You like to dance with me in the sea of flower

You like to play with me before I take your picture

Now your figure set on

My universe

 

เป็นอีกกลุ่มคนดนตรีที่น่าจับตามองสำหรับ 6 หนุ่มอารมณ์ดีขี้เล่นจากเชียงใหม่  ที่รวมตัวกันในนาม “The Vuniyerse” (อ่านว่า เดอะ วูนิเยิร์ส) ชื่ออันแผลงเพี้ยนมาจากคำว่า Universe เนื่องจากหนึ่งในสมาชิกวง พูดถึงหนังเรื่อง “เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล” หรือ “Last Life In The Universe” ของเป็นเอก รัตนเรือง เพี้ยนผิดคำสุดท้ายจาก Universe กลายเป็น Vuniyerse ชื่อวงก็เลยมีที่มาด้วยประการฉะนี้

ซึ่งชื่อวงของพวกเขาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกลักษณะงานเพลงของพวกเขาได้เป็นอย่างดี มันคือการหยิบจับเอาสิ่งที่มีอยู่มาแปลงเปลี่ยนกลับกลายให้เป็นสิ่งใหม่ เป็นการหยิบจับเอาเรื่องรอบตัว ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ส่วนบุคคลหรือสังคมออกมาถ่ายทอดผ่านงานเพลงที่มีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน  ดังเช่นในงานเพลงชิ้นล่าสุดของพวกเขาที่มีชื่อว่า “Card Game”

ในด้านดนตรี “Card Game” คือบทเพลงที่อาจนิยามได้ว่าอยู่ในแนว Dream Pop  อันเกิดจากส่วนผสมของเครื่องดนตรีหลักอย่างกีตาร์ เบส กลอง และคีย์บอร์ด ผ่านท่วงทำนองและเสียงร้องอันล่องลอย ฟุ้งฝัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีส่วนผสมของความหลอนซ่อนอยู่ประปราย หนึ่งในองค์ประกอบที่น่าสนใจและโดดเด่นในงานชิ้นนี้ก็คือเสียงของเครื่องดนตรีที่คล้ายคลึงกับ “เธรามิน (Theremin)” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีไฟฟ้าที่ใช้การเล่นด้วยการโบกมือในอากาศ เรามักจะได้ยินเสียงของมันจากเพลงประกอบภาพยนตร์สยองขวัญและหนังไซไฟในอดีต ซึ่งเราจะได้ยินเป็นเสียงหวีดหวิวชวนสยิวสยองล่องลอยอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของเพลงตั้งแต่ในท่อนอินโทรเลย (ซึ่งทางวงอาจจะใช้ซินธิไซเซอร์เล่นแทน)

ส่วนในด้านคอนเซ็ปต์และเนื้อหาของเพลงนั้น “Card Game” คือเพลงที่เป็นเรื่องราวของวงไพ่ในงานศพ ที่พูดถึงการสูญเสียที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลา และแต่ละคนก็มีการรับมือกับการสูญเสียต่างกันออกไป ถึงแม้มันจะเป็นความจริงที่ว่าคนที่ได้จากไปนั้นไม่อาจหวนกลับคืนมามีชีวิตได้ใหม่ แต่คงจะมีช่วงเวลาหรือพื้นที่ใดที่หนึ่งที่ทำให้เราได้ระลึกถึงและสามารถเติมเต็มความรู้สึกที่มีต่อคนที่จากเราไป ทำให้เราได้หวนคืนกลับมาและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง

เนื้อร้องทุกเพลงของ The Vuniyerse จะเขียนด้วยภาษาอังกฤษเนื่องจากทางวงมีความตั้งใจที่จะมุ่งไกลไปอินเตอร์ การเขียนเนื้อเพลงด้วยภาษาอังกฤษจึงเป็นการขยายฐานแฟนเพลงให้สามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ทั่วโลก

 

In the night time I’m so tired

I playing a card game

On a table have your frame

Set with a candle

Have many people coming

In the black theme

 

เนื้อเพลงในท่อนแรกเล่าให้เห็นภาพถึงเหตุการณ์ในงานศพ มีผู้คนนั่งเล่นไพ่อยู่บนโต๊ะที่มีรูปคนที่จากไป และทุกคนแต่งชุดมาในธีมสีดำ

 

Why are they so sad?

What did you do something bad before you gone forever?

Have I seen your past?

 

ท่อนนี้พูดถึงความเศร้าของคนที่มาในงาน และกำลังตั้งคำถามว่าที่พวกเขาเศร้า เพราะคนที่จากไปได้ทำอะไรไม่ดีไว้กับพวกเขารึเปล่า ?

 

You like to dance with me in the sea of flower

You like to play with me before I take your picture

Now your figure set on

My universe

 

ท่อนคอรัสของเพลงคือท่อนปลดปล่อยความรู้สึก เป็นเสมือนการร่ำลากันครั้งสุดท้าย “the sea of flower” ก็คือมวลหมู่ดอกไม้พวงหรีดที่ผู้คนส่งมาแสดงความเสียใจในงานนั่นเอง

 

In midnight time

After people leaving

Have just someone of your family and me

Stay with your memory

We playing a card game

And talk a story about you

 

ท่อนร้องที่สองเป็นช่วงเหตุการณ์ต่อมาจากท่อนแรก เป็นช่วงเวลาเที่ยงคืนหลังงานเลิกทุกคนกลับกันแล้ว เหลือเพียงผู้เล่าเรื่องกับคนในครอบครัวของผู้ที่จากไป มานั่งรำลึกความหลังพลางเล่นไพ่ไปด้วยกัน

 

Why you so happy?

What did you do something sweet before you live forever?

Have I seen your past?

 

ในท่อนนี้ล้อกันกับท่อนแรกที่พูดถึงความเศร้าของคนในงาน แต่เมื่อมองไปที่รูปถ่ายของคนที่จากไปในนั้นคงปรากฏรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ผู้เล่าเรื่องจึงถามว่า “ทำไมนายมีความสุขจัง?” นายได้ทำอะไรที่มันฉ่ำใจก่อนที่จะจากไปอย่างนั้นหรือ?

และเนื้อร้องท่อนคอรัสก็เป็นดังเช่นเดิม

มิวสิควีดิโอนั้นทำออกได้เซอร์ เหวอหลอนมาก The Yuniverse เขียนบทเอง ถ่ายทำ กำกับ ทำอาร์ต และตัดต่อเอง สรุปก็คือ ทำเองหมดเลย​(เยี่ยม!) จะมีก็แต่ Cake Narawich Krueprasert ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกวงแต่มาทำหน้าที่กำกับภาพหลอนๆดิบๆให้เราได้ชมกัน ดูแล้วตกอยู่ในสภาวะมึนเมา ฟุ้งฝัน หลงหลอนใช้ได้ เข้ากันกับเพลงดีทีเดียว

Play video

สามารถติดตามผลงานของ The Yuniverse ได้ทาง Facebook , Soundcloud  , Fungjai  และช่องยูทูบของวงครับ