[รีวิว]Official Secrets : เล่าเรื่องราวเครียด ๆ ได้อย่างบันเทิง
Our score
8.8

official secrets : รัฐบาลซ่อนเงื่อน

จุดเด่น

  1. เล่าเรื่องราวการเมืองเครียด ๆ ออกมาได้สนุกน่าติดตาม
  2. เคียร่า ไนต์ลีย์ โชว์ความสามารถการแสดงให้เห็นอีกครั้ง
  3. สอดแทรกวิกฤตระหว่างทาง ได้อย่างน่าติดตาม
  4. บทพูดยาว ๆ แต่ก็ได้สาระคมคาย

จุดสังเกต

  1. ด้วยแนวทางการเมือง น่าจะไม่ใช่หนังที่ถูกใจผู้ชมวงกว้าง
  2. หน้าหนังไม่น่าสนใจเล้ยยยย
  • ตรรกะความสมบูรณ์ของบท

    10.0

  • คุณภาพนักแสดง

    9.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.0

  • ความสนุก

    8.0

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋ว

    9.0

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

ตอนที่ได้ดูตัวอย่างแล้วเห็นเคียร่า ไนต์ลีย์ ที่พยายามแฉกลโกง ความไม่โปร่งใสของรัฐบาล ด้วยการเผยแพร่เอกสารลับผ่านหนังสือพิมพ์ ด้วยพลอตแบบนี้ก็ต้องทำให้นึกถึงหนังรุ่นพี่ก่อนหน้าอย่าง The Post (2017) และ Spotlight (2015) ทำให้คาดว่า Official Secrets ก็น่าจะมาในอารมณ์เดียวกัน หนังที่เดินหน้าด้วยบทสนทนาเป็นหลักบนบรรยากาศการเมืองที่เครียด ตัวละครเยอะมาก และเนื้อหาซับซ้อน แต่กลับกลายเป็นว่าหนังออกมาบันเทิงเกินคาดมาก อารมณ์ต่างจาก 2 เรื่องก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง หนังดูง่ายกว่ามาก บทหนังสอดแทรกสถานการณ์คับขัน ชวนระทึกได้ตลอดทาง มีมุกตลกแซมเล็กน้อย ด้วยหน้าหนังที่นำเสนอภาพลักษณ์ดูตึงเครียด เป็นหนังการเมืองจ๋าแบบนี้ ก็จะทำให้คนดูเลือกที่จะมองผ่าน Official Secrets กันไป แล้วก็จะพลาดหนังที่เพียบพร้อมด้วยสาระและบันเทิง แถมด้วยการแสดงอย่างน่าชื่นชมของเคียร่า ไนต์ลีย์ ในแบบที่เราไม่เคยเห็นกันมานานแล้วด้วย

เคียร่า ไนต์ลีย์ ในบท แคทเธอรีน กัน

เคียร่า ไนต์ลีย์ ในบท แคทเธอรีน กัน

Official Secrets เป็นหนังอีกเรื่องที่อิงเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงของ แคทเธอรีน กัน ที่เป็นข่าวดังเมื่อปี 2003 เธอเป็นเจ้าหน้าที่ใน “สำนักงานใหญ่การสื่อสารของรัฐบาล” Government Communications Headquarters (GCHQ) ด้วยเหตุที่เธอเชี่ยวชาญภาษาจีนกลางจึงได้ทำหน้าที่ถอดเทป แปลภาษาจีน ดักฟังบทสนทนาและอีเมลในภาษาจีน สอดส่องเนื้อความที่อาจเป็นภัยต่อสหราชอาณาจักร เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์คุกรุ่นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก ที่สหรัฐฯ อยากจะเปิดฉากโจมตีอิรักแต่ยังไม่ได้ไฟเขียวจากสหประชาชาติ แล้ววันหนึ่งแคทเธอรีนก็ได้รับอีเมลที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนใน GCHQ เป็นอีเมล “ลับสุดยอด” ที่ส่งมาจาก สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ NSA เป็นการขอความร่วมมือจากอังกฤษ ให้ส่งมอบหลักฐานและบันทึกที่เป็นประโยชน์ ที่ Nsa จะเอาไปแบล็กเมล บีบบังคับให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงคะแนนเสียงให้สหรัฐฯ โจมตีอิรักได้

ผู้กำกับ กาวิน ฮูด ขณะกำกับเคียร่า ไนต์ลีย์

ผู้กำกับ กาวิน ฮูด ขณะกำกับเคียร่า ไนต์ลีย์

แคทเธอรีน เห็นเนื้อความอีเมลฉบับนี้แล้วรู้สึกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ และอังกฤษ กำลังเล่นกลโกงตบตาประชาชนและคนทั้งโลกอยู่เพื่อการก่อสงคราม จึงตัดสินใจนำอีเมลฉบับนี้ส่งต่อไปให้เพื่อนเก่า ซึ่งไปจบลงที่หนังสือพิมพ์ ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์ แล้วกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ ดังไปทั่วโลก เมื่อข้อมูลลับสุดยอดภายในรัฐบาลรั่วไหลออกไปภายนอก ก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ในสำนักงานต้องถูกเพ่งเล็ง แคทเธอรีน เลือกที่จะเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้กระทำ ทำให้เธอได้รับบทลงโทษที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตเธออย่างมาก ก่อนจะลงเอยด้วยการที่แคทเธอรีนแต่งตั้งทนายฝีมือดีมาต่อสู้คดีในชั้นศาลกับอัยการของทางรัฐ

ใช่ที่ว่าพลอตหลักของหนังเป็นเรื่องการตีแผ่เบื้องลึกเบื้องหลังอันฉ้อฉลของรัฐบาลออกสื่อ แต่เรื่องราวส่วนนี้อยู่แค่เพียงองก์แรกของหนังเท่านั้น เพราะเรื่องราวที่เล่าต่อจากนั้นกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ที่เดินหน้าไปอย่างเข้มข้นและน่าตื่นเต้น ทั้งทางฝั่งทีมงานหนังสือพิมพ์และ ตัวแคทเธอรีนเอง ทางทีมงานหนังสือพิมพ์ก็พยายามสืบค้นหาต้นตอของอีเมลนี้เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องราวจริงก่อนที่จะตีพิมพ์ ซึ่งก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ซ้ำตีพิมพ์ไปแล้วก็ยังต้องรับมือกับกระแสสังคมที่ถาโถมเข้ามา แล้วยังต้องต่อสู้กับรัฐอเมริกันที่โจมตีว่าเนื้ออีเมลที่ ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์ นำมาตีพิมพ์นั้นเป็นของปลอม ประเด็นที่ทางอเมริกันนำมาโต้แย้งนี้ เป็นมุมที่ฉลาด ละเอียดในแบบที่เรานึกไม่ถึงจริง ๆ เล่าไม่ได้อยากให้ไปดูเอง

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์

ทางด้านของแคทเธอรีน ต้องเจอกับมรสุมชีวิตหนักหนามาก ตั้งแต่การต่อสู้กับมนุษยธรรมในตัวเอง ทนเห็นเพื่อนร่วมงานโดนสอบสวนในคดีที่เธอเป็นผู้กระทำเองไม่ได้ หลังจากสารภาพผิดเธอก็ต้องเผชิญกับบทลงโทษที่รัฐบาลอังกฤษจัดหนักกับเธอ โดยเฉพาะจุดอ่อนของเธอที่มีสามีเป็นชาวเคิร์ดแต่แต่งงานอย่างถูกกฏหมาย แต่ทางการก็หาทางเอาคืนแคทเธอรีนด้วยการพยายามอัปเปหิสามีของเธอออกนอกประเทศ รวมไปถึงหยิบเอาสัญญาข้อบังคับที่เธอเซ็นรับทราบไว้ตั้งแต่ตอนเข้าทำงานที่ GCHQ และกลายเป็นว่าสัญญานี้จะมีผลบังคับกับเธอไปตลอดชีวิต แล้วยังสามารถเอาผิดกับแคทเธอรีนได้ ถ้าเธอแต่งตั้งทนายมาสู้คดีแล้วเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลในการทำงานกับทนายที่ไม่ใช่คนของ GCHQ

ก็ต้องขอชื่นชมทีมเขียนบทที่หยิบเอารายละเอียดปลีกย่อยในระหว่างดำเนินคดี มาขยายเป็นเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ ไม่ใช่หนังการเมืองที่เดินหน้าไปด้วยบทสนทนาแบบง่วง ๆ ความดีความชอบหลักนี้ก็ต้องยกให้ผู้กำกับกาวิน ฮู้ด ที่ควบหน้าที่เขียนบทร่วมด้วย ซึ่งกาวิน ถนัดกับหนังที่มีการเมืองเป็นฉากหลังแบบนี้อยู่แล้ว ดูได้จากผลงานที่ผ่านมาอย่าง Rendition และ Eye in the Sky ควรให้วนเวียนอยู่กับแนวนี้จะดีกว่า พอยัดเยียดงานที่กาวินไม่ถนัด เราก็จะได้ดูหนังจืดชืดแบบ Ender’s Game และ X-Men Origins: Wolverine นั่นแหละ

ไม่เพียงแค่บทที่เล่าเรื่องราวได้สนุก น่าติดตามแล้ว บทสนทนาก็ยังชวนทึ่ง หลาย ๆ ประโยคที่ออกจากปากของ แคทเธอรีน กัน นั่นน่าจดจำจริง เป็นคำพูดที่จริงใจสละสลวย แล้วพอคิดตามก็ต้องบอกว่า เออจริง! แม้เป็นคำพูดที่สื่อถึงความรักชาติ แต่เมื่อออกจากปากผู้หญิงบ้าน ๆ คนหนึ่งมันดูมีความจริงใจ แต่ถ้าประโยคเดียวกันนี้ ไปออกจากปากนักการเมือง มันจะชวนคลื่นไส้กันเลย แล้วก็ต้องเอ่ยถึง “เจไดยุทธ” ที่ถ่ายทอดบทสนทนาเยี่ยม ๆ ออกมาเป็นภาษาไทยได้สสละสลวยคงใจความเดิม แล้วเข้าใจได้ง่าย

โฉมหน้า แคทเธอรีน กัน ตัวจริง

โฉมหน้า แคทเธอรีน กัน ตัวจริง

หยิบยกมาสัก 2 ประโยค ตอนที่แคทเธอรีน โดน ทินทิน เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน

ทินทิน : อย่างคุณก็นับว่าเป็นสายลับคนหนึ่ง ที่ทำงานให้กับรัฐบาลอังกฤษ
แคทเธอรีน : ไม่ใช่
ทินทิน : ไม่ใช่ยังไง
แคทเธอรีน : ฉันทำงานให้ประชาชนอังกฤษต่างหาก ฉันไม่คิดจะทำงานรวบรวมข้อมูลให้รัฐบาล เอาไปตบตาประชาชนอังกฤษด้วยกันหรอกนะ

อีกฉากในตอนที่ แคทเธอรีน คุยกับทีมทนายก่อนที่จะดำเนินเรื่องสู้คดี ซึ่งทนายก็ได้อธิบายให้เธอฟังว่าเธอจะเจอกับอะไรบ้าง แล้วคำตอบของแคทเธอรีนก็เต็มไปด้วยความมาดมั่นและเปี่ยมด้วยคุณธรรม

เบ็น อีเมอร์สัน (ทนาย) : สถานะการแต่งงานของคุณจะถูกตรวจสอบด้วยนะ, แคทเธอรีน การที่คุณเลือกจะแสดงความจงรักภักดีต่อแผ่นดินของคุณ ไม่ใช่ความภักดีต่อรัฐบาลของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องแลกกับสถานภาพสมรส ชีวิตความป็นอยู่ของคุณ สิ่งที่คุณต้องแลกทั้งหมดนี้มันได้ทำหน้าที่พูดแทนตัวคุณแล้วล่ะ งานนี้คุณไม่ได้รับอะไรสักอย่าง แต่กลับต้องเสียทุกอย่างในชีวิตไป
โรเจอร์ เอลตัน (ผู้ช่วยทนาย) : นั่นอาจจะหมายถึงต้องโดนจำคุกด้วยนะ
เบ็น อีเมอร์สัน (ทนาย) : ตกลงคุณตัดสินใจจะเสี่ยงทั้งหมดนี้เหรอ
แคทเธอรีน : ปนิธานของฉันคือต้องการยุติสงคราม ช่วยชีวิตมนุษย์ ทางเดียวคือฉันจะต้องเปิดเผยความเป็นจริง

ราล์ฟ ไฟนส์ ในบททนาย เบ็น อีเมอร์สัน

ราล์ฟ ไฟนส์ ในบททนาย เบ็น อีเมอร์สัน

แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยประโยคสนทนาที่ทรงพลัง แต่ที่สำคัญก็คือการแสดงของเคียร่า ไนต์ลีย์ ในฐานะผู้ถ่ายทอดบทสนทนายาก ๆ ยาว ๆ ทั้งหลายนี้ออกมาได้อย่างหนักแน่นและสื่อให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอได้อย่างชัดเจน บทแคทเธอรีน กัน นับว่าเป็นอีกบทบาทที่น่าจดจำของเคียร่า ไนต์ลีย์ ที่เธอห่างหายจากงานขายการแสดงไปนาน แม้ว่าเธอจะเคยโชว์ฝีมือจนเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 2 ครั้งจาก The Imitation Game (2014) , Pride & Prejudice (2005) แต่คนดูก็ยังติดภาพลักษณ์ของ เอลิซาเบ็ธ สาวใสที่สวยจนสะกดผู้ชมในแฟรนไชส์ Pirates of the Caribbean เสียมากกว่า ในวันนี้เธอเป็นคุณแม่ไปแล้วในวัย 34 ปี ก็ถือว่ามาถูกทางแล้วล่ะ ที่เคียร่า จะต้องเลือกหนังที่เหมาะกับวัยแล้วขายการแสดงไม่ใช่หน้าตาอีกต่อไป แล้วบทแคทเธอรีน ที่เครียดตั้งแต่เปิดเรื่อง เจอความกดดันทั้งที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานและสามี เพื่อแลกกับคุณธรรมในใจเท่านั้น ก็นับว่าเป็นบทที่สุดท้าทายสำหรับเธอ แล้วเธอก็ทำได้ดีจริง ๆ

อีกบทที่สมควรกล่าวถึงทิ้งท้ายก็คือบท เบ็น อีเมอร์สัน ที่รับบทโดยรุ่นใหญ่ ราล์ฟ ไฟนส์ ด้วยดีกรีเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 2 ครั้งเช่นกัน แม้บทเบ็นจะโผล่มาไม่มาก แต่ก็เป็นบทที่เหมาะกับบุคลิกภูมิฐานของราล์ฟ เล่นแบบสบาย ๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเบ็นเป็นทนายที่ภูมิฐาน สุขุม มากประสบการณ์แล้วรู้สึกน่าเชื่อมั่น ถ้าเบ็นรับงานแล้วอุ่นใจได้

หนังฟอร์มเล็ก มาเงียบ ๆ แต่คุณค่าเพียบ ไม่เสียดายค่าตั๋ว คุ้มค่าเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที แน่นอนครับ

 

Play video