[รีวิว] Westwood: punk, icon, activist สารคดีมนุษย์ป้าที่บ้าที่สุด
Our score
7.8

Westwood: punk, icon, activist วิเวียน เวสต์วูด มนุษย์ป้าสายพังค์!

จุดเด่น

  1. ซับเจ็กต์ของสารคดีน่าสนใจมาก

จุดสังเกต

  1. การคุมการเล่าเรื่องยังไม่ค่อยราบรื่น
  2. ไม่ลงลึกไปเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงพอ
  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.5

  • ความแปลกใหม่

    8.5

  • ความสนุก

    8.5

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    7.0

Play video

สารคดีเรื่องนี้เกี่ยวกับ

“วิเวียน เวสต์วูด” โด่งดังก้องโลกในฐานะเจ้าแม่แฟชั่นพังค์ผู้แหกคอกตั้งแต่ด้านงานดีไซน์ไปยันทัศนคติการใช้ชีวิตและการเป็นแอ็กติวิสต์ตัวเจ็บ และนี่คือหนังที่จะบอกเล่าการต่อสู้ทุกด้านของหนึ่งในไอค่อนผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคสมัยที่สุดคนนี้!

หนังสารคดี ดี ๆ จาก Documentary Club ที่มารอบนี้ยังคงได้สารคดีจากสายแฟชั่นมาฉายอีกเช่นเคย แม้เราจะได้ชมสารคดีหรือหนังบันเทิงที่เกี่ยวกับวงการแฟชั่นมาหลายเรื่อง ทั้งจากมุมมองดีไซน์เนอร์ นางแบบ หรือแม้แต่ทีมงานที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ช่างภาพ แต่มันก็คงยังมีสิ่งที่น่าค้นหาได้เรื่อย ๆ อาจเพราะแฟชั่นเป็นเรื่องที่สอดคล้องใกล้ชิดระหว่างชีวิตคนกับศิลปะมากที่สุดนั่นเอง

กับ วิเวียน เวสต์วูด สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจใฝ่รู้เรื่องแฟชั่นมากนักอย่างผม ก็รู้จักเพียงว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นเมืองนอกอันหนึ่ง ที่คล้าย ๆ กับแบรนด์อีกหลาย ๆ แบรนด์ที่แฟชันจัดและใส่ไม่ได้ในชีวิตจริงหรอก ซึ่งการได้รู้จักตัวตนของวิเวียนก็ทำให้เปลี่ยนมุมมองไปหลายอย่าง ทั้งแนวคิดเบื้องหลังการทำผลงานของเธอ ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ตัวเธอและจุดยืนทางความคิดของเธอมาอย่างเข้มข้น ทั้งในแง่ความเป็นขบถที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมในกระแสพังค์กับการกำเนิดวงแห่งยุคอย่าง Sex Pistols อย่างใกล้ชิด เธอจุดกระแสวัยรุ่นที่ต่อต้านกรอบแนวคิดสถาบันหลักซึ่งโบราณคร่ำครึผ่านทางเสื้อผ้าของเธอ จนงานบางชิ้นในช่วงเวลานี้ถูกเก็บรักษาอย่างดีในฐานะสมบัติชาติที่ทรงคุณค่าสะท้อนภาพแห่งยุคสมัยอย่างชุ่มโชก

เช่นเดียวกับตัวเธอซึ่งได้รับยศจากควีนแห่งอังกฤษในฐานะผู้หญิงที่ส้รางแรงกระเพื่อมแก่ยุคสมัย

มองในแง่สารคดี ก็ต้องยอมรับว่าผู้กำกับหญิงอย่าง ลอร์นา ทักเกอร์ ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะตีกรอบเส้นเรื่องโดยการคุมพยศตัวประธานของเรื่องอย่าง วิเวียน ผู้ซึ่งให้สัมภาษณ์อย่างกราดเกรี้ยวเหลือเกินว่า “นี่ฉันต้องพูดเรื่องเก่า ๆ พวกนี้อีกแล้วเหรอ” หรือ “ฉันว่าเรื่องพวกนี้น่าเบื่อจะตาย เธอจะทำหนังแบบนี้จริงเหรอ” นั่นน่าจะเป็นอุปสรรคมากสุดของหนังแล้ว จริง ๆ เธอน่าจะเป็นบุคคลที่ผู้กำกับหลายคนคงอยากเลี่ยงเลี่ยงจะสัมภาษณ์มากที่สุด แม้เธอจะมีตัวตนที่น่าสนใจสูง บุคลิกที่แสบเซี้ยวคาดเดาไม่ได้ และความเป็นไอคอนแห่งยุคสมัยในหลากหลายแง่มุม ทั้งวงการแฟชั่น วงการการเมือง วงการสิ่งแวดล้อม วงการดนตรี ก็ตาม

นี่จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราอาจรู้สึกว่าหนังยังไม่สมบูรณ์นัก ยังไม่กลมกล่อมในแต่ละภาคของเธอ เพียงแต่หยิบนั่นนิดนี่หน่อยมาพูดให้ครบ แล้วก็ต้องอาศัยมุมมองจากคนรอบข้างเธอมาช่วยมากหน่อยเพื่อเล่าเรื่องได้ราบรื่น จนสุดท้ายก็กลายเป็นเพียงการติดตามชีวิตการทำงานในวัยชราที่ยังแก่นเซี้ยวของเธอเสียมากกว่า

แต่แม้จะมีความพร่องอยู่ แต่หนังสารคดีเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดความไม่อาจคะเนของวิเวียนออกมาได้สมบูรณ์โดยไม่ได้ตั้งใจ และกลายเป็นงานที่มีเอกลักษณ์มากเรื่องหนึ่ง หลายคนน่าจะได้มุมมองความคิดดี ๆ จากความวุ่นวายที่ถูกถ่ายทอดอยู่บนจอจากทั้งวิเวียนเอง และคนรอบข้างไม่มากก็น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมาก ๆ คือ ความรักในงาน ในผู้คน และต่อโลก คือสิ่งที่ทำให้คุณมีชีวิตในทุกวันอย่างมีชีวิตชีวาแม้จะร่างกายจะโรยราเท่าใดก็ตาม อย่างเช่นที่วิเวียนเป็นมาตลอด และคงตลอดไป

ปล. ผมก็ยังรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเธอใส่ยากในชีวิตจริงอยู่ดี แต่ก็เข้าใจคนที่ใส่มันมากขึ้นล่ะนะ เพราะเสื้อผ้ามันไม่ได้ทำหน้าที่แค่สนองปัจจัย 4 แต่อาจเติมเต็มตัวตน ค่านิยมทัศนคติของบางคนให้ชัดเจนขึ้นด้วยนั่นเอง