[รีวิว] Doubting Thomas : ราคาของความเข้าใจมันแพง บางครั้งแทบแลกด้วยชีวิต
Our score
8.3

จุดเด่น

  1. มุมกล้องละเอียดมาก ผ่านการคิดมาแล้ว
  2. การแสดงของนักแสดงทำได้ดี เราเชื่อ และอิน
  3. บทหรือการดำเนินเรื่องเข้าใจง่าย สมเหตุผล
  4. ความยาวของหนังพอดีกับความรู้สึก

จุดสังเกต

  1. ถ้าเพิ่มสีสันให้นักแสดงสมทบกว่านี้ เรื่องน่าจะเข้มข้นกว่านี้อีก
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    8.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.0

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ึความสนุก

    8.5

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    9.5

สารภาพว่าก่อนเข้าโรงภาพยนตร์เราไม่ได้มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องย่อ นักแสดง ยกเว้นแค่ความหมายของชื่อเรื่อง Doubting Thomas ซึ่งแปลว่า ทอมัสขี้สงสัย ที่มีที่มาที่ไปจาก คัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวถึงนักบุญทอมัสหนึ่งในอัครสาวกสิบสององค์ผู้ไม่เชื่อว่าพระเยซูคืนชีพจริงและต้องการสิ่งพิสูจน์  แม้ว่าคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่านักบุญทอมัสได้แตะต้องแผลของพระเยซูจริง หลังจากที่ได้เห็นพระเยซูมีชีวิตและพระเยซูอนุญาตให้แตะแผลแล้ว ตามพระวรสารนักบุญจอห์น นักบุญทอมัสก็ได้มีความศรัทธาในตัวพระเยซู… เหตุการณ์นี้ทำให้นักบุญทอมัสได้รับฉายาใหม่ว่า “ทอมัสผู้ศรัทธา” (Thomas the Believer) ส่วนเรื่องราวในเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระเจ้าแต่อย่างใด แค่ใช้คอนเซ็ปต์ความสงสัยมาเป็นแก่นของเรื่อง

โทมัสทัชแผลพระเยซู

Play video

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

เรื่องย่อ

ทอม (วิลล์ แม็คแฟดเดน) และเจน (ซาราห์ บัตเลอร์) มีความรักที่สุกงอม ทั้งคู่กำลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีความพร้อมเต็มที่ที่จะมีบุตรด้วยกัน จนเจนได้ตั้งครรภ์ขึ้นมา ชีวิตของพวกเขาที่เหมือนกำลังจะสมบูรณ์แบบ กลับต้องสะดุดเมื่อถึงวันที่เจนคลอด เขาทั้งสองได้ลูกผู้ชาย แต่… ลูกชายเป็นเด็กผิวสี ไม่มีใครสามารถหาคำตอบเกี่ยวกับบุตรของพวกเขาได้ แม้แต่ตัวของทอมและเจนเอง

ทารกผิวดำไม่เคยเกิดจากพ่อแม่ผิวขาว ยกเว้นเด็กคนนี้!! เจนสาบานต่อทอมว่า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เป็นพ่อของเด็กคนนี้ ทอมยืนยันว่าเขาเชื่อคำพูดของเธอ ทั้งคู่รักใคร่และไว้เนื้อเชื่อใจกันมาตลอด พวกเขาจึงเลือกที่จะยอมรับความจริงที่ไม่มีคำอธิบาย เนื่องจากความรับผิดชอบที่จะต้องเลี้ยงดูทารกที่เกิดใหม่ สำคัญยิ่งกว่า

เด็กน้อยเติบโตขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ห่างเหินของเจนและทอม ท่ามกลางความสงสัย  ความเข้าใจผิด ความคาดหวัง และความกลัวของทอมเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งคู่เริ่มกลัวมากขึ้นที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้ ชีวิตคู่ของชายหญิงที่เคยโด่งดังในฐานะคู่แต่งงานที่โลกอิจฉา ต้องพบกับความท้าทายในรูปแบบที่ไม่มีอะไรเทียบได้เสียแล้ว

ความศรัทธาในรักจะสามารถเยียวยาทุกสิ่งได้จริงไหม? ความเชื่อใจที่แข็งแรงจะต้านทานสิ่งที่กระทบใจได้หรือเปล่า ชีวิตคู่ที่ว่ายากในการรักษาให้ตลอดรอดฝั่ง จะยากขึ้นแค่ไหนเมื่อเกิดเรื่องราวที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้  เขาและเธอจะพาคุณไปพิสูจน์ว่า ความศรัทธาในรักจะช่วยพวกเขาแก้ปัญหา หรือทางออกของปัญหาคือการแยกทาง

เลียม (ลูกชาย) เจน (นางเอก)

Doubting Thomas กำกับโดย Will McFadden เป็นภาพยนตร์ที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเทไปทางสืบสวนมากกว่าจะเป็นรักหรือครอบครัว โดยตลอดทั้งเรื่องหลังจากผ่านช่วงของการคลอดลูกแล้ว หนังค่อย ๆ ปล่อยเบาะแสออกมาให้เราได้ขบคิดและสืบค้นไปพร้อม ๆ กับ ทอม (พระเอก) ของเรื่อง ซึ่งต้องบอกเลยว่า ทอม แสดงได้ดีจริง ๆ ทำเอาเราเชื่ออย่างสุดใจว่าเค้ากำลังจะแตกสลายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมเพื่อนสนิทของทอม อย่าง รอน รับบทโดย Jamie Hector ก็ตีบทแตกจริง ๆ ดูเป็นเพื่อนที่ดีแต่ไม่น่าไว้ใจเหลือเกิน (ฮ่า) อีกคนที่ขอยกนิ้วให้คือ Melora Walters รับบทเป็นแม่นางเอก ที่ออกมาแค่ไม่กี่ซีนก็เผ็ดร้อน แย่งสปอตไลท์ในเรื่องไปเสียหมด

Melora Walters กับบทบาทแม่นางเอก

ด้านการดำเนินเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อน เดินเป็นเส้นตรง พาเราไปสืบสวนนั่นนี่ สลับกับดราม่าและปัญหาที่ตัวเอกต้องเจอ ซีนที่เราชอบ คงเป็นฉากทะเลาะสุดท้ายของพระเอกและนางเอก ที่มันรุนแรงและแอบหักมุมทางความรู้สึกนิดนึงเลย (หัวเราะ) แต่ก็นั่นแหละครับ หนังไม่ได้มีอะไรว้าวหรือเล่นท่ายากอะไร

รอน และ ทอม

ส่วนเรื่องภาพเราขอยกนิ้วให้เลย เราชอบการที่กล้องเน้นภาพมุมแคบรับหน้านักแสดง น่าจะเป็นมุมภาพที่ใช้บ่อยที่สุดแล้ว มันทำให้เรารู้สึกอึดอัด แถมกล้องยังไม่นิ่งให้ความรู้สึกหวั่นไหวนิด ๆ และที่สำคัญคือ การโคลสอัปหน้าทำให้เราเห็นสีหน้าและอารมณ์ของนักแสดงด้วย ดูแล้วน่าจะผ่านการคิดมาแล้ว อีกฉากที่เราชอบด้านมุมกล้องคือ… มีช็อตที่เพื่อนพระเอกเห็น เจน กับ รอน ไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งจากมุมของสายตาเพื่อนพระเอกจะดูเหมือนว่าทั้ง 2 คนนี้กำลังจูบกัน (ซึ่งจูบกันจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะเห็นไม่ชัด) แล้วพอเพื่อนพระเอกไปเล่าให้ ทอม (พระเอก) ฟัง ทอมก็จินตนาการอย่างชัดเจนว่า เจน กับ รอน จูบกัน (โดยภาพที่ทอมคิดเป็นภาพคนละมุมกับสายตาที่เพื่อนพระเอกเห็น) ซึ่งตรงนี้มันสะท้อนให้เราเห็นว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่เราคิด กับสิ่งที่คนอื่นเห็นและเอามาเล่า  แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เราอาจจะคิดไม่เหมือนกันก็ได้ และอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น

เจน

เพื่อนพระเอกมาเล่าเรื่องที่ว่าให้ ทอม ฟัง

และสุดท้ายสิ่งที่เราชอบมากคือการที่หนังไม่ฝืนลากยาวจนทำให้น่าเบื่อ ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป พอหมดเรื่องที่จะเล่าเค้าก็ตัดจบเลย ไม่ทำให้เรารู้สึกว่าน่าเบื่อ ส่วนบทสรุปจะเป็นยังไงเราไม่อยากสปอยล์ เอาเป็นว่าหลักฐานทั้งหมดที่ภาพยนตร์ให้มามันก็เพียงพอเลยละ และเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้ว่าบางครั้งการสิ้นสงสัย หรือราคาของความเข้าใจมันแสนแพง บางครั้งอาจต้องแลกด้วยชีวิตของเราเลยทีเดียว