Play video

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

เรื่องย่อ

การกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับชาวจีนฝีมือทอง “จาง อี้โหมว” ที่ฝากผลงานยอดเยี่ยมอลังการระดับนานาชาติเอาไว้อย่าง Hero (2002), House of Flying Daggers (2004), Curse of the Golden Flower (2006) และอื่นๆอีกมากมาย เตรียมตัวพบกับเนื้อหาที่เข้มข้นและการกำกับศิลป์วิจิตรตระการตากับการกำกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาได้ 8 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

หนังว่าด้วยการตีความใหม่ของช่วงเวลาหนึ่งในสามก๊ก เมื่อฮ่องเต้เกิดคลั่งอำนาจไล่ชาวเมืองจิ้วโจว หรือเกงจิ๋วที่คอวรรณกรรมชาวไทยคุ้นเคยดี จนเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า คนกลุ่มหนึ่งจึงมิอาจอดทนดูไหวจับแผนการขึ้นเพื่อยุติโศกนาฏกรรมของบ้านเมือง โดยในอีกด้านหนึ่งว่าด้วยชีวิตของ เงา ชายผู้ถูกเลี้ยงดูขึ้นเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้แก่จอมทัพใหญ่ ดั่งหมากที่เตรียมไว้ใช้เป็นเหยื่อล่อแล้วทิ้งเมื่อสบโอกาส หากแต่เขากลับพบพานความรักและมุ่งแสวงหาการมีชีวิตของตนเอง เรื่องราวการโค่นล้มฮ่องเต้ที่มีเงาอยู่ในแผนนี้จึงพลิกผันซับซ้อนยากคาดเดา

นี่น่าจะเป็นการคืนฟอร์มจริงจังครั้งแรกของ จางอี้โหมว เลยนะ นับตั้งแต่ Hero เพราะส่วนตัวแล้ว หนังอย่าง Curse of the Golden Flower และ House of Flying Daggers มันมีความล้นและไม่คลาสสิกในแง่การนำเสนอ หรือแม้แต่เชิงเนื้อหาเทียบเท่า Hero จริง ๆ

หากหนังอย่าง Hero คือการใช้สีเพื่อขับเน้นเรื่องราวสุดยอกย้อนและเปี่ยมปรัชญาอุดมการณ์จอมยุทธ หนังอย่าง Shadow ก็คือการทะลุข้ามเรื่องสี สู่ความพื้นฐานในเรื่องขาว-ดำ การเล่นเฉดเทา และแสงเงา เพื่อขับเน้นสอดผสานกับเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยตัวตน ความจริงความเท็จ และนี่จึงบอกได้ว่าเป็นความลงตัวในแง่การเล่าเรื่องและวิธีการนำเสนอสุดวิจิตรดั่งภาพเขียนพู่กันจีน ที่จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการวางประทับลงในใจแฟนหนังได้อีกทางหนึ่ง ในแบบที่ง่ายขึ้นแต่ชัดเจนลุ่มลึกไม่แพ้กัน

หนังเรื่องนี้ใช้เวลาเขียนบทถึง 3 ปี และถ่ายทำอีกร่วม 2 ปี จนได้เนื้อหาคมคายและงานภาพสุดอลังการ ทั้งยังได้ดาราดังของจีนร่วมสมทบอีกมากมายทั้ง เฉิงไค (จาก The Great Wall), เติ้งเชา (จาก The Mermaid), หวังเชี่ยวหยวน (จาก Saving Mr.Wu), หูจุน (จาก Red Cliff), กวนเสี่ยงถง (จาก The Founding of a Army), อู๋เหล่ย (จาก Asura) และ ซุนลี่ (จากThe Lost Bladesman) ด้วย และเพียงเพิ่งฉายในจีนไปเมื่อเดือนกันยายนนี้เอง หนังก็มีชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ของเมืองจีนอย่าง รางวัลม้าทองคำ ไปถึง 14 รางวัล รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย

หนังว่าด้วยเรื่องราวสุดคาดเดา โดยผู้เล่นกลหมากการเมืองต่างวิถี หนึ่งคือฮ่องเต้แคว้นเพ่ยที่ภายนอกดูเป็นชายเจ้าสำราญไม่ฟังเสียงประชาราษฎร์เรื่องการทวงคืนเมืองจิ่ง (เกงจิ๋ว) ที่ถูกอีกแคว้นยึดครองมายาวนาน แต่ภายในนั้นกลับดูความคิดซับซ้อนยากคาดเดา สองคือจอมพลแคว้นเพ่ย ผู้พ่ายแพ้แก่แม่ทัพหยางผู้ยึดครองเมืองจิ่งมาคราหนึ่งแล้วจนขาพิการ แต่ยังดึงดันไม่รามือจะต้องก่อสงครามกู้เมืองล้างแค้นให้จงได้ในช่วงชีวิตเขา สามคือทาสนาม จิ่วโจว เงาผู้ถูกชุบเลี้ยงมาเป็นตัวตายตัวแทนยามมีภัยให้ท่านแม่ทัพ หากเวลานี้เขาจำเป็นต้องมาวิ่งเต้นเป็นหมากเพื่อล้างแค้นให้แม่ทัพแทน และภายในใจนั้นเขายังคงแสวงหาอิสรภาพอันยากยิ่งอยู่เสมอ สี่คือฮูหยินแม่ทัพผู้ต้องช่วยเก็บงำความลับของท่านแม่ทัพให้สามี ทั้งยังค่อย ๆ ก่อความสัมพันธ์ให้เงาด้วยความสงสารจนอาจนำมาซึ่งปัญหาซับซ้อน

หนังเหมือนนิยายจีนที่ซับซ้อนเฉือนคม ต่างซ่อนกล ซ่อนความคิด หลอกล่อทั้งมิตรและศัตรูเพื่อเป้าหมายต่างกันไป ดังกระดานหมาก 4 ด้าน พร้อมผู้เล่น 4 คนที่ต่างเลือกเดินหมากในกลกระดานพร้อมกัน โดยผู้เดินหมากบางคนก็ตกเป็นเบี้ยหมากในกระดานของอีกคนโดยไม่รู้ตัว หนังลุ่มลึกและสอดคล้องกับศิลป์การใช้แสงเงาอย่างแนบเนียนมากจนต้องคารวะทีเดียว

ข้อด้อยของหนังคงเป็นความแช่มช้า ค่อย ๆ คืบคลานด้วยการเล่าเรื่องที่คนดูต้องคอยตามคอยคิดทุกกริยาทุกคำพูดของแต่ละคนเพื่ออ่านเบื้องหลังตลอดเวลา เป็นหนังฉลาดที่ต้องการสายตาแบบคนช่างคิดพอสมควร ดนตรีก็นิ่งเนิบแต่สร้างความหวาดหวั่นไม่มั่นคงดั่งมีมีดจ่อคอทุกตัวละครอยู่เสมอ นักดูหนังสายกำลังภายในที่อยากเห็นแอ็กชั่นดุเดือดอาจผิดคาดไปสมควร แต่สายดูงานภาพสวย ๆ เนื้อเรื่องคม ๆ ลึก ๆ คำพูดมีนัยยะทุกคำ ไม่ควรพลาด เปรียบการ์ตูนก็ไม่ต่าง หงสาจอมราชันย์ การ์ตูนที่ตีความสามก๊กใหม่ได้สุดคมคาย เปรียบนิยายก็เหมือนโกวเล้ง ที่นิ่งแต่หนัก เผยธาตุสันดานมนุษย์ได้หมดเปลือก

หรือหากจะมองในทางตีความด้านสังคม งานของจางอี้โหมวก็สะท้อนความเป็นคอมมิวนิสต์ยุคใหม่ได้น่าสนใจ เมื่อฮ่องเต้-เสนา-ประชา-ทาส ล้วนแต่หลอกใช้กันและกันได้อย่างเจ็บแสบ นายทุนอาจได้เปรียบแต่ก็ไม่อาจอยู่ได้โดยขาดชนชั้นแรงงาน ชนชั้นแรงงานเองก็มิใช่ก้มหัวยอมกดอดทนไปหากแต่ก็สมประโยชน์ได้เช่นกัน ใครสนใจอาจสังเกตเห็นงานยุคหลังของจางอี้โหมวนั้นมีนัยยะในเชิงนี้มากขึ้น และวิพากษ์สังคมจีนได้คมคายมากทีเดียว

ส่วนตัวชอบมากครับ นาน ๆ จะมีงานชั้นยอดแบบนี้มาให้ชมกัน

 

งามดั่งกวี ดูรอบจองรอบไวดั่งตวัดพู่กัน ได้ที่รูปนี้เลย