[รีวิว]a dog’s way home:ทั้งน่ารักและซาบซึ้ง
Our score
7.8

a dog's way home:เพื่่อนรักผจญภัยสี่ร้อยไมล์

จุดเด่น

  1. หมาน่ารักมาก
  2. เล่าเรื่องราวการผจญภัยได้สนุกสนาน
  3. ให้ข้อคิดกับเด็ก ๆ ได้ดี
  4. ซีจีแมว+เสือ เนี้ยบ
  5. ขอบคุณที่หมาแมวไม่คุยกันหมด

จุดสังเกต

  1. ตัวละครแบนราบ ดีเลย เลวเลย
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    9.0

  • ความสนุก

    8.0

  • ความแปลกใหม่

    6.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    9.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

หนังสำหรับคนรักหมาที่มั่นใจว่าถึงจะไม่ใช่คนเลี้ยงหมา แต่ถ้าดูเรื่องนี้ก็ต้องหัวใจละลายหลงไปกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของเจ้าเบลล่า ดูจบแล้วอาจจะไปหาหมามาเลี้ยงซักตัวก็เป็นได้ a dog’s way home เป็นหนังเรื่องที่ 2 ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ ดับเบิ้ลยู. บรู๊ซ คาเมรอน ต่อจาก A Dog’s Purpose เมื่อปี 2017 และกำลังจะมี A Dog’s Journey ออกฉายในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ล่ะ

ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด มาให้เสียงพากย์เป็นเจ้าเบลล่า

a dog’s way home เล่าเรื่องผ่านสายตาของหมาเพศเมียชื่อ “เบลล่า” เป็นหมาจรจัดที่คลอดอยู่ใต้ซากบ้านปรักหักพัง เทศบาลมาจับแม่และพี่น้องของมันไป เหลือเบลล่าอยู่กับครอบครัวแมวเหมียว จนกระทั่งลูคัสชายหนุ่มบ้านตรงข้ามมารับเบลล่าไปเลี้ยงดู แน่นอนครับว่าหนังแนวนี้ต้องมีตัวร้ายของเรื่องมารังแกหมา ในเรื่องนี้มี “กันเตอร์” ชายหัวล้่านเจ้าของที่ดินบนซากปรักหักพังที่กำลังจะปลูกสร้างอาคาร แต่โดนลูคัสขัดขวางให้เพิกถอนใบอนุญาตเพราะยังมีแมวอีกหลายตัวอาศัยอยู่ใต้ซากบ้าน สร้างความขุ่นเคืองให้กับกันเตอร์ เขาก็เลยเอาคืนด้วยการร่วมมือกับ”ชัค”เจ้าหน้าที่เทศบาลให้มาจับเบลล่าไป เพราะว่าเบลล่าเป็นหมาลูกผสมพิตบูล ตามกฏหมายของเมืองเดนเวอร์ พิตบูลเป็นหมาพันธู์อันตรายห้ามปล่อยออกมาภายนอกบ้าน ทำให้ลูคัสต้องเอาชัคไปฝากไว้กับญาติต่างเมืองที่ห่างออกไปถึง 640 กิโลเมตร ในระหว่างที่กำลังหาบ้านใหม่นอกเมืองเดนเวอร์ เพื่อที่เขาจะได้เลี้ยงดูเบลล่าอย่างสบายใจ แต่ระหว่างที่เบลล่าอยู่บ้านใหม่ก็หลบหนีออกมาแล้วเริ่มการผจญภัยกลับบ้านไปหาลูคัส

หนังไม่ยาวครับแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ด้วยความที่เป็นนิยายขายดี จากคนเขียนที่รักและเข้าถึงหัวใจสัตว์ได้อย่างจริงจัง และมาคุมงานสร้างด้วยตัวเอง ทำให้หนังเล่าเรื่องการเดินทางได้อย่างสนุกสนานน่าติดตาม เบลล่าได้เจออะไรตลอดการเดินทาง ทั้งคนใจร้าย คนใจดี เพื่อนใหม่มากมาย มีสถานการณ์คับขันให้ได้ลุ้นเนือง ๆ แต่ตัวที่ทำหน้าที่สีสันของเรื่องได้เป็นอย่างดีคือลูกเสือคูการ์เพศเมีย ที่เบลล่าเรียกว่า “เจ้าลูกแมวใหญ่”ที่เบลล่าใช้สัญชาตญาณของหมาเพศเมียดูแลเจ้าลูกแมวใหญ่กำพร้าตัวนี้จนผูกพันกันเหนียวแน่น ในตัวอย่างหนังก็เผยภาพเจ้าเหมียวตัวใหญ่นี้มาหลายฉาก แต่ในหนังก็ยังมีฉากน่ารักระหว่างเบลล่ากับเหมียวใหญ่ที่ชวนให้ดูไปยิ้มไปอีกมาก แม้ว่าภาพของเหมียวใหญ่จะพอดูออกว่าเป็นภาพซีจี แต่ก็ถือว่าทำได้เนี้ยบมาก ดูแล้วไม่ขัดหูขัดตานัก

แม้ว่าบทลงเอยของหนังจะจบอย่างไรก็รู้กันอยู่ แต่กระนั้นฉากจบก็ทำได้ซาบซึ้งอย่างเชื่อมั่นได้ว่าคนที่เลี้ยงหมา หรือไม่ได้เลี้ยงแต่รักสัตว์เป็นทุนเดิมมีอันต้องบ่อน้ำตาแตกแน่นอน ความดีความชอบต้องยกให้ทีมงานทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ประพันธ์ที่คุมเข้มหนังให้ออกมาตรงตามหนังสือของเขา ถึงขนาดว่าบรู๊ซ เลือกหมาที่จะมาเล่นเป็น “เบลล่า” ด้วยตัวเอง และจำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นหมาผสมพิตบูลตามหนังสือเท่านั้น และจะต้องเป็นหมาจรจัดหรือหมาไร้เจ้าของ ทำเอาทีมงานต้องเสิร์ชหากันยกใหญ่ จนไปเจอ “เชลบี้” ที่ตรงตามสเป๊กของบรู๊ซเป๊ะ เพราะเชลบี้เป็นหมาที่อยู่ในการดูแลของสถานสงเคราะห์สัตว์ในเทนเนสซี ที่ผู้ดูแลเล่าว่ามันเป็นหมาจรจัดกำลังคุ้ยขยะหากินตอนที่เขาไปเอามันมาเลี้ยงในสถานสงเคราะห์ กลายเป็นว่าความเป็นมาของเชลบี้ก็น่าสนใจไม่แพ้ เบลล่าในหนังเลย

บรู๊ซบินไปดูเชลบี้ด้วยตัวเอง แล้วเอาผู้ฝึกสอนหมาไปด้วย เชลบี้ผ่านบททดสอบขั้นต้นก็เลยกลายสภาพจากหมาจรจัดกลายเป็นหมาดาราไปทันที เสร็จจากแสดงหนังเชลบี้ก็ไปอยู่กับครูผู้ฝึกสอนสัตว์และทำหน้าที่เป็นหมาสังคมสงเคราะห์คอยเยี่ยมให้กำลังใจเด็ก ๆ ที่มีปัญหาทางสภาพจิต คล้ายกับหน้าที่ที่เบลล่าทำในหนังเลย ไม่น่าเชื่อว่าจากอดีตหมาจรจัดจะมาเล่นหนังได้แนบเนียนขนาดนี้ แล้วใช้หมาแสตนด์อินไม่เยอะด้วย เบลล่าแสดงท่าทางตกใจ ดีใจ กลัว แบบเอาใจคนดูไปได้หมดเลย

สรุปได้ว่า a dog’s way home เป็นหนังที่ปลอดพิษภัยให้ทั้งความบันเทิง และเหมาะที่จะพาลูกหลานไปดูเพื่อปลูกฝังความรักสัตว์ไว้ในจิตใจ หนังไม่มีภาพความรุนแรงให้เห็นเลย อย่างมากก็มีหมากัดกันให้ดู แต่สอดแทรกแนวคิดดี ๆ ที่เหมาะกับเด็กมากมาย ทั้งการทำดีกับเพื่อนร่วมโลก เบลล่าโตมาเพราะแม่แมวเลี้ยง ก็เลยรู้สึกติดหนี้บุญคุณแมว เบลล่าเข้าใจว่าลูกเสือคูการ์เป็นแมว ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองควรทำหน้าที่แม่ดูแลเจ้าเหมียวใหญ่บ้าง ตัวร้ายในเรื่องก็ร้ายในระดับหนังครอบครัวแค่เทา ๆ ไม่ถึงกับโฉดชั่วนัก ไม่มีคำหยาบหลุดมาให้ได้ยิน ฝ่ายดีก็ดีสุด ๆ ดีแบบขาวสะอาดมาก หน้าตาสวยหล่อจิตใจดีงามสุด ๆ มีดาราคุ้นหน้าแค่คนเดียวคือ แอชลีย์ จัดด์ นางเอกหนังสุดฮอตในช่วงปลายยุค 90s ที่เข้าวัย 50 แล้ว เลยต้องมารับทแม่ ส่วนดาราขายชื่อก็มี ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด ที่มารับหน้าที่พากย์เสียงเจ้าเบลล่า ยังดีที่ว่าพากย์แค่เบลล่าแค่ตัวเดียวนะเป็นการพากย์เสียงแทนความคิดความรู้สึกของเบลล่า หนังยังไม่หลุดโลกถึงขนาดหมาแมวคุยกัน

อีกจุดที่ประทับใจคือเพลงในฉากจบของหนังที่นำเอา “everywhere” เพลงดังของวง fleetwood mac ปี 1987 ที่เอามาทำใหม่โดยนักร้องสาว ไอด้า เรดิก ที่ดนตรีทันสมัยแปลกหูกว่าเดิมมาก แต่เนื้อหายังคงเดิม ที่ชอบมากก็เพราะความหมายของเพลง ช่างลงตัวกับเนื้อหาของหนังที่เบลล่า พยายามทุกวิุถีทางที่จะกลับมาหาลูคัสให้ได้ ไม่ว่าหนทางจะห่างไกลเพียงใด
Can you hear me calling
Out your name?
You know that I’m falling
And I don’t know what to say
I’ll speak a little louder
I’ll even shout
You know that I’m proud
And I can’t get the words out
Oh ah, I want to be with you everywhere
Oh ah, I want to be with you everywhere

Play video

Play video