ฉันยังรู้สึก แต่เก็บไว้ข้างใน เพราะกลัวว่าความคิดถึงของฉัน จะทำร้ายเธอ

กับคนที่เธอรัก

LOMOSONIC กลับมาอีกครั้งพร้อมบทเพลงที่มีชื่อยาวว่ากลัวว่าความคิดถึงของฉันจะทำร้ายเธอและใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Afraid”   เป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มใหม่ ที่ห่างจากผลงานในอัลบั้มก่อน “Anti-Gravity”ถึง 2 ปี

กลัวว่าความคิดถึงของฉันจะทำร้ายเธอ (AFRAID)” เป็นบทเพลงร็อคอารมณ์เศร้าลึกที่สะท้อน ความรู้สึกของคนที่ความรักนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ไฟของความคิดถึงนั้นยังครุกรุ่นอยู่ในใจ ซึ่งไฟอันร้อนแรงนี้อาจแผดเผาทำลายคนที่เรารัก กับใครสักคนที่เธอรักได้อย่างไม่รู้ตัวเพราะฉะนั้น การเก็บมันเอาไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียวคงเป็นการดีกว่า เพราะ​ “กลัวว่าความคิดถึงของฉันจะทำร้ายเธอ

เป็นบทเพลงร็อคที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป แต่เข้าถึงและเข้าใจในห้วงอารมณ์ความรู้สึก  มันทั้งเศร้า เจ็บปวด เหงา แต่ก็คละเคล้าไปด้วยความทรงจำในรัก เป็นความรัก ความคิดถึง ที่แผดเผาเราไปพร้อมๆกัน  ทั้งเสียงร้องของ  บอย อริย์ธัช (พีระสิฐ) พลตาล นักร้องนำ และ การบรรเลงจากสมาชิกทั้ง 4  ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย (ป้อม) – (กีตาร์, ร้องเสียงประสาน , ปิติ เอสตราลาโด สหพงศ์ เดน โดมินิค (ปิติ)  (กีตาร์) และ ชาญเดช จันทร์จำเริญ (ออตโต้)  (กลอง) ช่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะไลน์กีตาร์ที่บรรเลงออกมาได้รวดร้าวรุนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความเท่แบบ Lomosonic

ส่วนงาน MV นั้นก็น่าทึ่งและเล่าเรื่องได้เข้าถึงอารมณ์เพลงมาก ผลงานการกำกับจาก Tul , Nutdanai Pombanta แห่ง “Hello Filmmaker”  ผู้เคยฝากผลงานสุดเจ็บปวดเอาไว้ในเพลงจดของ Bomb at Track ทั้งสองเพลงสะท้อนให้เห็นถึงชั้นเชิงการเล่าเรื่องของ ตุล ที่เข้าถึงซึ่งอารมณ์ ด้วยการสร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์น่าจดจำ (ซึ่งตัวละครนำและ setting ของทั้งสอง MV มีความคล้ายคลึงกันมาก จนดูราวกับ MV นี้เป็นภาคแยกมาจากเพลงจดเลย) ไม่เพียงแต่การสร้างตัวละครเท่านั้น หากแต่การใช้ภาษาทางภาพยนตร์ ทั้งการใช้สัญลักษณ์ การถ่ายภาพ และการตัดต่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำพาอารมณ์ของคนดูพุ่งไปสู่จุดสูงสุด ซึ่งจากทั้งสอง MVได้แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ในการใช้ทักษะทางภาพยนตร์เหล่านี้ของตุล จนสามารถจำแนกได้ว่าชิ้นงานไหนคือผลงานของเขา

เมื่อแรกฟังกลัวว่าความคิดถึงของฉันจะทำร้ายเธอ (AFRAID)” และชม MV ของเพลงนี้ไปพร้อมๆกัน ใจเรารู้สึกตื่นเต้นมาก เสียงแรกที่เราได้ยินคือเสียงของไฟที่กำลังลุกไหม้เบาๆ (ก่อนที่เราจะเข้าใจความหมายของเสียงนี้ในท้าย MV ) จากนั้นภาพแรกที่เราเห็นก็คือ การอธิบายความหมายของคำว่า “bipolar” หรือ โรคอารมณ์สองขั้วอันเป็นโรคที่ตัวละครนำของเรื่องกำลังเป็นอยู่และมันก็เป็นสาเหตุ เป็นตัวชักนำในความสัมพันธ์ของตัวละครนำกับนางเอกของเรื่อง เป็นปมความขัดแย้งและสิ่งที่สร้างความตึงเครียดให้กับเรื่องราวหลังจากนี้ เสียงอินโทรเพลงได้ดังขึ้นไปพร้อมกับการเซ็ทอัพเรื่องราวของ MV ท่วงทำนองอันหนักหน่วงและเสียงกีตาร์อันร้อนแรงที่แฝงไว้ด้วยความเท่ ได้พาอารมณ์ในใจของเราให้ลุกโชนขึ้น  ส่วนเรื่องราวใน MV ก็ได้ปูแบ็คกราวดน์ของมันแล้วว่า เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล หรือสถานจิตเวช ก่อนที่จะไปพบกับอดีตคนรักและชายหนุ่มของเธอ ในลิฟต์เล็กๆตัวหนึ่ง จากนั้นเรื่องราวก็ถูกคลี่คลายผ่านชิ้นส่วนของภาพความทรงจำหลากรส หลากเวลา หลากหยดน้ำตาและความรู้สึก บางสิ่งถูกซ่อนเร้นไว้ในนั้น รอให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อไปพร้อมๆกับความรู้สึกที่กำลังจะปะทุขึ้นมา 

การเล่าเรื่องใน MV นั้นทำได้ดีและมีชั้นเชิง มันมีการคลี่คลายเรื่องไปทีละสเต็ป เริ่มด้วยการปูเรื่องสร้างจุดคาดหวังและคาดเดาที่เราจะมีต่อตอนจบ จากนั้นจึงพาผู้ชมไปสู่รายละเอียดที่จะก่อให้เกิดความเชื่อมโยงและความเข้าใจที่ผู้ชมจะมีต่อตัวละคร ผ่านการแสดงของสองนักแสดงนำ  Michael Pugh และ มัชฌิมา วชิรโกเมน (ที่น่าจะกลายเป็นนางเอกร้อยเอ็มวีในเวลาไม่นาน เราจะพบเจอเธอได้จาก MV ไทยเกือบทุกเพลง รวมไปถึง MV เทศเพลง Hurts ของ Tahiti 80 ด้วย)  ทั้งสองแสดงได้ถึงอารมณ์และน่าประทับใจ จากนั้นจึงค่อยๆขยายปมปัญหาและสร้างความตึงเครียดขึ้น คลี่คลายปมทั้งหลายในเรื่อง และนำไปสู่จุด climax ที่สะเทือนอารมณ์ (พร้อมๆกับที่เพลงได้ดำเนินไปสู่ท่อนโซโล่อันร้าวลึก รุนแรง) ก่อนที่จะปิดเรื่องได้อย่างคมคาย ภาพแต่ละภาพที่ถูกใช้ รวมไปถึงจังหวะการเล่า และการตัดต่อ มีการสอดประสานไปกับเนื้อหาและอารมณ์ของเพลงเป็นอย่างมาก ทำให้งานทั้งสองส่วนไม่ได้แยกจากกันแบบเป็นเอกเทศหากแต่ประสานกันไปในท่วงทำนองที่กลมกลืน เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของบทเพลงที่สมบูรณ์ในความรู้สึก

ขอเชิญรับฟังและรับชม  กลัวว่าความคิดถึงของฉันจะทำร้ายเธอ (AFRAID)”  ได้เลยครับ

Play video