กิลเลอร์โม เดลโตโร เป็นผู้กำกับ นักเขียน ผู้อำนวยการสร้าง และนักประพันธ์ เขาเป็นชาวเม็กซิกันโดยกำเนิด สร้างชื่อให้ตัวเองจากหนัง Cronos(1993) หนังสยองขวัญเม็กซิกันพูดภาษาสเปน ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากนักวิจารณ์ หนังได้รับเลือกเป็นตัวแทนของเม็กซิโก ส่งให้ออสการ์พิจารณาเป็นตัวแทนของเม็กซิโกเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม หลังทำผลงานแรกได้เสียงตอบรับดี กิลเลอร์โม จึงเข้าสู่วงการฮอลลีวู้ดเต็มตัว ได้ทำภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด เรื่องแรกคือ Mimic(1997) และยังคงเป็นหนังสยองขวัญ ชื่อเสียงของกิลเลอร์โม มาโด่งดังสุดในวันที่เขาทำ Pan’s Labyrinth ที่เขาผนวกหนังสยองขวัญเข้ากับหนังแฟนตาซี ประสบความสำเร็จสูงสุด คว้าไป 3 ออสการ์ แต่งหน้ายอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม

วันนี้ชื่อของกิลเลอร์โม อยู่ในฐานะผู้กำกับระดับแนวหน้าของฮอลลีวู้ด ที่ผู้ชมและผู้กำกับด้วยกันต่างก็ให้การยอมรับและอยากชมผลงานที่มีชื่อของกิลเลอร์โมเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งผู้กำกับปีเตอร์ แจ็คสัน ก็ยังไว้ใจให้กิลเลอร์โม มาสานต่อตำนาน The Hobbit ของเขา แต่ก็น่าเสียดายที่โปรเจ็คต์ความร่วมมือของทั้งคู่ไม่สำเร็จลุล่วง กิลเลอร์โม เป็นผู้กำกับที่ทำงานได้ทั้งหนังเอาใจตลาด และหนังสายรางวัล เป็นขวัญใจนักวิจารณ์และคนดูในกลุ่มกว้าง ตลอดช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษเราจึงได้เห็นผลงานของกิลเลอร์โมออกมาสลับกันทั้งหนังตลาดและหนังล่ารางวัล หนังกลุ่มตลาดก็อย่างเช่น Hellboy , Blade , Pacific Rim ส่วนหนังสายรางวัลก็ Pan’s Labyrinth และล่าสุดอย่าง The Shape Of  Water ที่ประกาศศักดามาแล้วในหลาย ๆ เวที และเข้าชิงออสการ์ถึง 13 รางวัล แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังเอาใจตลาดหรือหนังจะสายรางวัลสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของกิลเลอร์โมคือเหล่าอสุรกายหรือตัวประหลาดที่จะต้องมีอยู่ในหนังของกิลเลอร์โมทุกเรื่อง จะเป็นตัวเด่นบ้างหรือตัวประกอบบ้าง แต่อย่างไรก็ต้องมี และเป็นเอกลักษณ์ที่กิลเลอร์โมจะต้องคงไว้ตั้งแต่ Cronos ผลงานเรื่องแรกของเขา ถ้ารวมทุกเรื่องก็มีอสุรกายโผล่มาในหนังของกิลเลอร์โมหลาย 10 ตัวแล้ว ถึงตรงนี้เรา ลองคัดอสุรกายที่โดดด่น ๆ สัก 10 ตัวมาคุยกันว่า ตัวไหนน่าประทับใจกันบ้าง

10.ผีทะลุพื้น จาก Crimson Peak (2015)


คฤหาสน์ผีสิงที่เต็มไปด้วยเหล่าปีศาจหลายเผ่าพันธุ์มาอยู่ร่วมกัน แต่เจ้าตัวที่โดดเด่นสุด น่ากลัวสุดก็เห็นจะเป็นเจ้าผีโครงกระดูกสีแดงตัวนี้แหละ ที่โผล่ทะลุมาจากพื้นบ้าน แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง คลานเข้าหาอีดิธอย่างรวดเร็ว ด้วยภาพลักษณ์ที่ออกแบบมาให้มีแต่โครงกระดูก ส่งเสียงคำรามน่ากลัว รายล้อมด้วยควันสีแดง และการปรากฏตัวมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยล้วนเป็นองค์ประกอบให้เจ้าผีสีแดงตัวนี้ เป็นผีที่น่ากลัวตัวหนึ่งจากเรื่องนี้ แม้ตัวหนังจะไม่ได้เป็นผลงานระดับต้น ๆ ของกิลเลอร์โมก็ตาม

9.ไคจูตัวแรก จาก Pacific Rim (2013)


หนังฝั่งเอาใจตลาดแบบเต็ม ๆ ของ กิลเลอร์โม ที่ปลุกอารมณ์วัยเด็กของหลาย ๆ คนที่เคยสนุกไปกับหนังญี่ปุ่นหุ่นยนต์ยักษ์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ได้ดูภาพเหล่านี้แบบสมจริงอีกครั้งบนจอใหญ่ Pacific Rim และสร้างศัพท์ใหม่ว่า “ไคจู” ให้รู้จักกันทั่วไปว่าหมายถึงสัตว์ประหลาดยักษ์ แม้หนังจะไม่จัดอยู่ในกลุ่มหนังยอดเยี่ยมของกิลเลอร์โม ทำเงินได้ไม่ดีในสหรัฐแต่ก็ไปได้ดีในตลาดต่างประเทศทำให้หนังเกิดภาค 2 ที่จะออกมาในปีนี้ ไคจู ในที่นี้คือไคจูตัวแรกที่ปรากฎกายมาในเรื่อง เป็นไคจูที่สูงถึง 302 ฟุต หลุดมาจากใต้ผิวโลกหลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.1 และตรงเข้าทำลายสะพานโกลเด้นเกต นับเป็นฉากเปิดตัวที่สร้างความน่าตื่นเต้นและน่าจดจำ

8.เทพหัววิหาร จาก Hellboy The Golden Army (2008)


อีกหนึ่งวิสัยทัศน์มหัศจรรย์ของกิลเลอร์โม คือการสร้างฉากตลาดโทรล ที่เต็มไปด้วยบรรดาสัตว์ประหลาดหลายสายพันธุ์เดินกันขวักไขว่ แต่ตัวที่เราพูดถึงในหัวข้อนี้คือ “มนุษย์หัววิหาร” เขาเป็นเจ้าของร้านหนึ่งในตลาดโทรล มีลูกตา 2 ข้าง ตั้งแต่หน้าผากขึ้นไปแทนที่จะเป็นผมก็เป็นวิหารที่มีรายละเอียดสวยงาม แม้หัววิหารจะไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายในหนัง แต่ก็แสดงให้เห็นจินตนาการอันหลุดโลกของกิลเลอร์โมในการสร้างสรรค์ตัวประหลาดเช่นนี้ออกมา เดิมทีกิลเลอร์โมต้องการให้มีมนุษย์ตัวเล็ก ๆ วิ่งไปมารอบ ๆ วิหารบนหัวด้วย แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด จึงทำได้เท่าที่เห็น

7.Mr.wink จาก Hellboy The Golden Army (2008)


สัตว์ประหลาดอีกตัวจาก ภาค 2 ของ Hellboy มาในนาม มิสเตอร์วิงค์ เขาเป็นโทรลตัวใหญ่ ถูกจำแนกว่าเป็นโทรลถ้ำ มิสเตอร์วิงค์ทำหน้าที่เป็นมือขวาให้กับเจ้าชายนูเอด้า และเป็นองค์รักษ์ด้วย นอกจากรูปร่างใหญ่โตแล้ว วิงค์ยังมีอาวุธพิเศษที่แขนขวา เป็นแขนหลักมีกลไก สามารถยิงหมัดติดโซใส่ศัตรูและดึงแขนกลับมาเข้าปลอกได้ ด้วยพละกำลังและความถึกทนของมิสเตอร์วิงค์นี้ล่ะ ก็นับว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเฮลล์บอย ที่กว่าจะกำจัดได้ก็เล่นเอาพระเอกของเราเลือดออกฟันหักได้เหมือนกัน

6.คาร์ล รูเพรตช์ โครเนน จาก Hellboy (2004)


ตัวร้ายสุด ๆ จาก Hellboy ภาคแรก ที่กิลเลอร์โมแปลงโฉมจากภาพลักษณ์เดิมของคาร์ลในการ์ตูนไปมาก จากเดิม คาร์ล เป็นวายร้ายที่ค่อนข้างสุขุมนอบน้อม แต่พอมาปรากฏตัวบนแผ่นฟิล์ม กิลเลอร์โม ก็ทำให้คาร์ล กลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็น และมีภาพลักษณ์เป็นผีดิบนาซีที่เต็มไปด้วยกลไกบนร่างกาย เขามีมือเหล็กที่มองเห็นฟันเฟืองทำงานภายใน มีกระดูกสันหลังเป็นเหล็ก และใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา แม้จะมีร่างกายสังเคราะห์แต่คาร์ลก็ยังคล่องแคล่วว่องไว และเชี่ยวชาญดาบคู่ในมือมาก แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ความถึกทนของเฮลล์บอยอยู่ดี

5.ปีศาจแพะ จาก Pan’s Labyrinth


หนึ่งในหลาย ๆ ตัวประหลาดจากหนังมาสเตอร์พีซของ กิลเลอร์โม ปีศาจแพะ เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องที่ออกมาบอกหนูน้อยโอฟีเลียว่าแท้จริงแล้วเธอคือเจ้าหญิงโมนนา ปีศาจแพะมีส่วนผสมของความหลากหลาย มีตาเหมือนแมว เขาใหญ่โต จมูกแบบสิงโต และหูแบบกวาง แต่ทั้้งหมดก็อยู่บนร่างกายที่คล้ายมนุษย์ นับเป็นหนึ่งในตัวประหลาดที่สร้างสรรค์มาได้น่าจดจำของกิลเลอร์โม แต่ทั้งหมดก็ต้องชื่นชมการแสดงอันน่ามหัศจรรย์ของดั๊ก โจนส์ ผู้อยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ของปีศาจแพะที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์ให้ปีศาจแพะเป็นอสุรกาย 2 บุคลิกดูมีทั้งความอ่อนโยนและความน่ากลัวไปในขณะเดียวกัน

4.Judas Breed จาก Mimic (1997)


หนังเรื่องแรกของกิลเลอร์โม เดลโตโร ในฮอลลีวู้ด เรื่องของ ดร.ซูซาน นักวิทยาศาสตร์ที่เพาะพันธุ์แมลงสาบสายพันธุ์พิเศษที่ปล่อยไปปะปนกับแมลงสาบแล้วจะแพร่เชื้อล้างเผ่าพันธุ์แมลงสาบให้สูญสิ้น หลายปีผ่านไปแมลงสาบเหล่านั้นกลายพันธุ์ไปจนมีขนาดเท่ามนุษย์และมีความสามารถในปลอมแปลงรูปร่างให้คล้ายเหยื่อเพื่อเข้าไปประชิดก่อนที่จะสังหารเหยื่อ และบ่อยครั้งที่เหยื่อของพวกมันคือมนุษย์ กิลเลอร์โม ตั้งชื่อเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ว่า Judas Breed เป็นแมลงสาบที่ฉลาดและน่ากลัวดุร้าย Mimic เป็นผลงานเรื่องแรกและเรื่องเดียวของกิลเลอร์โมที่ได้ร่วมงานกับค่าย Miramax แล้วก็เจอประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเมื่อ บ็อบ ไวน์สตีน เข้ามาก้าวก่ายในการทำงานของเขามากเกินไป รวมถึงสั่งให้เปลี่ยนตอนจบของหนังให้
แฮปปี้เอนดิ้งด้วย

3.เทพแห่งความตาย จาก HELLBOY II: THE GOLDEN ARMY (2008)


นับเป็นอสุรกายตัวที่ 3 จากเรื่องนี้แล้วที่อยู่ในรายชื่อนี้ เพราะเป็นหนังเรื่องเดียวของกิลเลอร์โมที่รวมเหล่าอสุรกายไว้มากที่สุด เทพแห่งความตายเป็นลูกผสมครึ่งเทพครึ่งปีศาจ มาด้วยภาพลักษณ์ที่ดูทั้งมีความแฟนซีเต็มไปด้วยจินตนาการและก็น่ากลัวในขณะเดียวกัน ด้วยหน้าตาเหมือนกระโหลกมนุษย์แต่ไม่มีตา แต่มีดวงตานับโหลอยู่บนปีกสีดำอันหรูหรา หัวเป็นทรงเห็ด รูปร่างผอมซูบ เทพแห่งความตายเป็นเทพที่ตามติดชีวิตของเฮลล์บอย เมื่อใดที่เฮลล์บอยอยู่บนสถานะคาบเกี่ยวกับความตาย เทพก็จะออกมารอคอยวิญญาณของเฮลล์บอย

2.THE REAPERS จาก BLADE II (2002)


หนังภาคต่อของแวมไพร์ซูเปอร์ฮีโร่ และเป็นหนังภาคต่อเรื่องเดียวที่กิลเลอร์โมเคยไปกำกับไว้ ด้วยไอเดียและวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์อสุรกายของเขา ก็ทำให้ BLADE II ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าภาคแรก และตัวที่ทำให้หนังได้รับความจดจำก็คือ THE REAPERS แวมไพร์ตัวร้ายของเรื่องที่มาจากมันสมองของกิลเลอร์โม เขาออกแบบให้มันดูน่าเกลียดน่ากลัวมาก เป็นแวมไพร์พันธุ์หัวล้าน หูชี้ ผิวหนังขาวซีด ที่น่าขยะแขยงสุดคือช่องปากรูปสามเหลี่ยม ที่อ้าได้กว้างมองเห็นเขี้ยวแหลมและลิ้นเป็นรูปท่อที่พร้อมจะสูบเลือดจากเหยื่อ THE REAPERS มีความร้ายกาจกว่าแวมไพร์ทั่วไปเพราะมีพัฒนาการแรงกล้าจนไม่กลัวกระเทียมและกระสุนเงินอีกต่อไปแล้ว

1.ผีตัวซีด จาก PAN’S LABYRINTH (2006)


และนี่คือที่สุดของอสุรกายจากจินตนาการของกิลเลอร์โม เดลโตโร Pale Man คืออสุรกายที่น่ากลัวที่สุดจาก PAN’S LABYRINTH หนังที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติที่สุดของกิลเลอร์โม ในขณะนี้ เพราะเรายังไม่รู้ผลออสการ์กับ The Shape Of Water ผลงานล่าสุดของเขา ผีตัวซีด มาพร้อมกับภาพลักษณ์ผิวขาวซีดหนังเหี่ยวย่น และที่โดดเด่นสุดคือมันมีตาอยู่บนฝ่ามือ และมันชอบกินเด็ก ฉากที่ผีตัวซีดวิ่งไล่โอฟีเลียไปมาในรังมืดของมัน ทำให้สตีเฟน คิง เขยิบตัวไปเบียดกับกิลเลอร์โมได้ในวันที่นั่งดูรอบปฐมทัศน์ด้วยกัน การทำให้เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญยังกลัวได้ นับว่ากิลเลอร์โมประสบความสำเร็จแล้ว และอีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือดั๊ก โจนส์ ดาราขาประจำของกิลเลอร์โม ที่เป็นผู้รับบทเจ้าผีตัวซีดนี้ นับเป็นคู่ที่ส่งเสริมกันได้ดีจริง กล่าวได้ว่าถ้าไม่มีดั๊ก โจนส์ ก็ยากที่กิลเลอร์โม จะหาใครมาเล่นเป็นเหล่าอสุรกายให้เขาได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ และขณะเดียวกันดั๊ก ก็เป็นที่รู้จักในวงการก็เพราะได้รับความสนับสนุนจากกิลเลอร์โมเช่นกัน