[รีวิว] Ingress: The Animation ออกไปเดินยิงเสาสนุกกว่า
Our score
5.3

จุดเด่น

  1. ช่วงหลังมีการหักมุมและการต่อสู้ที่สนุกขึ้น
  2. คนที่เล่นเกมมาก่อนเหมือนได้สตอรี่ในการเล่นมากขึ้น

จุดสังเกต

  1. ไม่ค่อยเอาข้อดีของเกมจริงมาใช้ เน้นเรื่องแต่งที่เสริมเข้ามามากไป
  2. การเคลื่อนไหวแข็งดูขัดตา
  3. บทอืดอาดยืดยาดเดาทางได้
  • ตรรกะความสมเหตุสมผลของบท

    7.5

  • การดึงข้อดีของเกมมาใช้

    5.0

  • ความสนุก

    5.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.0

  • คุ้มเวลาดู

    2.0

เรื่องย่อ

ภายในสถาบัน CERN แล็บที่ค้นพบอนุภาคฮิกส์โบซอน ได้มีการทดลองโครงการลับภายใต้ชื่อ The Niantic Project หลังจากที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบอนุภาค Exotic Matter (XM) ที่มีผลต่อสมองมนุษย์ และมนุษย์บางส่วนก็สามารถใช้พลังเหนือมนุษย์ได้ ซึ่งแท้จริงสสารนี้ได้อยู่ควบคู่ในประวัติศาสตร์มนุษย์มาแล้วทุกยุคทุกสมัย กำเนิดโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์และมหาบุรุษมากมาย ณ ปัจจุบันได้เกิดสองขั้วอำนาจต่างแย่งชิงพื้นที่ของ XM เพื่อสนองอุดมคติที่ต่างกัน ฝ่ายรู้แจ้งคือผู้ต้องการใช้พลังตามหลักวิวัฒนาการทางธรรมชาติ ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านต้องการควบคุมการใช้พลังที่อาจเป็นอันตรายในอนาคต แต่เบื้องหลังนั้นยังมีฝ่ายที่ 3 ที่แอบแทรกแซงและหวังผลบางประการอยู่ด้วย

แอนิเมชั่นซีรีส์สำหรับฉายทางโทรทัศน์ของช่อง Fuji TV ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในญี่ปุ่นได้นำ Ingress เกมวิช่วลโลกเสมือนสุดโด่งดังของค่าย Niantic เจ้าเดียวกับที่ทำเกม Pokemon GO จนโด่งดังมาแล้ว มาผสานเนื้อเรื่องสุดเข้มข้นแนวแอคชั่นไซไฟกลายมาเป็น Ingress: The Animation ออกฉายตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้รวมความยาว 11 ตอน และล่าสุดเน็ตฟลิกซ์ก็ได้นำมาลงให้บ้านเราได้รับชมแบบซับไทยเรียบร้อย

Play video

ส่วนตัวคือเป็นคนที่เล่นเกม Ingress มาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ เห็นการพยายามสร้างเรื่องราวของตัวเกม และจัดอีเว้นท์พิเศษให้ผู้เล่น 2 ฝ่าย ออกมาทำสงครามแย่งพื้นที่กันอยู่เนือง ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเกมมีศักยภาพในการต่อยอดไปสู่เรื่องราวในรูปแบบอื่น ๆ อยู่แล้ว ซึ่งมองกลับไปตัวเกมก็เหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ที่ถูกทำออกมาให้เกิดขึ้นในโลกจริงอยู่แล้ว ความสนุกของการใช้มือถือเดินในแผนที่จริงและทำการสร้างเสาเชื่อมพื้นที่ และทำลายเสาของฝั่งตรงข้าม แบบเกมหมากกระดานที่รูปแบบพลิกแพลงไม่ตายตัว เป็นอะไรที่ทำให้เกิดกลุ่มสัมพันธ์และกิจกรรมนอกบ้านที่สนุกสนานมาก ยิ่งคอไซไฟด้วยแล้วเหมือนได้เป็นสายลับที่ออกทำปฏิบัติการโดยที่ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ตัวว่าอีกมิติหนึ่งกำลังมีสงครามใหญ่ปะทุ ดีไม่ดีบ้านของบางคนเป็นเสาพลังงานโดยเจ้าบ้านยังไม่รู้เรื่องก็มีถมเถเลย คือเป็นอะไรที่ล้ำมาก ๆ ในยุคนี้ทีเดียว

ตัวซีรีส์เรื่องนี้ก็นำจุดนั้นล่ะมาสานต่อเรื่องราว โดยว่าด้วย นักวิทยาศาสตร์สาวนาม ซาร่าห์ ถูกไล่ล่าโดยกลุ่มลึกลับ 2 ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายรู้แจ้ง และฝ่ายต่อต้าน โดยยังมีกลุ่มทุนใหญ่จากจีนนามว่า HULONG (อารมณ์เหมือนจะเป็น Huawei ผสม กูเกิ้ล ไงไม่รู้ 55) อีกกลุ่มที่เข้ามาสอดแทรก ส่วนพระเอกของเราคือ มาโกโตะ ตำรวจพิเศษผู้มีพลังไซโคเมทรี่สามารถอ่านความทรงจำของวัตถุต่าง ๆ ได้ ก็จับพลัดจับผลูเข้ามาช่วยเหลือซาร่าห์ได้แล้วต้องตามหาความจริงของการไล่ล่าครั้งนี้ ทำให้เขาปะทะกับ แจ็ก บุรุษชุดดำจากฝ่ายต่อต้านที่พยายามตามล่าพวกเขาเช่นกัน และยิ่งสืบเรื่องราวก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีการค้นพบ อนุภาค XM มืด ที่พลังรุนแรงและเกี่ยวข้องกับโครงการที่มีเป้าหมายยึดครองโลก

ว่ากันแบบตรง ๆ คือไม่สนุกเลยครับ ซีรีส์อืดอาดยืดยาดมาก ขนาดว่าพอรู้เรื่องกฏพื้นฐานของเกมมาบ้างแล้วนะ แต่กว่าเรื่องจะเริ่มอธิบายอะไร ๆ ให้ตามง่ายขึ้นก็ปาเข้าไปตอนที่ 3 นั่นแล้ว แถมการพัฒนาความสัมพันธ์ตัวละครต่าง ๆ ก็ตามสูตรมาก จนกดข้าม ๆ ดูก็ยังน่าจะรู้เรื่องเลยล่ะ ข้อดีคงมีเรื่องของการหักมุมและความเข้มข้นที่กว่าจะสนุกน่าสนใจได้ก็นุ่นล่ะครับ 2-3 ตอนสุดท้ายกันเลย เรียกว่า 8-9 ตอนก่อนหน้าคือความทรมานล้วน ๆ เลย เหมือนดูแอนิเมชั่นที่มีโครงเรื่องการเล่าแบบยุคโบราณ

งานโปรดักชั่นก็ไม่ได้ชูโรงมากนัก ลายเส้นสวยแบบสองมิติที่ใช้งานสามมิติเข้ามาช่วย แต่การแอนิเมทเคลื่อนไหวนั้นแข็งมาก เข้าใจว่าเป็นสไตล์ แต่มันยิ่งทำให้การเล่าเรื่องที่อืดอยู่แล้วยิ่งชวนหลับไปใหญ่ บางตอนก็คุยกันแทบทั้งตอนในแบบที่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่มันว้าวขึ้นมาเลย ส่วนใหญ่เราเดาอะไร ๆ ได้เกือบหมดล่ะครับ คนไม่เคยเล่นเกมก็จะรู้สึกเมื่อไหร่เรื่องจะคืบใส่อะไรมาเยอะแยะ คนเคยเล่นเกมก็จะรู้สึกน่าเบื่อ ๆ ถึงจะมีพลอตใหม่เกี่ยวกับ XM มืด เข้ามาให้น่าสนใจ แต่พอดู ๆ ไปก็เริ่มเฉย ๆ กว่าจะสนุกน่าว้าวบ้างก็อย่างที่บอก 2-3 ตอนสุดท้ายนู่นแล้วล่ะ

ใครสนใจอยากลองดูแล้วอาจชอบก็ที่นี่เลยครับ https://www.netflix.com/watch/80994511