[รีวิว] Rim of the World: การผจญภัยวัยเด็กของเหล่าเนิร์ดหนัง
Our score
7.1

Rim of the World

จุดเด่น

  1. ดูสนุก
  2. มุกเกี่ยวกับหนังเยอะ
  3. ซีจีพอใช้ได้

จุดสังเกต

  1. ไม่สนความสมจริงเท่าไหร่
  2. ตัวละครเซินเซิ่นเขียนบทมาได้ไม่ลงตัว
  • ความสมบูรณ์ของบท

    6.5

  • นักแสดง

    7.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • ความสนุก

    7.0

  • ความคุ้มค่า

    7.0

เรื่องย่อ

อเล็กซ์ เด็กเก็บตัวที่ไม่มีเพื่อน ได้พบ 3 เพื่อนใหม่ต่างนิสัยต่างที่มาและต่างปมในใจโดยบังเอิญในค่ายฤดูร้อนชื่อ Rim of the World และพวกเขาที่ได้รับภารกิจสำคัญต้องร่วมมือกันฟันฝ่าความกลัวเพื่อกอบกู้โลกจากเอเลี่ยนบุก “ผ่าพิภพสุดขอบโลก (Rim of the World)” ทาง Netflix เท่านั้น

Play video

หนังเน็ตฟลิกซ์ของผู้กำกับและเขียนบท McG ที่เคยมีผลงานบันเทิงสนุก ๆ อย่าง Charlie’s Angels ฉบับปี 2000 ทั้งภาค 1 และ 2 และหลังสุดก็หันมาทำทีวีซีรีส์เสียเป็นส่วนใหญ่ ด้านงานหนังโรงหลังจากที่โดนก่นด่าจาก Terminator Salvation (2009) เขาก็มีหนังน้อยลง และล่าสุดก็หันมาเน้นหนังลงเน็ตฟลิกซ์ อย่างงานหลังสุด The Babysitter (2017) ก็บันเทิงตามความคาดหวังที่เราควรจะได้จากหนังของเขาทีเดียว ซึ่งเขาก็ขึ้นชื่อเรื่องงานบันเทิงที่ไม่ต้องเอาสาระอะไรมากนักล่ะนะ และเรื่องนี้ก็เช่นกันดูเพลิน ๆ ได้ลื่น ๆ เลย (แต่ต้องไม่คิดอะไรมาก)

หนังได้ดารารุ่นเด็กที่โตมาจากสายซีรีส์ทีวีที่น่าสนใจหลายคน โดย บทสำคัญสุดอย่าง อเล็กซ์ เด็กมีปมที่เอาแต่เก็บตัวและสนใจเพียงเรื่องราวของนาซ่าก็ได้ แจ็ก กอร์ จากซีรีส์ The Kids Are Alright มาแสดงได้อย่างน่ารักน่าชังเปี่ยมเสน่ห์ในความอ่อนแอประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าคนอื่น ก็ช่วยให้เราเอาใจช่วยเขาอยู่ไม่น้อย ที่น่าจับตาอีกคนคือ อเลสซิโอ สกาลซอตโต้ ในบท กาเบรียล เด็กมีปัญหาทางบ้าน ความน่าสนใจคือรูปหน้าน้องแกหล่อละม้ายคล้าย ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ ยิ่งฉากปลดล็อกจักรยานแล้วเสยผมนี่ โห อย่างเหมือนเลย

ส่วนตัวยิงมุกอย่าง ดาริอุส ก็ได้นักแสดงเด็กผิวสีทรงฮาอย่าง เบนจามิน ฟลอเรส จูเนียร์ จากหนัง Ride Along (2014) และดอกไม้หนึ่งเดียวของกลุ่ม เซินเซิ่น ก็แปลกดีที่เลือกดาราเด็กหน้าหมวยแท้อย่าง ไมยา เช็ค จากหนัง The Darkest Minds (2018) มาแสดง กลายเป็นหนังรวมหลากชาติพันธุ์สไตล์ดิสนีย์ไปเลย ที่น่าเสียสุดก็เป็นตัวละครเซินเซิ่นนี่ล่ะที่ไร้ที่มาที่ไปในการวางบทมาก บุคลิกแกว่ง และไม่เปิดช่องให้นักแสดงโชว์อะไรนัก น่าเสียดายนิดหน่อย

หนังมีการเล่าเรื่องที่เน้นใส่อุปสรรคเข้ามาตลอดการเดินทางเพื่อทำภารกิจส่งมอบข้อมูลพิกัดยานอวกาศต่างดาวไปให้ผู้มีอำนาจที่อยู่ห่างออกไปกว่า 100 ไมล์ เพื่อป้อนเข้าระบบสั่งการยิงทำลาย และตามสไตล์หนังก้าวผ่านวัยแต่ละตัวละครก็ค่อย ๆ เผยปมของตัวเองออกมา และต่างคนต่างช่วยกันเติมเต็มกันและกันจนเข้มแข็งพอชนะตัวเองด้วยมิตรภาพ ไม่ว่าจะปมเรื่องพ่อของอเล็กซ์ ปมเรื่องความผิดในอดีตของกาเบรียล ปมเรื่องการเกิดเป็นลูกสาวในครอบครัวจีนของเซินเซิ่น และปมที่บ้านรวยจนกลายเป้นคนเห็นแก่ตัวของดาริอุส

แม้หนังจะดูเด็กน้อยและบทส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ผจญภัยอย่างสนุกสนานจนบางครั้งกลายเป็นความบังเอิญ หรือผิดความสมจริงไปเยอะเหมือนกัน อย่างการเปลี่ยนนิสัยฉับพลันของเซินเซิ่นที่แบบเรางงว่าน้องแกเป็นอะไร (จริงหนังบอกล่ะว่าน้องแกทานเหล้าเข้าไปแบบไม่ตั้งใจ แต่ก็ทานแบบไม่มีเหตุผล และยังเปลี่ยนนิสัยแบบไม่สัมพันธ์กับแากทานเหล้านี่เลยด้วย) แต่ก็นะบอกตัวเองมันหนังเด็กดูเพลิน ๆ อย่าคิดมาก แต่จะบอกหนังเด็กก็ไม่เชิงเพราะอุปสรรคที่พวกเขาต้องเจอมันก็แอบโหดเกินเด็กเหมือนกันอย่างเจ้าปีศาจต่างดาวที่ตามไล่ล่ามาตลอดทางนี่ก็กระซวก กิน ชอนไช พวกผู้ใหญ่เสียแบบว่า โหดไปมั้ยสำหรับหนังเด็ก และตัวซีจีก็ทำได้สมจริงโหดดีด้วย บางช่วงนึกว่า เวน่อม มาเองเลย และอาจต้องรวมถึงการเจอตัวละครมนุษย์เลว ๆ เข้ามาป่วนด้วย เรียกว่าในความไหลลื่นดูเพลินไม่เอาตรรกะ ก็มีความเรียลความโหดของโลกความจริงผสม ทั้งส่วนที่ดีอีกประการคือ ข้อคิดที่ได้ก็มีความอิ่มอยู่เหมือนกัน

ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังคงเป็นบรรดามุกแซวหนังทั้งหลายที่เนิร์ดหนังมากพอประมาณ คือมาทั้งเป็นฉาก มาทั้งบทพูด และกิมมิกอีกหลายอย่าง ใครชอบดูหนังน่าจะสนุกกับมุกพวกนี้ที่มีโปรยตลอดทางเลยทีเดียว เพราะเข็นหนังดังมาแซวทั้ง Jurassic Park, ID4, Star Wars, Star Trek, Gladiator, The Revenant และอีกเยอะเลยทีเดียว

สามารถรับชมผ่านเน็ตฟลิกซ์ได้ที่นี่เลย https://www.netflix.com/watch/80218306