เรื่องราวของหมาหรือแมวที่มีสัญชาตญาณพิเศษล่วงรู้ว่ามนุษย์คนไหนใกล้ถึงฆาตนั้น ไม่น่าจะใช่เรื่องใหม่ที่เราได้รับรู้กัน มีความเชื่อกันมายาวนานแล้วว่าสัตว์บางตัวมีประสาทสัมผัสพิเศษรับรู้วาระสุดท้ายของคนได้ หมาแมวตามบ้านทั่วไปอาจจะไม่ได้พบเจอผู้คนมากมายและแสดงความสามารถตรงนี้ได้อย่างชัดเจนนัก แต่สำหรับ”ออสการ์”นั้น มันได้แสดงความสามารถในการระบุชี้ชัดถึงผู้ป่วยที่กำลังจะถึงฆาตได้อย่างแม่นยำ 100% เป็นที่ประจักษ์กับทุกคนที่พบเห็น ทำไมออสการ์ถึงมีความสามารถได้เพียงนี้ เรามารู้จักที่มาของ “ออสการ์” กันครับ

ที่มาของออสการ์

ออสการ์ เป็นแมว 1ใน6 ตัวที่อาศัยอยู่ในสเตียร์เฮาส์

ออสการ์ เป็นแมว 1ใน6 ตัวที่อาศัยอยู่ในสเตียร์เฮาส์

ออสการ์เป็นแมวเพศผู้ 1ใน6ตัวที่มาอาศัยอยู่ใน สถานพยาบาลและดูแลผู้ป่วยสเตียร์เฮาส์ อยู่ในรัฐโรดส์ ไอส์แลนด์ , สหรัฐอเมริกา (Steere House Nursing and Rehabilitation Center) เป็นสถานพยาบาลที่รับดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ , พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ บ้างประปราย มีเตียงคนไข้เพียงแค่ 41 หลังเท่านั้น ออสการ์ เข้ามาอยู่ที่สเตียร์เฮาส์ตั้งแต่ปี 2005 ทุกคนก็มองเห็นออสการ์เป็นแค่แมวธรรมดาตัวนึง ที่เดินไปเดินมาภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ก็พอจะรู้จักเจ้าออสการ์กันพอสมควรว่ามันเป็นแมวที่ญาติดีกับหมาหรือแมวที่อยู่ในสเตียร์เฮาส์ด้วยกัน และมักจะเป็นเพื่อนกับหมาหรือแมวที่ญาติคนไข้พามาด้วย แต่ออสการ์ไม่ชอบสุงสิงกับคนนัก ถ้าไปยุ่งกับมัน บางทีมันก็ขู่ใส่เอาซะด้วย

เริ่มทำนายความตาย

ออสการ์ไม่ชอบสุงสิงกับคน

ออสการ์ไม่ชอบสุงสิงกับคน

หลังออสการ์มาอยู่ได้ 6 เดือน ออสการ์ก็เริ่มแสดงความสามารถพิเศษอันน่ากลัวให้ได้เห็น จากแมวที่ไม่สุงสิงกับคน เจ้าหน้าที่เริ่มเห็นออสการ์ไปนอนเบียดคนไข้บางราย แล้วที่น่าตกใจก็คือไม่กี่ชั่วโมงคนไข้รายนั้นจะเสียชีวิต แรก ๆ ก็มองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อออสการ์ได้ดำเนินกิจกรรมทำนายความตายไปถึง 25 ราย ก็กลายเป็นข้อยืนยันชัดเจนว่า ออสการ์คือ “แมวทำนายความตาย” ได้จริงและแม่นยำ ออสการ์ก็เหมือนแมวที่ทำหน้าที่เป็นประโยชน์ได้จริงในสเตียร์เฮาส์ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันไป เมื่อใดที่เห็นออสการ์กระโดดขึ้นไปนอนเบียดใคร เจ้าหน้าที่ก็จะโทรหาญาติผู้ป่วยคนนั้นให้รีบมาดูใจและบอกลาคนไข้กันเป็นการด่วน

โจน เทมโป อายุรแพทย์ ประจำสเตียร์เฮาส์ ประเมินเจตนาของออสการ์ว่าการที่ออสการ์เข้าไปหาคนไข้ในวาระสุดท้ายนั้น เพราะเหตุที่มันสัมผัสได้ว่าคนไข้กำลังจะตายแล้ว มันจึงเข้าไปคลอเคลียเหมือนเป็นการปลอบประโลม มาอยู่เป็นเพื่อนในวาระสุดท้ายที่จะพ้นจากโลกนี้ไป ด้วยเหตุนี้ บางสื่อจึงเรียกออสการ์ว่า “Therapy Cat”

กลายเป็นที่รู้จัก

ออสการ์ มีหนังสือเป็นของตัวเองด้วย

ออสการ์ มีหนังสือเป็นของตัวเองด้วย

ความสามารถของออสการ์เป็นที่สนใจของ คุณหมอ เดวิด โดซา แพทย์ดูแลคนชราที่ประจำอยู่สเตียร์เฮาส์ คุณหมอเดวิดจึงทำการศึกษาเรื่องประสาทสัมผัสพิเศษของออสการ์อย่างจริงจัง และเขียนออกมาเป็นบทความวิเคราะห์ทางการแพทย์ในชื่อเรื่อง “A Day in the Life of Oscar the Cat” ตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ออสการ์กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลก หมอเดวิด เลยสานต่อเรื่องราวของออสการ์ด้วยการออกหนังสือที่เล่าเรื่องออสการ์โดยเฉพาะในชื่อ Making Rounds with Oscar: The Extraordinary Gift of an Ordinary Cat ตีพิมพ์ในปี 2010 กลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับใน นิวยอร์ก ไทม์

หมอเดวิด เล่าถึงออสการ์ให้ฟังว่า “ตอนมาอยู่ใหม่ ๆ ออสการ์เป็นแมวที่ขี้กลัวด้วยซ้ำ เค้าไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็นนักหรอก แต่เราจะเจอออสการ์บ่อย ๆ ในตู้เก็บของหรือใต้เตียง แต่ถ้ามีคนไข้รายไหนใกล้เสียชีวิต เมื่อนั้นแหละเราจะเห็นออสการ์โผล่ออกมา”

“ทีแรกเราก็ไม่เชื่อหรอก แต่พอบ่อยครั้งเข้าที่เราได้เห็นออสการ์มานอนใกล้ ๆ คนไข้รายไหนแล้วคนไข้รายนั้นก็ตายทุกที จาก 1ราย เป็น 2ราย ถึงตอนนี้เกิน 30รายไปแล้ว เราถึงได้มองว่า ว้าว! นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้วนะ”

ช่วงนี้ล่ะ ที่ทำให้ สตีเฟน คิง ได้รู้จักกิตติศัพท์ของเจ้าออสการ์ ก็เลยใช้เจ้าออสการ์เป็นแรงบันดาลใจ ในการสร้างตัวตน “แอชชี่” แมวที่มีสัมผัสถึงความตายลงไปในนิยาย Doctor Sleep แล้วเจ้าแอชชี่ก็ยังได้มีบทบาทในเวอร์ชันภาพยนตร์อีกด้วย อยากให้ออสการ์มันได้รู้นะ ว่าเรื่องของมันได้กลายเป็นตวละครในหนังด้วย

วิเคราะห์ความสามารถของออสการ์

นายแพทย์เดวิด โดซา ผู้เขียนหนังสือกี่ยวกับออสการ์

นายแพทย์เดวิด โดซา ผู้เขียนหนังสือกี่ยวกับออสการ์

มีทั้งคำอธิบายทางการแพทย์ และความเชื่อของชาวบ้าน ผู้คนทั่วไปจะมองไปในทางเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ชาวบ้านบางกลุ่มถึงกับเรียกออสการ์ว่า “เทวดาแห่งความตาย” พวกเขาเชื่อกันว่าออสการ์มีญาณพิเศษที่สามารถติดต่อกับโลกวิญญาณได้ ส่วนหมอเดวิดที่ทำการวิเคราะห์ศึกษาออสการ์อย่างจริงจัง เขาเชื่อว่าออสการ์นั้นสามารถสัมผัสกลิ่นบางอย่างจากตัวคนไข้ได้
“มันมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าออสการ์ได้กลิ่นของเซลล์ที่กำลังเสื่อมสลายออกมาจากร่างกายมนุษย์”

สมมติฐานนี้ก็ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงในปัจจุบันนี้ที่มีการฝึกสุนัขให้สามารถดมกลิ่นเซลล์มะเร็งจากร่างกายมนุษย์ได้สำเร็จ และเรื่องราวนี้ก็ได้ถูกใส่ไว้ในฉากหนึ่งในหนัง A Dog’s Journey ด้วย ที่หมาในเรื่องได้เข้ารับการฝึกดมกลิ่นเซลล์มะเร็งในสถานฝึกหัด ด้วยการให้คนไข้นั่งเรียงเป็นแถว หมาจะเดินดมไปทีละคน ถ้าเจอว่าคนไหนมีเซลล์มะเร็งหมาจะนอนหมอบที่หน้าคนนั้น แล้วเอาขาหน้าไขว้กัน ประสาทสัมผัสของออสการ์ก็คงจะเช่นเดียวกัน แต่เป็นประสาทสัมผัสที่รุนแรงกว่า และอาจจะบ่งบอกเป็นนัยว่าร่างกายมนุษย์อาจจะขับสารเคมีบางอย่างออกมาในวาระสุดท้าย แล้วหมาแมวบางตัวก็จะได้กลิ่นของสารเคมีตัวนี้จากร่างกายมนุษย์

ออสการ์ในวันนี้

พอเป็นแมวแก่ ออสการ์ก็ไม่ค่อยทำนายแล้ว เอาแต่นอน

พอเป็นแมวแก่ ออสการ์ก็ไม่ค่อยทำนายแล้ว เอาแต่นอน

แมวทั่วไปมีอายุเฉลี่ยที่ 15 ปี มากสุดก็อาจถึง 20 ปี ในวันนี้ออสการ์ก็อายุ 14 ปีแล้ว นับว่าเป็นแมวที่แก่มาก ก็เหมือนคนเราพอแก่ตัวก็เริ่มเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ ออสการ์เองก็เช่นกัน ทำหน้าที่ทำนายความตายมนุษย์มานับ 100 รายแล้ว แต่เมื่อถึงวาระของตัวมันเอง ก็ไม่มีหมาหรือแมวตัวไหนมาทำนาย ปี 2013 ออสการ์ก็เกือบจะไปจากโลกนี้แล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นออสการ์ป่วยหนักเป็นภูมิแพ้ขั้นรุนแรง ถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นไปแล้วหลายวินาที แต่โชคดีที่เป็นแมวในสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็เลยช่วยไว้ได้ทัน วันนี้ออสการ์อายุมากแล้ว ก็ไม่ได้ทำหน้าทีผู้ทำนายความตายได้ครบถ้วนเช่นตอนยังเป็นแมวหนุ่ม ออสการ์งีบบ่อยขึ้น คนไข้บางรายที่ตายไปแต่ออสการ์ไม่มาทำนายก็มี ตายไปเหอะ ฉันแก่แล้ว ฉันเพลีย ฉันจะนอน

ออสการ์ในปัจจุบัน ที่บ้านพักคนชรา โรเบอร์ตา เพลส

ออสการ์ในปัจจุบัน ที่บ้านพักคนชรา โรเบอร์ตา เพลส

 

หลังจากที่ออสการ์ป่วยเกือบตาย ทางสเตียร์เฮาส์จึงตัดสินใจให้ออสการ์ปลดเกษียณเสียที ไปใช้ชีวิตเหมือนคนแก่ ๆ คนหนึ่ง ออสการ์ถูกย้ายไปอยู่ Roberta Place Long-Term Care Home เป็นบ้านพักคนชรา มีสมาชิกมากถึง 138 คน โรเบอร์ตา เพลซ อยู่ไกลถึง ออนทาริโอ, แคนาดา ออสการ์มาอยู่ที่นี่ได้ 6 ปีแล้ว ก็ถือว่าหลังจากทำหน้าที่เป็นแมวเซเลบมาอย่างยาวนานหลายปี อออสการ์ก็ได้ใช้ชีวิตช่วงท้ายของมันอย่างอบอุ่นท่ามกลางความรักความเอ็นดูของคนชราที่โรเบอร์ตา เพลส

 

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง