุด

ดูรุนแรงจังงงง แต่ที่ต้องบอกแบบนี้ เพราะการก้าวออกมาจาก Comfort Zone มันเป็นอะไรที่เจ๋ง และพัฒนาทักษะหลายๆ อย่างในตัวเราได้จริงๆ

วันนี้บีเลยจะมาแชร์ประสบการณ์ การสอบถามและสังเกตจากคนเก่งๆ ที่เคยพบเห็น ว่าก้าวแรกของการค่อยๆ ก้าวออกจาก Comfort Zone ค่ะ

1.หาจุดแข็ง จุดอ่อน ตัวเองให้เจอ

อันดับแรกเลย คือการหาจุดแข็ง และจุดอ่อน ของเราให้เจอ ว่าเราเป็นคนที่มีความสามารถหรือข้อดีที่โดดเด่นตรงไหนบ้าง และจุดอ่อนที่เราสู้คนอื่นไม่ได้บ้าง เช่น ถ้าเราเป็นคนเก่ง หัวไว แต่ไม่ตรงต่อเวลา เราก็ต้องไปเน้นความหลักแหลมของเรา ให้มากขึ้น และปรับให้ตัวเองตรงต่อเวลามากขึ้นเช่นกัน หรือถ้าเราเป็นคนเก่ง แต่ดันพรีเซ้นงานไม่เก่ง เราก็ควรไปฝึกพูด ฝึกพรีเซ้น จัดการจุดอ่อนเราให้มันดีขึ้น

โดยการหาจุดแข็ง และจุดอ่อนของตัวเอง อาจเริ่มต้นด้วยการหยิบกระดาษมา 1 แผ่น และเขียนจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองให้ได้อย่างละ 5 ข้อ จากนั้นก็ไปถามคนรอบข้างเรา ว่าจุดเด่นในตัวเรามีอะไรบ้าง และมีอะไรบ้างที่เราควรปรับปรุง

LinkedIn

2.หาความรู้เพิ่มเติมและฝึกฝนทักษะ

จากข้อที่แล้ว ที่บอกให้หาจุดแข็ง จุดอ่อนตัวเองให้เจอ ข้อต่อมาก็คือ เราต้องอ่าน และฝึกฝน เพิ่มทักษะต่างๆ ให้กับจุดแข็ง และซ่อมจุดอ่อนของเรา และหลังจากที่เราจัดการเจ้าจุดแข็ง จุดอ่อนเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราก็ต้องสังเกตุตัวเองว่ามีอะไรบ้าง รอบๆ ตัวที่เราสนใจ เช่น เราชอบวาดรูป เราชอบดูหนัง เราก็อาจไปลงครอสศิลปะเพิ่มเติม

ตอนนี้หลายคนอาจจะงงๆ ว่าเราจะฝึกทำนู่น ทำนี่ไปทำไม คำตอบก็คือ เพื่อเสริมความมั่นใจและความกล้าหาญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง เพราะถ้าเราอยู่ไปวันๆ กิจวัตรเดิมๆ ด้วยความเคยชิน เราจะเริ่มติดกับดัก Comfort Zone ค่ะ และที่มากกว่านั้นคือ ทักษะต่างๆ ที่เราฝึกในวันนี้ มันจะมีประโยชน์ในวันใดวันหนึ่งในอนาคตค่ะ

3.สูตร 1 ทุ่ม – เที่ยงคืน

เป็นสูตรกิจกรรมหลังเลิกงาน ที่ทำให้ใครหลายคนชีวิตดีมาเยอะแล้ว ว่ากันว่า 8 ชั่วโมงของการทำงานที่ที่ทำงานนั้น ไม่ใช่ชีวิตของเรา 100 เปอเซ็นต์ แต่ชีวิตของเรา 100 เปอเซ็นต์นั้น เริ่มต้นหลังเลิกงานค่ะ

ลองสละเวลา วันละ 1-2 ชั่วโมงหลังเลิกงาน ในการทำงานอื่นๆ ที่เราชอบ แม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานประจำเราเลยก็ตาม เช่น เราอาจทำงานสายการตลาด แต่เราสนใจในการดีไซน์เสื้อผ้า เราก็อาจใช้เวลานี้ในการออกแบบเสื้อผ้านู่นนั่น หรือรับงานฟรีแลนซ์ต่างๆ เพราะนอกจากจะเป็นเม็ดเงินอีกทางนึงแล้ว ยังทำให้เราได้ฝึกฝนตัวเองไปในตัวด้วย และวันนึงเมื่อเราหาโอกาสดีๆ ให้ตัวเองได้แล้ว เจ้ากิจกรรมเสริมนี่แหละ จะมีมูลค่ามหาศาล

www.the-pool.com

4.เปิดโลกกว้าง หาคอนเนคชั่น

การเปิดโลกกว้าง ด้วยการขยายตัวเองไปอยู่ในสังคมต่างๆ ที่เราไม่คุ้นชิน จะเป็นการเปิดโลกกว้างให้เรา โดยอาจเริ่มต้นจากการเสนอตัว ช่วยหาพาร์ทเนอร์ให้บริษัท หรือติดต่อกับคนในโลกออนไลน์อย่างกรุ้ปใน Facebook หรือ  LinkedIn หรือจะเป็นงาน Networking ที่เดี๋ยวนี้มีการจัดกันบ่อยๆ ค่าบัตรไม่แพง แถมงาน Networking พวกนี้ยังมีแต่คนเก่งๆ ที่แสวงหาความรุ่งเรืองให้ชีวิตทั้งนั้น คุณจะได้ทัศนคติดีๆ เพียบเลยหล่ะ

แต่ถ้าง่ายที่สุดเลยก็อาจเป็นคลาสเรียนทักษะต่างๆ ที่เราสนใจ เช่น คลาสโยคะ คลาสเรียนภาษา

เพียงเท่านี้ เราก็จะมีคอนเนคชั่นดีๆ ได้ไม่ช้า และวันนึงเราอาจพบว่าคนที่เราพบเจอ เขาอาจจะมาเปิดธุรกิจร่วมกับเรา จนพากันประสบความสำเร็จ หรือมาเป็นเจ้านายคุณ เป็นลูกน้องฝีมือฉกาจของคุณก็ได้

5.ทำให้เป็นกิจวัตร

สำคัญสุดเลย ก็คือทำ 4 ข้อข้างบนให้เป็นกิจวัตรค่ะ เป็นความเคยชิน จนเราสามารถเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ สิ่งทีท้าทายได้โดยไม่เกรงกลัวความล้มเหลว นี่แหละ จะเรียกว่าออกจาก Comfort Zone ได้แล้ว

 

จะว่าไป วิธีพวกนี้ก็มาจากคำแนะนำของคนอื่นๆ ที่พบเจอเท่านั้น จริงๆ ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เราค่อยๆ ขยับออกจาก Comfort Zone ได้ แต่ที่แน่ๆ เลย สิ่งที่ต้องมีคือทัศนคติที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองด้วยเนอะ ส่วนใครมีวิธีไหน ก็มาแชร์กันได้นะคะ เผื่อที่เราจะได้ออกจาก Comfort Zone ด้วยกัน เย้!