[รีวิว] Pegasus: แรลลี่ล่าฝัน หนังจีนรถแข่งสไตล์โจวชิงฉือ
Our score
8.4

Pegasus

จุดเด่น

  1. หนังบันเทิง ทำได้เพลิน ดูสนุก ตลกดี
  2. นักแสดงเล่นจังหวะตลกแม่น และทางดราม่าก็ดี
  3. ข้อคิดที่ดี มีฉากชวนจดจำ
  4. งานสร้างดีทั้งการถ่ายภาพ และซีจี
  5. แก้ขัดให้หายคิดถึงโจวชิงฉือได้ระดับหนึ่งเลย

จุดสังเกต

  1. วางปมเยอะ หลายอย่างไม่จำเป็น
  2. ฉากจบที่เหมือนทิ้งคนดูไว้กลางถนน
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    9.0

  • ข้อคิด สาระ

    8.5

  • ความสนุก

    8.5

  • คุ้มเวลาดู

    8.5

เรื่องย่อ

จางฉือ อดีตแชมป์แรลลี่หลายสมัย ถูกตัดสิทธิ์ห้ามลงแข่ง 5 ปีเนื่องจากไปรับท้าแข่งข้างถนน เขาต้องการทวงศักดิ์ศรีกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ลูกชายตัวน้อยของเขาได้มองเขาใหม่ ว่าเป็นพ่อที่ลูกสามารถภาคภูมิใจได้

Play video

หนังจีนยุคใหม่ต่างดึงศักยภาพที่ได้เปรียบของตัวเองมาแข่งขันในตลาดหนังมากขึ้น และสำหรับ Pegasus เองก็เป็นหนังจีนกลุ่มเน้นบันเทิง ตลกขบขัน พร้อมความฟีลกู้ดให้ข้อคิดดี ๆ ซึ่งเพิ่งลงโรงฉายที่จีนไปเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง เน็ตฟลิกซ์เห็นศักยภาพด้านความบันเทิงจึงไม่รอช้าจับลงฉายสตรีมมิ่งทันที ทั้งนี้หนังก็ชวนให้นึกถึงหนังฮ่องกงของโจวชิงฉืออยู่ไม่น้อยเลย ทั้งนี้อาจเพระาผู้กำกับ ฮั่นฮั่น ก็ถนัดในแนวหนังตลก แม้ว่าเขาจะได้ทำหนังมาเพียงไม่กี่เรื่องก็ตาม ก็ถือว่าเป็นนักเรียนหนังที่โตแบบก้าวกระโดดขึ้นมามีผลงานฉายโรงทั่วประเทศได้อย่างน่าชื่นชม

หนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็นศักยภาพที่สำคัญหลายอย่างที่หนังจีนได้เปรียบ อย่างแรกคือการที่จีนชอบกราฟิกซีจีและใช้มากขึ้นในกลุ่มหนังเน้นบันเทิง จนตอนนี้ฝีมือนับว่าเทียบชั้นแนวหน้าของโลกได้แล้ว ยิ่งสไตล์กึ่งสมจริงกึ่งคอมิกส์เว่อ ๆ นี่ถือว่าเป็นสไตล์เด่นเฉพาะตัวไปเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็นำมาใช้หลายครั้งได้อย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นฉากเบ่งพลังแข่งกันในความคิด จนถึงการแสดงเครื่องยนต์กลไกของรถแข่งที่ทำได้น่าทึ่ง ยังไม่นับเรื่องของการเอามาเสริมฉากแข่งรถที่ทำได้เนียนและน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

ศักยภาพอันถัดมาคือภูมิประเทศสุดอลังการ และยังสดใหม่ ที่สามารถเอามานำเสนอได้อย่างน่าตื่นเต้น โดยในเรื่องสนามแข่งสุดโหดได้โชว์ทั้งความสวย ยิ่งใหญ่ และดูอันตรายไปพร้อมกัน สร้างพลังให้หนังขึ้นไปอีกโข ยังไม่นับฉากบ้านซ่อมซ่อของพระเอกที่จะได้เห็นเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้อยู่ไกล ๆ ก็สะท้อนความขัดแย้ง และความสุขจากการเพียงได้มองของพวกคนที่ฐานะยากจนในจีนได้ดี

ศักยภาพสุดท้ายคือการเล่าเรื่องที่เน้นข้อคิด อันเป็นคุณลักษณะที่คนจีนมักคาดหวังว่าจะได้รับจากหนังมากกว่าแค่บันเทิงไปเรื่อย ๆ หลายครั้งหนังจีนจึงมีช่วงดราม่าสอดแทรกคมคิดมาให้เสมอ แม้แต่ในหนังตลกโปกฮาก็ตาม ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้เน้นย้ำให้เห็นคุณค่าของความฝันว่าสำคัญขนาดไหน สิ่งที่เรารักเมื่อเสียไปครั้งหนึ่งการนำกลับมาคงยิ่งไม่ง่ายด้วยวัยที่มากขึ้น สังคมรอบตัวที่เปลี่ยนไป อย่างจางฉือเขาต้องเว้นวรรคไปถึง 5 ปีเสียโอกาสต่าง ๆ มากมาย คนรอบตัวเพื่อนฝูงหนีหาย งานการไม่เหลือให้ทำต้องขายข้าวผัดเลี้ยงชีพตนกับลูกชาย ทว่าในใจลึก ๆ ของเขายังคงอยากกลับไปทำสิ่งที่รักแม้เพียงอีกสักครั้งของชีวิต

และหนังก็ใช้เวลากว่า 4 ใน 5 ส่วนเล่าความยากลำบากที่จางฉือต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นต้องร้องขอให้สมาคมอภัยโทษแบนเขาจนถึงกับต้องอ้อนวอนคู่แข่งที่เขาเคยดูถูก ต้องสอบใบขับขี่ใหม่ทั้งที่ไม่ได้จับรถมา 5 ปีเต็มและทำได้เพียงจำลองการขับในหัวมากกว่าหมื่น ๆ รอบ ทั้งยังต้องเริ่มจากศูนย์ หาเงิน หาสปอนเซอร์ หาทีมงาน โดยทั้งหมดคือการต่อสู้เพื่อความฝันของชายคนหนึ่งที่ฉาบหน้าด้วยความขบขันและชะตากรรมเล่นตลกร้ายเสมอ ๆ ทว่าเขาก็ทำให้เห็นว่าการต่อสู้ไม่ได้เกิดแค่บนสนามแต่เกิดขึ้นตั้งแต่การคว้าโอกาสคืนสนาม ซึ่งมันสะท้อนโลกความจริงที่ไม่ได้สวยหรูเอามาก ๆ และกลายเป็นว่าเมื่อหนังมันมาถึงบทสรุปมันถึงได้ทำเราเหวอ และกระแทกใจอย่างแรง

ข้อเสียของหนังที่เห็นมีก็คงเป็นบทหนังที่หยอดรายละเอียดไว้หลายปมแต่เอาจริงก็ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์นัก หลายปมตัดทิ้งไปได้เลยไม่มีผล หลายปมน่าเสียดายที่ถูกมองข้ามไปผูกไว้แต่ทิ้งไม่แก้ และส่วนที่เป็นดาบสองคมคือตอนจบที่คาดเดาไม่ออกว่าจะมาเวย์นี้ และกลายเป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน

รับชมหนังได้ที่นี่เลยครับ https://www.netflix.com/watch/81111849