[รีวิว] A Dog’s Journey : ยิ้มร่าน้ำตาริน
Our score
7.6

a dog's journey : หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม 2

จุดเด่น

  1. คนรักหมาพึงพอใจกับความน่ารักแสนรู้ของหมาแน่นอน
  2. บทยังระวังรักษาน้ำใจคนรักหมา ไม่มีภาพสะเทือนจิตใจให้เห็น
  3. ฉากดราม่าหนักหน่วง ฉากฟีลกู๊ดก็หนักหน่วงเช่นกัน

จุดสังเกต

  1. ชื่อว่าหนังหมา แต่ภาคนี้บทบาทคนกับคนจะเยอะกว่า
  2. ยังรู้สึกขัด ๆ กับหมาตัวเมียแต่เสียงพากย์เป็นชาย
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์

    8.0

  • คุณภาพนักแสดง

    8.0

  • ความสนุก

    7.0

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋วหนัง

    7.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย

 

ภาคต่อจาก A Dog’s Purpose หมาเป้าหมายและเด็กชายของผม เมื่อปี 2017 โดยเนื้อหาของภาคนี้ก็ยังคงดัดแปลงมาจากนิยายของ บรู๊ซ คาเมรอน เช่นเคย ซึ่งดูแววแล้วน่าจะไปได้ดีกับการเขียนนิยายหมา ๆ แล้วเอามาหากินรอบ 2 กับการขายสิทธิ์มาสร้างเป็นหนังได้อีกยาว เพราะหลังจากความสำเร็จของ A Dog’s Purpose เราก็ได้ดู A Dog Way Home กันไปแล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง แล้วบรู๊ซ ก็ยังจะมีผลงานนิยายเรื่องต่อไปอีกในชื่อ A Dog Christmas ก็น่าจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกเช่นกัน

เนื้อหาของ A Dog’s Journey ดำเนินเรื่องต่อจาก A Dog’s Purpose ในช่วงเวลาไม่กี่ปี อีธาน กับ เบลีย์ หมาคู่ใจยังคงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขในบ้านไร่ แต่มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือ “กลอเรีย” ลูกสะใภ้ของอีธาน และ ฮันนาห์ หนังเล่าถึงที่มาของกลอเรียผ่านบทสนทนาว่าเธอเป็นหม้าย เหตุจาก “เฮนรี่” ลูกชายของอีธานและฮันนาห์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ในขณะนั้นเธอท้องได้ 8 เดือนแล้ว ทำให้เธอต้องเลี้ยง “ซีเจ” ลูกสาวตัวน้อยอยู่ในบ้านไร่แห่งนี้กับพ่อผัวแม่ผัว ซึ่งอีธานและฮันนาห์ก็รักใคร่เอ็นดูซีเจอย่างมาก แต่กลอเรียกลับไม่รู้สึกอบอุ่นที่ต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวสามีที่จากไปแล้ว และพยายามจะหาทางออกไปทำงานหาเลี้ยงตัวเองและลูกสาว โดยไม่สนใจคำทัดทานจากอีธานและฮันนาห์

ถ้าใครได้ดู A Dog’s Purpose แล้ว จะเข้าใจถึงแนวความคิดแปลกใหม่ของหนัง จากจินตนาการของบรู๊ซ คาเมรอน ที่จำลองโลกของหมาขึ้นมาอิงจากความผูกพันระหว่างหมาและเจ้าของ ว่าเมื่อหมาตายไปแล้วแต่ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักความผูกพันยังคงอยู่ และจะตามหาเจ้าของเดิมอยู่ร่ำไป ใน A Dog’s Purpose เราได้ตามติดชีวิตของเบลีย์ที่เวียนว่ายตายเกิดแต่ก็ยังคงผูกพันกับอีธานตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยจนเป็นชายสูงวัย พอมาถึงภาคนี้เบลีย์ก็ลาจากอีธานไปอีกครั้งด้วยอายุขัยของมันเอง ก่อนลาจากอีธานได้ฝากฝังให้เบลีย์ตามไปดูแลซีเจหลานสาวของเขา เพราะอีธานกังวลกับอนาคตของซีเจที่ต้องไปอยู่กับกลอเรียตามลำพังแม่ลูก ภาคนี้ตัวละครหลักก็เลยเป็นซีเจที่เราได้เห็นเธอตั้งแต่ยังเป็นทารก จนโตเป็นสาวผ่านสายตาของเบลีย์ที่เวียนว่ายตายเกิดอีกหลายชาติเช่นกัน และทุกชาติก็ยึดมั่นในภารกิจที่อีธานฝากฝังให้ดูแลซีเจ

แม้ว่าหนังยังคงคอนเซปต์เดิม แต่โทนของภาคนี้จะหนักกว่าเดิมมาก เพราะหนังตามติดชีวิตของซีเจที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก เกิดมาก็กำพร้าพ่อเสียแล้ว แม่ก็ขี้เมามีผู้ชายเปลี่ยนหน้าใหม่มาเรื่อย ๆ ส่วนตัวเธอก็มีความฝันสูงสุดว่าอยากจะเป็นศิลปินนักร้องชื่อดัง เนื้อหาในส่วนของคนดราม่าหนักมาก อัดแน่นไปด้วยฉากปะทะอารมณ์รุนแรงหนักตั้งแต่ต้นเรื่องกันเลย แม้ว่า “หมา” จะเป็นหัวใจหลักของหนัง แต่กลับกลายเป็นว่าฉากที่เรียกน้ำตาได้สำเร็จจะเป็นฉากระหว่างคนกับคนด้วยกันนี่แหละ ฉากลาจากของเบลีย์ก็เรียกน้ำตาได้เช่นกัน แต่ในเรื่องเราได้เห็นเบลีย์ ตาย-เกิด-ตาย-เกิด หลายครั้ง หนังก็เลยไม่ได้ขยี้ไปกับทุกฉากที่เบลีย์ตาย แต่อย่าเข้าใจว่านี่คือหนังดราม่าโศกเศร้าเคล้าน้ำตา แม้ว่าหนังจะดราม่าหนักหนา หนังก็มีฉากฟีลกู๊ดเช่นกัน ไม่ใช่ว่าชีวิตของซีเจจะเผชิญแต่อุปสรรคเสมอไปนะ บางฉากบางตอนเธอก็เจอเรื่องดี ๆ ในชีวิต ให้เราตื้นตันไปกับเธอ แต่ก็อีกนั่นแหละในความสมหวังเราก็ยังพลอยน้ำตารื้นด้วยความปลาบปลื้มไปกับเธออีกเช่นกัน

ส่วนคนรักหมา ก็ยังคงย้ำว่าไม่ควรพลาด ไม่ต้องกังวลว่ารับไม่ได้กับฉากหมาตาย ไม่อยากดูเพราะสงสารหมา สบายใจได้ครับ บรู๊ซ คาเมรอน เป็นนักเขียนนิยายหมา ๆ เขาต้องเป็นคนรักหมาครับ แล้วเขาก็ตามมาเขียนบทภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหนังเรื่องนี้จะไม่มีฉากใจร้าย ไม่มีฉากหมาบาดเจ็บ ทุรนทุรายทำร้ายจิตใจคนรักหมาเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับภาคก่อนนั่นล่ะพอเบลีย์แก่หมดอายุขัยก็จะนอนหลับไปเฉย ๆ แล้วก็ตัดไปเกิดใหม่เลย เราก็ลุ้นกันไปว่าชาติต่อไปเบลีย์จะเกิดเป็นหมาพันธุ์อะไร ภาคนี้คนรักหมาก็จะได้สนุกยิ้มไปกับความน่ารักของหมาหลากหลายพันธุ์เพราะแต่ละชาติของเบลีย์ในภาคนี้ก็แตกต่างกันมาก มีทั้งหมาเล็ก ไปจนถึงหมาใหญ่มาก แต่ก็ยังคงความน่ารักไร้เดียงสาที่ทำให้ยิ้มไปกับความแสนรู้ของเจ้าหมาทุกตัวในเรื่อง ดูไปก็ชื่นชมไปกับความสามารถของทีมงานที่กำกับให้หมาทำนั่นทำนี่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมไปถึงกลเม็ดในบทภาพยนตร์ที่เชื่อมโยงความสามารถของเบลีย์ในแต่ละชาติ เบลีย์มักจะหยิบเอาความสามารถที่เรียนรู้จากภาคก่อนมาเซอร์ไพรส์ซีเจ เพื่อที่จะบอกว่า “นี่ฉันเอง เบลีย์ไง” แล้วเจ้าความสามารถต่าง ๆ ของเบลีย์นี่ล่ะที่เป็นกลไกลสำคัญในการผลักดันให้หนังเดินหน้าไปอย่างน่าสนใจ

แม้จะดราม่าหนักหน่วง มีฉากเรียกน้ำตาหลาย ๆ ฉาก แต่โดยรวมแล้วนี่คือหนังฟีลกู๊ดที่เราสามารถเสียน้ำตาไปกับความสุขความสมหวังของตัวละครได้อย่างไม่รู้ตัว คนรักหมาไม่ควรพลาดครับ ดูแล้วอยากจะกลับมากอดหมาที่บ้านแรง ๆ สักที “Hi! Bossdog”

Play video