ห่างหายจากคอนเสิร์ตใหญ่มา 4 ปี นับตั้งแต่คอนเสิร์ต บรรลุนิติภาวะ 21 ปี ด้วยอายุอานามที่มากถึง 50 ปีแล้ว นี่จึงอาจเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายที่จะได้สเกลนี้ของ พี่ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ ตำนานอัลเตอร์ฯเมืองไทยที่ยังคงมีผลงานฮิต ๆ จนถึงปัจจุบัน และท่ามกลางกระแสดราม่าจำนวนมากต่อการจัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ เราเลยอยากบอกเล่าถึงอารมณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานั้นจากนักเขียนของเราที่ได้ไปคอนเสิร์ตนี้มาด้วยครับ

วิกฤตก่อนเริ่มแสดง

18.30 น. กว่า ๆ ทีมงานก็เริ่มเปิดประตูให้เข้าสู่ฮอลล์ได้ ถือว่าตรงเวลาพอสมควรครับตามที่ระบุในบัตรเป๊ะ จนถึงตรงนี้ก็เรียบร้อยดี หน้าเวทีมีการใช้ผ้าสีแดงปล่อยยาวลงมาปิดไว้ แต่ว่าก่อนเริ่มแสดงราว ๆ 10 นาที ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นตรงลำโพงหน้าเวที เสียงจากจอวีทีอาร์ก็หายไป ตอนนั้นก็นึกว่า เอาแล้ว ๆ คอนเสิร์ตจะล่มมั้ยเนี่ย

แล้วเวลาก็ผ่าน 19.00 น. ที่เป็นเวลาแสดงไปอย่างลุ้น ๆ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ถึงมีเสียงจากสต๊าฟประกาศว่า เกิดเหตุกระแสไฟย้อนกลับช็อตตู้แอมป์พัง กำลังแก้ปัญหาอยู่อาจต้องใช้เวลาอีกราว ๆ 10 นาที ถึงครึ่งชั่วโมง ตรงนี้ก็ทำให้พอเข้าใจได้ว่าเป็นอุบัติเหตุที่คงไม่มีใครคิดจะให้เกิด แต่จริง ๆ พวกพี่น่าจะบอกไวกว่านี้้นะ ปล่อยแฟน ๆ รอแบบงง ๆ อยู่นานเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

ตรงนี้เองที่เข้าใจว่าหลังเวทีคงโกลาหลแน่ ๆ ยิ่งตัวพี่ป้างเอง ที่เตรียมตัวมากกว่า 4 เดือนกับคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ ที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต แถมเชิญครอบครัวตัวเอง เพื่อน ๆ ไหนจะแฟน ๆ ที่รอคอยกันมาอีก แกคงเครียดหนักมากล่ะนะ จากที่จะค่อย ๆ จิบ ไหล ๆ ไประหว่างคอนเสิร์ตตั้งแต่ 1 ทุ่ม จบคอนราว ๆ 4-5 ทุ่มกำลังพอดี กลายเป็นแกเริ่มซัดย้อมใจตั้งแต่ 1 ทุ่มแบบเครียด ๆ และก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นปัญหาทางเทคนิคที่ทำได้แค่นั่งรออย่างกระวนกระวายใจ

อันนี้ไม่ได้จะเข้าข้างพี่ป้างนะครับ แค่คิดในมุมทางนั้นดู ซึ่งจริง ๆ ก็ควรติเหมือนกันว่าพี่ป้างอาจมั่นใจกับการดื่มของตัวเองมากไปหน่อยว่าเอาอยู่ คือดื่มได้แต่ต้องรู้ศักยภาพตัวเองด้วยยิ่งมีภารกิจสำคัญอยู่ด้วยแล้ว ถึงจะเครียดยังไงพี่น่าจะประมาณตัวเองได้ดีกว่านี้ครับ ตรงนี้ถือว่าพี่ป้างประมาทไปหน่อยกับอายุตัวเอง แต่ในอีกทางคือแกก็เป็นห่วงแฟน ๆ ของแกมากครับ แกย้ำบนเวทีอยู่ด้วยว่า ใครดื่มต้องไม่ขับรถนะ คือแกก็ไม่ได้สนุกจนเลยเถิดขนาดนั้นครับ

ราว ๆ 20.20 น. พี่ป้างก็ออกมาพบกับแฟน ๆ เพื่อขอโทษกับความล่าช้าที่เกิดขึ้น พี่แกออกไมค์ถามสต๊าฟแบบร็อกเกอร์เลยว่า “รอนานแล้วจะแก้ปัญหาเสร็จหรือยัง แฟน ๆ รอนานแล้ว” ตรงนี้ได้ใจไปเต็ม ๆ ครับ หลังจากนั้นราว ๆ 5 นาที งานแสดงก็เริ่มขึ้นได้ ผ้าม่านถูกปล่อยลงมาพร้อมกับเสียงดนตรีวงแบ็กอัพที่เล่นอย่างแน่นกระหึ่มขึ้นมา และแน่นอนเสียงพี่ป้างที่ทรงพลังเช่นเดิมเลย

เกริ่นนำสู่ปาร์ตี้

เปิดมาก็จัดหนักยาว ๆ 3 เพลงกันเลย ตั้งแต่ ทำอะไรสักอย่าง (อัลบั้มเลี่ยมทอง 2547) ประตู (อัลบั้มไข้ป้าง 2537) อากาศ (อัลบั้มหัวโบราณ 2545) จบ 3 เพลงอย่างเมามัน แสงสีเสียงเวทีทำได้สุดยอดมากครับ ได้อารมณ์มาก ลืมที่รอกว่าชั่วโมงครึ่งไปเลย

พี่ป้างพักลงไปนั่งกับโซฟากลางเวที แล้วก็เริ่มพูดที่มาที่ไปของคอนเสิร์ต ทั้งพรีแซยิด ทั้งความแก่มีอายุมากขึ้นของตัวเอง แล้วก็จิบน้ำชาจากแก้วพลาสติก (ซึ่งก็รู้ว่าคืออะไร) พี่ป้างบ่นสบถเป็นกันเองกับแฟน ๆ ราวกับพี่สนิทเพื่อนสนิทในวงเหล้าประมาณนั้นล่ะครับ (ซึ่งแกสุภาพกับแฟนเพลงมากนะเพราะแทนตัวว่าพี่ และใช้คำสุภาพเวลาพูดกับแฟนเพลงตลอดการแสดง) แกเล่าว่าช่วงที่เลทไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งไฟช็อตแอมป์พัง ต้องวิ่งไปหาเปลี่ยนจากชาเลนเจอร์ที่มีอีกคอนอยู่ข้าง ๆ (คอนเสิร์ต แทยัง ไลฟ์อินแบงคอก 2017) แกว่าเป็นบททดสอบชีวิตขนาดแกแก่อย่างนี้มันก็ยังไม่เลิกทดสอบแกเช่นเดิม

แกว่าจัดคอนเสิร์ตเพราะแฟน ๆ ที่คอยมาเรียกร้องในเฟซบุ๊กแกประจำ และแกค่อนข้างมั่นใจว่าไฟช็อตจะไม่ใช่แค่ความผิดพลาดเดียวในโชว์นี้แน่ ๆ แต่เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจและให้กำลังใจแกด้วย ซึ่งหลังจากช่วงนี้แกจะร้องไปพักไปจิบไป เป็นรูปแบบวน ๆ นะครับ แต่ตอนพักแกก็จะเล่าเรื่องนู้นนี้ไปด้วย เพลิน ๆ ดีสำหรับแฟน ๆ ที่อยากฟังพี่แกน่ะนะ

นอกจากนั้นเพลย์ลิสต์ของพี่ป้างก็จัดมาอย่างมันเลยครับ ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ในคอนเสิร์ตนี้จะเป็นเพลงจังหวะสนุก ๆ สมกับความเป็นปาร์ตี้คอนเสิร์ตส่วนตัวฉลองวัยของพี่ป้างมาก ๆ ครับ โดยปิดท้ายช่วงนี้ด้วย ใจเจ้าเอย (อัลบั้มหัวโบราณ 2545)

แขกรับเชิญคนแรก

แล้วก็มาถึงแขกรับเชิญคนแรก พี่ป้างเกริ่นแนะนำว่ามีเพลงอยู่เพลงหนึ่งที่แกแต่งให้คนอื่นร้อง แล้วพี่ป้างรู้สึกว่าเขาร้องได้ดีกว่าที่พี่ป้างคิดไว้เสียอีก ซึ่งเพลงนี้พี่ป้างร้องได้ดีไม่เท่า จึงจะขอเชิญศิลปินคนนั้นขึ้นมาร้องเองเลย แล้ว พี่กอล์ฟ ทีโบน (นครินทร์ ธีระภินันท์) ก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมเสียงเฮของผู้ชม พี่กอล์ฟทักทายอย่างเขินอายอยู่พอประมาณครับ แกว่าแกไม่ชินการร้องต่อหน้าคนมากขนาดนี้ นี่จะเป็นการร้องเพลงนี้ต่อหน้าคนมาก ๆ ครั้งที่ 2 ในชีวิต ครั้งก่อนหน้าก็ผ่านมา 19 ปีแล้ว (!!!)

จากนั้นพี่กอล์ฟก็ร้องเพลง กลิ่น (ทีโบน อัลบั้มเบาหวาน 2541) ในเวอร์ชั่นที่พี่ป้างเคยบอกว่าฟังแล้วกองลงไปละลายกับพื้นทุกที หลังจบเพลงพี่ป้างออกมาถามพี่กอล์ฟว่ารู้มั้ยว่าทำไมถึงต้องเชิญมาร้องเพลงนี้ พี่กอล์ฟเดาว่าเพราะพี่แกอายุเลย 50 ปีแล้ว พี่ป้างจึงเฉลยว่าเพราะเมียพี่กอล์ฟอยากฟังนั่นล่ะ แกขอมา (ฮา)

เพลงเก่า เพลงใหม่ เล่นติดกันยาว ๆ

เปิดช่วงด้วยเพลงอกหักร้าว ๆ สุดฮิตที่ใคร ๆ ก็ร้องได้ อย่าง คบไม่ได้ (อัลบั้มเลี่ยมทอง 2547) ก่อนจะไปมันต่อยาว ๆ ด้วย ขบวนสุดท้าย (อัลบั้มหัวโบราณ 2545) ต่อด้วยช่วงโซโล่กลองชุดสุดมันที่มีแว่วเพลง พี่ชาย (อัลบั้มฉลองครบรอบ 30 ปี 2540) มาบาง ๆ แล้วต่อด้วยเพลง ภูมิแพ้กรุงเทพ (มินิอัลบั้มกลางคน 2556) คนมีเสน่ห์ (New Single 2559) แล้วปิดช่วงเพลงใหม่ด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง ทุกคนเคยร้องไห้ (New Single 2560) ตรงนี้แกขอให้ทุกคนเอามือถือขึ้นมาส่องไฟด้วย พี่ป้างเล่าว่าตอนแต่งเพลงนี้แกก็คิดในใจว่าเพลงบ้าอะไรยุให้คนร้องไห้ แต่แกก็แต่งด้วยความรู้สึกว่าคนเราควรระบายเพื่อสู้ต่อ และหวังให้แฟน ๆ มีกำลังใจสู้ชีวิตที่โหดร้าย ฉากนี้สวยดีครับไฟมือถือระยิบระยับทั้งฮอลล์เลย

จากนั้นก็กลับมาสนุกต่อด้วยเพลงรักน่ารัก ๆ อย่าง แพ้ (อัลบั้มฉลองครบรอบ 30 ปี 2540) ก่อนจะหักมุมอีกรอบด้วยเพลง ไม่ใช่นางฟ้า (อัลบั้มฉลองครบรอบ 30 ปี 2540) หลังจากนี้พี่ป้างน่าจะได้ที่แล้วครับ ช่วงหนึ่งแกสั่งทีมงานเปิดไมค์แกทั้งที่ดังอยู่แล้ว เราก็งง ๆ กันไป อาจเพราะมอนิเตอร์เสียงแกไม่ดีด้วยมั้ง กับช่วงก่อนเพลงไม่ใช่นางฟ้าแกก็เสียเวลากับการปรับให้มือกีตาร์เล่นได้ตรงกับที่แกต้องการก่อนอยู่นานเลยกว่าจะเริ่มเพลงได้ ใครนึกอารมณ์ไม่ออกก็ประมาณในหนัง Whiplash ในเวอร์ชั่นที่ครูไม่ได้ตะคอกใส่หน้านั่นล่ะครับ 555

ไฮดร้า รีเทิร์น

แขกรับเชิญคนพิเศษอีกคนหนึ่ง ซึ่งหลาย ๆ คนเฝ้ารอให้มายืนบนเวทีร่วมกับพี่ป้างมานานมาก พี่ป้างเกริ่นนำจุดเริ่มต้นของการร้องเพลงสมัยเรียนที่จุฬาและได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่ง ที่นำมาสู่วงไฮดร้า เมื่อปี 2535 แล้วก็เชิญ พี่ปอนด์ ไฮดร้า (ธนา ลวสุต) ขึ้นมาเดี่ยวครวญเพลง ดึกแล้ว (ไฮดร้า อัลบั้มอัศเจรีย์ 2535) ในแบบอคูสติก จริง ๆ ก่อนหน้านี้ทุลักทุเลนิดหนึ่งเพราะพี่ปอนด์ไปเหยียบเอ็ฟเฟ็กต์กีตาร์ผิดเพราะความตื่นเต้น จนโดนพี่ป้างแซวว่าแก่แล้วนะ (ฮา)

จบเพลงดึกแล้ว พี่ป้างก็ขึ้นมาเล่าว่าแกกับพี่ปอนด์ไม่ได้เจอกันจะ 5 ปีแล้ว เพราะต่างคนต่างทำงานแม้จะอยู่ตึกแกรมมี่เหมือนกันก็เถอะ เพลงต่อไปเป็นเพลงแรกในชีวิตที่พี่ป้างได้แต่งเนื้อ โดยพี่ปอนด์แต่งทำนอง นั่นก็คือ ไกลเท่าเดิม (ไฮดร้า อัลบั้มอัศเจรีย์ 2535) หลังร้องจบ พี่ปอนด์ก็ขอบคุณทุกคนก่อนลงเวทีไป พี่ป้างบอกว่าแฟนไฮดร้าหลายคนอาจจะรู้สึกไม่เต็มอิ่ม ต้องขอโทษด้วยเพราะถ้าเล่นกันแบบอีก 5 เพลง คอนเสิร์ตอาจจะเลิกตี 2 ได้ (ฮา)

แด่อาซิ้ม

จบจากเพลง คนฉลาด (อัลบั้มฉลองครบรอบ 30 ปี 2540) พี่ป้างนั่งลงยาวอีกครั้ง และเริ่มเล่าถึงอาซิ้มที่มักพูดถึงบ่อย ๆ ในเฟซบุ๊ก หรือก็คือแม่ของพี่ป้างเอง ว่าแม่ต้องเลี้ยงลูก 4 คนเพียงลำพังเพราะ พ่อพี่ป้างที่เป็นตำรวจเสียไปในหน้าที่ตั้งแต่พี่ป้างอายุได้ 9 ขวบ ส่วนใหญ่พี่ป้างจะหยิบเรื่องตลก ๆ ของพี่ป้างกับแม่มาเล่าเพราะสนิทกันมาก ทั้งเรื่องที่แม่บอกว่าไปเที่ยวไร่สเปิร์ม ที่จริง ๆ คือสะเมิง หรือเวลาที่แม่อยากจะขอเงินใช้ก็จะแกล้งโทรมาเสียงป่วย ๆ เป็นต้น และนั่นนำมาถึงเพลงต่อไป ความเป็นแม่ (อัลบั้มหัวโบราณ 2545)

ช่วงนี้ซึ้งมากครับ พี่ป้างร้องเพลงไปก็หยุดเพราะแกสะอื้นหนักมาก แฟน ๆ ต้องช่วยร้องต่อ จบเพลงพี่ป้างตะโกนบอกรักแม่ แกว่าเพลงนี้แกได้ร้องบนเวทีเป็นครั้งแรกเพราะหาโอกาสร้องไม่ได้ อีกอย่างคือเพราะแกคิดว่าอาจจะอินจนร้องไม่จบได้ แต่วันนี้เป็นวันเกิดของอาซิ้มแกเลยถือโอกาสได้ร้องให้แม่ด้วยครับ ซึ้งมาก ช่วงนี้ก็มีวลีฮิตที่แกเอามาใช้อีกหลายครั้งในช่วงหลังคือ “ดื่มในหน้าที่ เพื่อการแสดง” อะไรแบบนั้น แล้วแต่จะคิดกันครับ


นอกจากนี้แกก็ยังแนะนำให้รู้จักลูกสาวแก น้องขมิ้น ก่อนจะบอกรักลูกมากเหมือนกัน จากนั้นก็เข้าเพลง แก้วตาขาร็อค (อัลบั้มหัวโบราณ 2545) แล้วพี่ป้างก็พักช่วงให้แขกรับเชิญพิเศษขึ้นมาเล่น

บริษัทฮา? ไม่จำกัด?

ตรงนี้แล้วแต่คนชอบหรือไม่ชอบครับ ส่วนตัวคือคิดว่ามุกมันคาเฟ่มาก ๆ แบบไม่ได้ใหม่อะไรเลย พวกแข่งร้องเพลงให้คะแนนแล้วตบหัวเนี่ย แต่ด้วยความโปรมันก็ดูสนุกลื่น ๆ ไปได้ ทั้งที่เรารู้มุกอยู่แล้ว คนที่ไม่พอใจมาก ๆ อาจเพราะไม่ชอบดูตลกหรือไม่ได้อยากมาดูอยู่แล้วมากกว่า แต่จริง ๆ ก็เป็นสีสันดีครับ

โดยไฮไลต์จริง ๆ คือการที่เชิญพี่ป้างมาร่วมแสดงในฐานะเฮียใหญ่คนคุมแก๊ง ที่ไฮไลต์เพราะความกรึ่มของพี่ป้างได้ที่ ประกอบโดน บอล เชิญยิ้ม ยุใส่มอมแกแบบแก้วต่อแก้วจนแกลิ้นพันลืมบท ไอ้มุกที่คิดว่ารู้อยู่แล้วก็เลยกลายเป็นอะไรที่เหนือคาดแล้วฮามากครับ เหมือนดูเพื่อนในวงเหล้าตอนมันเมาแบบน่ารัก ๆ ตรงนี้ต้องบอกว่าเริ่มมีเลยเถิดบ้าง อย่างที่มีคนติงจริง ๆ ว่าแกเล่นมุกใต้สะดือบ้าง อย่างเล่นคำว่า ติดเป้ง เป็นต้น แต่ก็เป็นการเล่นกับพวกตลก ไม่ได้พูดกับคนดู ซึ่งคิดว่าพี่แกคงสนุกไปกับแขกรับเชิญเกินไปจริง ๆ จนลืมว่ามีเด็กฟังด้วย รวม ๆ ถึงจะยืดไปมาก แต่ก็ตลกมาก ๆ เช่นกันครับ ช่วงท้าย แจ๊ส ชวนชื่น ก็พูดได้กินใจดีว่าถึงพี่ป้างจะเมาแต่แกก็ทำเพื่อแฟน ๆ เสมอ

ภาพจากไอจี แจ๊ส ชวนชื่น

ช่วงนี้ก็ราว ๆ 5 ทุ่มแล้ว ก็เริ่มมีคนบ่นบ้างว่ากลัวตกรถอะไรแบบนั้น ก็เข้าใจได้ครับ แต่ก็เพราะมันเลทมาแต่เริ่มด้วยนั่นล่ะ พี่ป้างขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เลยพักคอนเสิร์ตไป 10 นาทีได้ ช่วงนี้ก็เริ่มมีคนกลับไปบางส่วนแล้ว

เมดเล่ย์

กลับมาพร้อมอารมณ์แบบมันต่อเนื่อง ด้วยเมดเล่ย์ยาว ๆ ทั้ง คิดอะไรอยู่ (อัลบั้มดอกเดียว 2550) เขาหรือผม (อัลบั้มหัวโบราณ 2545) 30 ยังแจ๋ว (อัลบั้มบันทึกการแสดงสดไฮไลท์ ไอซียู 2538) สบายดี (อัลบั้มไข้ป้าง 2537) ผู้ชายร้องไห้ (อัลบั้มขายหน้า 2542) แมน (อัลบั้มเลี่ยมทอง 2547) หัวล้านใจน้อย (อัลบั้มฉลองครบรอบ 30 ปี 2540) คือสุดมัน อารมณ์มันขึ้นไปพีคมากครับ พอดียืนติดหน้าเวทีต้องบอกว่า พี่ป้างทุ่มสุดตัวจริง ๆ อารมณ์มันส่งมาคนดูด้านล่างแบบเต็ม ๆ ทุกคนสนุกมากครับ แม้จะมีหลายช่วงที่แกส่งให้แฟน ๆ ช่วยร้อง แต่ช่วงเสียงสูงพีค ๆ นี่แกก็เก็บหมด ไม่ได้ว่าพลังการแสดงตกแต่อย่างใด ยิ่งในช่วงเพลงผู้ชายร้องไห้ที่ใส่โซโล่กีตาร์ยาว ๆ แล้วแกไปช่วยมือกีตาร์ลีดด้วยนี่อย่างเท่เลยครับ

บางช่วงแกก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูบ่อย คงเพราะกลัวจะยิ่งดึกเกินไป เพราะช่วงท้ายก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว

อังกอร์สุดประหลาด กับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้าย

น่าจะเป็นอังกอร์ที่ประหลาดมากครั้งหนึ่งเลยครับ พี่ป้างหมดแรงลงไปนั่งที่โซฟา (ช่วงหลัง ๆ นี่ตาพี่แกแทบไม่ลืมแล้วนะ จริง ๆ ก็ตั้งแต่ช่วงตลกแล้วล่ะ) แกบอกอย่างจริงใจเลยว่าตอนนี้ในสคริปต์แกต้องลงไปหลังเวที เพื่อรอให้แฟนอังกอร์ แต่ว่ามันเสียเวลา แกเลยจะขอเล่นอังกอร์ตรงนี้เลย อีกอย่างคือพี่ป้างว่าแกเก็บเพลงที่มันร้องยาก ๆ ไว้หลัง ๆ หมดเลย โดยเฉพาะเพลงนี้ ดังนั้นเพลงนี้แกอาจจะร้องไม่ไหวแล้ว ให้ทุกคนช่วยกันร้องด้วย และนั่นคือเพลงจบคอนเสิร์ต เธอมีจริง (อัลบั้มหัวโบราณ 2545)

ผมเชื่อเหลือเกินว่าที่พี่ป้างพูดว่านี่อาจจะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายของแกนั้นไม่ได้มาเพราะอุปสรรคมากมายที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่เพราะแกรู้ตัวมาแต่ต้นก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่ม ทั้งยอดขายบัตรที่ไม่สามารถ Sold Out ได้และอาจเหลือเกือบครึ่ง ทั้งอายุอานามของแกที่ปาเข้าไปวัย 50 ปีแล้ว อาจยืนยาวคอนเสิร์ต 2-3 ชั่วโมงไม่ไหวอีก ทั้งยุคสมัยที่ผ่านไปด้วย ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้พี่ป้างทำตามใจตัวเอง ที่คิดว่าจะทำให้แฟนพันธุ์แท้ของแกโดยเฉพาะ ทั้งการพูดอย่างใกล้ชิด ท่าทีที่เปิดใจไม่ห่วงภาพแต่ก็ยังสุภาพกับแฟน ๆ ทั้งการเชิญครอบครัวคนที่พี่ป้างรักมากมายมาดูบ้างเป็นแขกรับเชิญบ้าง

จบคอนเสิร์ต หลายคนอาจอิ่มใจ หลายคนอาจผิดหวัง หลายคนก่นด่า หลายคนให้กำลังใจ มันคงยากจะทำให้ทุกคนพอใจ เพราะต่างมีเกณฑ์ตัดสินที่ต่างกัน บางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้ แต่อย่างไรเสียก็ยากจะปฏิเสธว่า พี่ป้างคือตำนานอีกคนหนึ่งของวงการดนตรีไทย และคอนเสิร์ตนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ของแฟนเพลงตัวจริงได้จดจำไปตลอด อย่างแน่นอน

ขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ป้าง นครินทร์ และแฟนเพจ genie record มา ณ ที่นี้ด้วยครับ