คราวนี้ถือว่าเป็นการมาเยือนไทยครั้งที่ 3 แล้วกับวงอินดี้ ป็อป ชาวอาทิตย์อุทัย ขวัญใจคออินดี้ไทย “The fin.” (ของแท้ต้องมีจุด . ท้ายชื่อ) ที่คราวนี้ไม่ได้มาแค่วงเดียวเดี่ยวโดด หากแต่ได้พาวงดนตรีบ้านเดียวกันมาสร้างความสุขผ่านเสียงดนตรีด้วย คือ “Yogee New Waves” ที่เป็นวงคลื่นลูกใหม่มาแรงสมชื่อ นอกจากนี้ยังได้วงเปิดเป็นวงอินดี้ไทย ฝีมือดี มีสไตล์อย่าง “สมเกียรติ (Somkiat)” มาร่วมวงบันเทิงด้วย นับว่าเป็นอีกงานคอนเสิร์ตที่น่าจับตามอง

เราไปดูรายละเอียดของงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้กันก่อนดีกว่าครับ


รายละเอียดของงาน


ชื่องาน : The fin. + Yogee New Waves Live in Bangkok

ผู้จัด : Seen Scene Space

วัน : 25 มีนาคม 2018
สถานที่ : Voice Space
ประตูเปิด : 18.00 .

ราคาบัตร : Early Bird 1200 บาท (จำกัดที่ 500 ใบ) ขายหมดเกลี้ยงเรียบร้อย

Regular 1500 บาท  แต่ถ้าซื้อพร้อมกันสามใบจะได้ลดเหลือ 1333 บาทต่อหนึ่งใบ

รายละเอียดเพิ่มเติม : * บัตรทั้งหมดเป็นบัตรยืน ไม่มีแบ่งโซน  ** งานนี้ไม่จำกัดอายุผู้เข้าชม

คราวนี้เรามาดูประวัติและผลงานของแต่ละวงที่มาเล่นในงานนี้กันดีกว่าครับ


The fin.


The fin. เป็นวงอินดี้ ป็อป สัญชาติญี่ปุ่นจากทาคาระซึกะ จังหวัด เฮียวโงะ  ก่อตั้งวงขึ้นในปี 2010

สมาชิกแต่เดิมมีทั้งหมด 4 คน ได้แก่

     • ยูโตะ อุชิโนะร้องนำ ,ซินธ์ และ กีตาร์

     • เรียวสุเกะ โอดางากิกีตาร์

     • คาโอรุ นาคาซาว่ากลอง

  • ทากายาสุ ทากูชิ – เบส

แต่ตอนนี้เหลือ 3 คือ ยูโตะ ,เรียวสุเกะ และ คาโอรุ

The fin. เริ่มรวมตัวกันตั้งแต่อนุบาล! โดยยูโตะ ทากูชิ และ นาคาซาว่า นั้นเป็นเพื่อนเรียนโรงเรียนเดียวกัน ต่อมาก็เฮไปเรียนประถมที่เดียวกันอีกจนได้พบกับ เรียวสุเกะ และเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากนั้นพอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจึงเริ่มสนใจดนตรีเลยลองคัฟเวอร์เพลงเล่นดู วงญี่ปุ่นที่ทั้งสี่ชอบคัฟเวอร์เล่น คือเพลงของวง Asian Kung-fu Generation  (วงที่ทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Solanin)

กลยุทธ์ในการเผยแพร่ผลงานของ The fin. จะมีความแตกต่างจากวงอินดี้ญี่ปุ่นวงอื่นที่มักจะเช่าไลฟ์เฮ้าส์เพื่อเล่นสด และก็เล่นอยู่อย่างนั้น โดยไม่ได้ออกไปไหน แต่ The fin. มองว่ามันมีช่องทางดีๆที่สามารถทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในระดับโลกได้ นั่นก็คือ soundcloud นอกจากนี้อีกปัจจัยที่สำคัญในการเป็นที่รู้จักก็คือ ภาษา ดังนั้น The fin. จึงตัดสินใจที่จะแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เหตุผลไม่ใช่แค่ให้สื่อสารง่ายหากแต่ภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับท่วงทำนองเพลงของพวกเขานั่นเอง

งานดนตรีของ The fin. มีส่วนผสมของแนวดนตรี ซินธ์ป๊อป ชิลเวฟ อินดี้ร็อก และ ดรีมป๊อป หากใครชอบ Mew, Kings of Convenience , The Delays,M83, Phoenix , Last Dinosaurs ก็คงจะชอบ The fin. เป็นแน่

เพลงที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักคือ “Night Time” ซึ่งตอนแรกเผยแพร่ผ่านทาง Soundcloud ในเดือนกันยายนปี 2013 หลังจากนั้นไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะรู้จัก เดอะ ฟิน หากแต่ในต่างประเทศรวมถึงในไทยก็รู้จักพวกเขาผ่านบทเพลงนี้ด้วย

จากนั้นทางวงก็ได้ร่วมเล่นในงานคอนเสิร์ตใหญ่ๆอย่าง Fuji Rock Festival ในปี 2014 , SXSW ที่เท็กซัส สหรัฐอเมริกาในปี 2015  นอกจากนี้ยังมีทัวร์ในลอนดอนอีกด้วย

The fin. ออกอัลบั้มเต็มมาแล้ว 2 อัลบั้ม ได้แก่  Days With Uncertainty (2014) และ There (2018) ที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆเลย

ลองมาฟังเพลงจาก The fin. กันดีกว่าครับ

 Floating In The Air

Play video

Circle On The Snows

Play video

Without Excuse

Play video

Night Time

Play video

และ

Shedding (ซิงเกิ้ล จาก อัลบั้มล่าสุด)

Play video


Yogee New Waves


เป็นอีกหนึ่งวงอินดี้ญี่ปุ่นมาแรงแซงทางโค้ง ที่มีเพลงฮิตอย่าง World Is Mine, Like Sixteen Candles ให้ได้ฟังกันทางยูทูบ และล่าสุดกับซิงเกิ้ล How Do You Feel? ที่เพิ่งปล่อยมาได้ไม่นาน

วงนี้มีกลิ่นอายทางดนตรีของแนว  surfpop ผสมกับเพลงร็อก ยุค 80s ของญี่ปุ่น

สมาชิกทั้งสี่มาจากโตเกียว ได้แก่

เคนโกะ คาคุดาเตะ – ร้องนำ,กีตาร์

ฟูมิยะ ทาเคมุระ – กีตาร์

โคเสะ อุเอโนะ – เบส

เทซึชิ คาสุยะ – กลอง

ทั้งสี่เริ่มตั้งวง Yogee New Waves ในปี 2013 โดยมี CLIMAX NIGHT เป็นเดบิวต์ EP ออกมาในปี 2014  จากนั้นวงก็ได้เล่นในเวทีใหญ่ๆอย่าง FUJI ROCK หลังจากนั้นอัลบั้มแรกก็ได้ปล่อยออกมาโดยใช้ชื่อว่า  PARAISO ตามมาติดๆด้วย ซิงเกิ้ล Fantasic Show และ EP อัลบั้มที่สอง SUNSET TOWN และล่าสุดกับอัลบั้มที่สอง WAVES ที่ออกมาในปี 2017 ที่มีเพลงเพราะๆเพียบเลย  ในปัจจุบัน Yogee New Waves เป็นอีกหนึ่งวงอินดี้ญี่ปุ่นที่น่าจับตามอง และอัลบั้มก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงหลายรางวัล อีกทั้งมีทัวร์คอนเสิร์ตอีกเพียบ

เพลงที่เราแนะนำ

World is Mine

Play video

Like Sixteen Candles

Play video

SAYONARAMATA

Play video

HOW DO YOU FEEL?

Play video


Somkiat


สมเกียรติ วงอินดี้ป็อปไทย ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์   Coke Music Award 2010   และสมาชิกวงก็จบมาทางด้านดนตรีจาก คณะดุริยางคศิลป์ มหิดลอีกด้วย 

สมเกียรติ มีกันอยู่ 5 คนได้แก่

โบ๊ทคนาวิน เชื้อแถว (ร้องนำ)

บอสภูริช พันธุ์รุ่ง (กีตาร์)

นัทณัฐ เบญจรงค์รัตน์ (เบส)

ยิ้มประวิทย์ ฮันสเตน (กลองชุด)

นนธนญ แสงเล็ก (กีตาร์)

ทั้ง 5 รวมตัวกันจากการที่เป็นเพื่อน และรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะเดียวกัน เมื่อคุยถูกคอก็เลยชวนกันมาทำวง โดยชื่อวงนั้นได้มาจาก อู่ซ่อมรถหน้าม.มหิดล ที่มีชื่อว่า “สมเกียรติ การาจ” ทำให้วงนึกถึง การาจร็อค ก็เลยอยากเล่นเพลงแนวนี้ จึงเอาชื่อ “สมเกียรติ” นี่ล่ะมาตั้วชื่อวงซะเลย

สมเกียรติ ปัจจุบันออกผลงานกับทางค่าย สมอลรูม เป็นวงดนตรีที่มีทำเพลงมีกลิ่นอายของยุคสมัยใหม่และมีเมโลดี้สำเนียงการร้องที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีจังหวะและ Rhythm ที่มีความสนุกชวนโยกและเต้นตามไปด้วย  เป็นวงที่เพลงมีความสนุกและคาแร็คเตอร์ของวงก็ดูกวนๆเข้ากับอารมณ์เพลง

ตอนนี้มีผลงานมาแล้วหนึ่งอัลบั้ม คือ _SARA (2015)

เพลงที่เราแนะนำ

ช่างมัน | WHATEVER

Play video

ขอเถอะปีนี้

Play video

ขอวอน 2 | TOGETHER II

Play video


ผู้จัดงาน


เป็น Seen Scene Space เจ้าเก่าอีกแล้วครับ (ปีนี้งานเยอะมาก) 

Seen Scene Space  เป็นกลุ่มคนดนตรีเดียวกันกับค่ายเพลง Parinam Music บ้านของศิลปินอย่าง ปลานิลเต็มบ้านGym and Swim และ Seal Pillow  มีหัวเรือคือ คุณปูมปิยสุ โกมารทัต ที่หลังจากทำค่าย Parinam Music มากว่า 10 ปี และค่ายเริ่มอยู่ตัวแล้ว จึงอยากเริ่มทำเป็น music organize จัดงาน event ทางดนตรีดีๆ อาทิเช่น Pow! Fest ที่เป็นเทศกาลดนตรีที่รวบรวมวงอินดี้ในแนว Dream pop, Soft Rock ทั่วไทย และ concert promoter นำวงดนตรีอินดี้ดีๆจากต่างประเทศเข้ามาให้แฟนเพลงชาวไทยได้ฟังกัน


วัน เวลา และสถานที่


งานจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคมนี้นะครับ ประตูเปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ซึ่งงานจะจัดขึ้นที่ Voice Space

ซึ่ง Voice Space ก็คือ Event Hall ที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ Voice TV  ริมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่ เป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ ดนตรี การแสดง แฟชั่น งานสัมมนา ฯลฯ

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์นั้นถือว่าสะดวกอยู่ครับเพราะว่าอยู่ใกล้ทางด่วน อีกทั้งยังมีที่จอดรถค่อนข้างเพียงพอ (ถ้ามาตรงเวลางานเริ่มได้จอดแน่นอน) แต่หากไม่เดินทางมาด้วยรถส่วนตัวก็สามารถมาด้วย รถประจำทางหรือ BTS ได้ครับโดยถ้ามาด้วย BTS สามารถลงได้สองสถานี ได้แก่

  1. ลงที่สถานี อารีย์ – ทางออกที่ 3 (ฝั่ง ลาวิลล่า อารีย์)- เดินทางโดยรถแท็กซี่โดยเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธิน 2 ตัดเข้าถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าแยกวิภาวดี-สุทธิสาร (ติดกับสโมรสรทหารบก)

2. ลงที่สถานี อนุเสาวรีย์ชัยฯ – ขึ้นรถประจำทางที่ฝั่งเกาะดินแดง – รถประจำทางที่ผ่าน Voice Space หมายเลข 24, 69, 92, 538, 504, 555 เลือกลงที่ป้ายของสโมสรทหารบก


ราคาบัตร


ถ้าซื้อ Early Birds ก็จะได้ในราคา 1,200 บาทนะครับ แต่ว่ามีเพียง 500 ใบและตอนนี้ก็หมดไปแล้ว  ดังนั้นราคาบัตรตอนนี้จะอยู่ที่ 1,500 บาท ถ้าหารเฉลี่ยต่อวงแล้วอยู่ที่วงละ 500 บาทครับ และถ้ามาดูกับเพื่อนๆเป็นทีม สามารถแพ็ค 3 ซื้อพร้อมกันได้ในราคาใบละ 1,333 บาท ครับ


ช่องทางการซื้อบัตร


สำหรับช่องทางการซื้อบัตรนั้นค่อนข้างสะดวกครับ สามารถเข้าไปได้ที่ https://www.ticketmelon.com/936/thefinyogee   จากนั้นก็กรอกรายละเอียดแต่เพียงเล็กน้อย จะสร้าง account ใหม่หรือ log in ด้วย facebook ก็ได้ครับ

ส่วนช่องทางการชำระเงินก็ทำได้ทั้ง ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ซึ่งได้รับตั๋วทันที อีกทางคือ ATM/เคาน์เตอร์/เคาน์เตอร์ธนาคาร/อินเตอร์เน็ต ซึ่งจะต้องนำใบ จ่ายเงินหรือ Reference Code ไปชำระเงินให้เสร็จสิ้นจึงจะได้รับตั๋วครับ

บัตรที่ซื้อจะได้เป็น e-ticket คือ สามารถใช้เข้างานได้เลย โดย

  1. print ออกมาเป็นกระดาษก็ได้
  2. โชว์จากโทรศัพท์ก็ได้ ซึ่งจะเป็น QR Code ไว้สแกนน่างาน โดยสามารถเปิดได้จากหน้าเว็บ ticketmelon , e-mail ของเราที่กรอกตอนซื้อบัตร หรือภาพที่ capture เก็บไว้ก็ได้ครับ

โดยสรุปแล้ว คิดว่างานนี้เป็นอีกหนึ่งงานที่ไม่น่าพลาดครับ หากใครชอบดนตรีแนวนี้ The fin. ถือว่าเป็นวงอินดี้ญี่ปุ่นชั้นแนวหน้าเลย หากไม่เจ๋งจริงคงไม่ได้มาเล่นถึง 3 ครั้งแน่ๆ  งานเพลงของ The fin.จะฟังเอาสนุกก็ได้ ฟังเอาผ่อนคลายก็เพลิน หากยิ่งอยู่ในบรรยากาศการเล่นสดด้วยแล้วรับรองว่า ลอย!!! นอกจากนี้ยังมี Yogee New Waves ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย หากใครชอบกลิ่นดนตรีแบบป็อปญี่ปุ่นละก็ จะหลงรักวงนี้แน่นอน  และก่อนที่จะไปสนุกกับวงดนตรีแดนปลาดิบสองวงนี้ ก็มีวงไทยอย่าง สมเกียรติ มาอุ่นเครื่องความสนุกอีกต่างหาก  แค่คิดก็สนุกแล้วนะ เพราะฉะนั้นหากใครมีเวลาและกำลังเงินพอประมาณไม่หนักมาก ก็คิดว่าคอนเสิร์ตนี้คงเหมาะต่อการพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์หน้าที่กำลังจะมาถึงครับ