ช่วงหลังหลายคนที่ติดตาม What The Fact อยู่แล้ว หรือยังไม่ได้ติดตามแต่เห็นผ่านตาอยู่บ้างตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก คงจะเห็นว่าเพจนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นโลโก้ จากเดิมเป็นพื้นหลังสีแดงและมีคำว่า What The Fact กลายเป็นเส้นสุดเฟี้ยวที่อ่านได้ว่า WTF พร้อมมีหมุดสีม่วงปักอยู่ คู่กับพื้นหลังโทนสีฉูดฉาดสดใส แถมล่าสุดเหมือนจะร่วมงานกับวงไอดอลอย่าง CM Cafe ด้วย… สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับ What The Fact เราไปพูดคุยล้วงลึกกับ หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ CEO ได้เลยครับ!

จุดเริ่มต้นของ What The Fact

หนุ่ย: แรกเริ่มเลย What The Fact เกิดจากความหวงแหนที่มีต่อวัฒนธรรมวิจารณ์บันเทิง ที่ประเทศไทยเคยมีมาตั้งแต่ยุค 90 แล้ว แต่มันเริ่มที่จะหายไป โดยความหมายคือการวิจารณ์แบบที่ใส่สาระ ใส่โปรดักชั่นโน้ต ใส่ที่มาที่ไปของขนาดโปรดักชั่นแต่ละเรื่อง ความเป็นมาของผู้สร้าง ผู้กำกับ ทีมนักแสดงหรืออะไรต่าง ๆ คือผมอ่านแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่พักหลังโซเชียล เน้นง่ายและไว ก็เลยทำให้เราเห็นสิ่งนี้น้อยลง จนกระทั่งผมผมมีโอกาสรู้จักกับพี่จุ๋ย นามปากกา Thejui Kesjamras  ซึ่งถือเป็น 1 ในผู้นำทีมนักเขียนของเรา โดยผมเห็นความโดดเด่นตรงนี้ที่พี่จุ๋ยมีมานานหลายยุคสมัย ตั้งแต่การโพสต์ลงอีเมล มาจนถึงเว็บบอร์ด ต่อด้วยโซเชียล เน็ตเวิร์ก ก็เลยออกปากชวนพี่จุ๋ยว่าเรามาทำอะไรแบบนี้ให้มันจริงจังถาวรกันดีไหม เราจะได้สนุกกันได้ยาว ก็เลยเกิดขึ้นมาเป็นสื่อในชื่อ What The Fact ครับ

หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ CEO

ทำไมไม่ใช้เพจแบไต๋เลย เหตุใดต้องแยกเพจออกมา

หนุ่ย: เดิมทีเราเขียนภายใต้แบไต๋ไฮเทคครับ แต่เอาจริง ๆ แบไต๋ถูกจำเป็นภาพของความไฮเทคไปแล้ว มันเลยทำให้การวิจารณ์บันเทิงไม่ชัด เราก็เลยแยกแบรนด์ออกมาเป็น What The Fact ซึ่งจะอยู่ภายใต้แบไต๋นี่แหละครับ

โลโก้แรกที่ใช้เมื่อปี 2016 – 2017 เดิมทีเพจใช้ชื่อ แบไต๋ ไลฟ์สไตล์ ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็น What The Fact

โลโก้แรกอย่างเป็นทางการของ What The Fact ที่เริ่มใช้เมื่อ 2017 จนถึงต้นปี 2019

ทำไมการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถึงมีโลโก้ แบไต๋ อยู่ด้วย

หนุ่ย: เพื่อความชัดเจนในการอยู่ภายใต้แบรนด์เดียวกันครับ และให้สังคม รวมทั้งผู้ที่เสพสื่อได้รับทราบว่านี่เป็นกิจการสื่อในเครือเดียวกัน โดยแบไต๋ก็จะไปปักหมุด ผมขอใช้คำว่าปักหมุดนะครับ แฝงลงไปในโลโก้เพจในเครือ เพื่อบอกว่าเพจของเรามีอะไรบ้างครับ โดยตอนนี้หลัก ๆ ก็จะมี What The Fact และ Thai Gamers ครับ โดยอนาคตก็จะมีตามมาอีกครับ

โลโก้ What The Fact ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

การร่วมงานกับ CM Cafe

หนุ่ย: การ Collaboration หรือการร่วมมือกับ CM Cafe เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ซึ่ง MD (Managing Director) ของเราคุณศรีตรัง ได้รู้จักและมีโอกาสร่วมพูดคุยกับ คุณโต ผู้จัดการวง CM Cafe ก็เลยนัดให้ผมได้มีโอกาสรู้จักด้วย… จนวินาทีที่คุณโตเดินเข้ามาในห้องผมก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจจริง ๆ เพราะด้วยบุคลิก ลักษณะของคุณโตเค้าเป็นที่น่าจดจำอยู่แล้ว สารภาพเลยว่าครั้งแรกที่เห็น ผมนึกว่าเค้าเป็นคนที่ชื่นชอบและอยากลุกขึ้นมาเพื่อรันวงการเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย มันน่าสนใจมากกว่านั้นอีก เพราะคุณโตเค้าเป็นคนที่อยู่ในวงการอยู่แล้วครับ ทำเพลงผ่านมาหลายยุคหลายสมัย หรือแม้แต่ในประวัติศาสตร์ดนตรียุคใหม่ก็มีคุณโตอยู่ในนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานของคุณบี้ เดอะ สตาร์ งานของค่าย Scenario ต่าง ๆ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในด้านงานเพลงของ Cm Cafe ถึงน่าสนใจ

คุณโต ผู้จัดการวง Cm Cafe

ทีนี้แบไต๋เองก็มีมุมมองที่จะพัฒนาและหยิบยื่นโอกาสให้กับวงการไอดอลเช่นกัน อีกทั้งน้อง ๆ CM Cafe หลายคนก็มีความสามารถ เป็นทรัพยากรบุคลที่น่าสนใจ ทำให้เกิดการร่วมมือระหว่าง What The Fact และ Cm Cafe ครับ เพื่อทำให้การวิจารณ์บันเทิงสนุกสนาน และมีภาพของการเป็นไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นครับ

เฟย์, เดวา, อะตอม, เอ็มม่า, ไข่มุก, มู่หลาน, อเล็กซิส, ฟรีม | ยูนิต Honey Toast จาก CM Cafe

หลายคนบอกว่าข่าววงการบันเทิงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ คุณหนุ่ยมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร

หนุ่ย: เอาจริง ๆ คำถามข้อนี้ขึ้นอยู่กับคนทำ คนผลิตคอนเทนต์อย่างพวกเรานี่แหละครับ ย้อนไปหลายปีก่อนสมัยผมเป็นวัยรุ่น ผมเรียนการละคร การแสดง เลยมีโอกาสได้รับรู้ว่าเบื้องหลังของการผลิตสื่อบันเทิงอะไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันมีทั้งเรื่องของเธียเตอร์ดีไซน์ การกำกับ การแอคติ้ง หรือเรื่องราวของโปรดักชั่นโน้ตต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นแง่งามของวงการบันเทิงเลย แต่น้อยมากที่จะมีใครไปนำเสนอเรื่องพวกนี้

ครั้งหนึ่งผมเคยถามนักข่าวบันเทิงรุ่นใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพ  แต่ผมขอสงวนนามเค้าไว้นะครับ ผมถามเค้าว่า ทำไมในอีเวนท์สักอีเวนท์นึงเนี่ย นักข่าวที่ไปรุมดาราหน้าแบ็กดร็อปมากมาย ทำไมเค้าไม่ถามว่ามาร่วมงานนี้เป็นยังไง เกิดขึ้นยังไง เบื้องลึกเบื้องหลังเป็นยังไง ความยากง่ายในการพัฒนาคาแร็กเตอร์นี้เป็นยังไง ผู้ใหญ่ท่านนี้ก็เลยพูดให้ความรู้เราว่า

“เอ้า… คุณไปถามเค้าแบบนั้นใครเค้าจะอยากฟังละ เค้าก็อยากรู้แค่ว่าคนนี้เค้าเป็นแฟนกับใคร คนนี้เค้าเลิกกับใคร คนนี้จะง้อคนนั้นไหม หรือคนนี้จะดราม่าอะไรกับใคร เพราะนี่เป็นเรื่องที่คนสนใจ”

เอาจริง ๆ ผมเคยคิดแบบโลกสวยนะครับ ข่าวบันเทิงทั้งหมดในประเทศถ้าเราจะปรับภูมิทัศน์กันใหม่ ให้พื้นที่กับข่าวบันเทิงเชิงคุณค่ามากขึ้น และลดพื้นที่ข่าวฉาวลง แต่กลับมาที่โลกจริง ๆ มันยากที่จะให้ทุกคนทำได้พร้อมกัน เพราะคนที่เริ่มก็อาจเป็นคนที่เสียเรตติ้งก่อน… ฉะนั้น What The Fact ในฐานะที่เราเป็นสื่อบันเทิงใหม่ เราชัดเจนที่จะตั้งใจนำเสนอข่าวเชิงคุณค่า และสร้างประโยชน์ให้กับวงการบันเทิง เราไม่กลัวเรตติ้งตก เพราะเราเริ่มมาจากการไม่มีเรตติ้ง และจะปูทางสร้างฐานผู้อ่านคุณภาพแบบนี้ไปด้วยกันครับ

ทิศทางของ What The Fact หลังจากนี้

หนุ่ย: แน่นอนครับ… หลังจากนี้ What The Fact ก็จะเติบโตตามแนวทางของการวิจารณ์บันเทิง สื่อบันเทิงคุณภาพ ให้กับสังคมที่ต้องการประโยชน์ หรือเสพสื่อบันเทิง ซึ่งถือเป็นเรื่องผ่อนคลาย แต่ในความผ่อนคลายนั้นมันก็มีสาระสนุก แฝงอยู่เสมอ ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาของชื่อ What The Fact ด้วย เราจะขุดค้น หาข้อเท็จจริงที่น่าสนใจในวงการบันเทิงและไลฟ์สไตล์ครับมาสู่ทุกคนครับ