วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเจ้าเหมียว “คิตตี้” ที่ได้ช่วยชีวิตเจ้าของและคนทั้งอพาร์ตเมนต์ให้รอดพ้นจากการโดนย่างสดนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง เหตุเกิดในเมืองแลนซิง รัฐนิวยอร์ก
เมื่อเจ้าคิตตี้กระโจนขึ้นไปบนตัวทาสสาว แดเนียล เชฟเฟอร์ ในช่วงกลางดึก
“เจ้าคิตตี้มันกระโดดขึ้นมาบนตัวฉัน ทำให้ฉันตื่นเลย”

แดเนียล เชเฟอร์ กับเจ้าคิตตี้สุดรัก

แดเนียล เชเฟอร์ กับเจ้าคิตตี้สุดรัก

ในขณะที่แดเนียลตื่นขึ้นมาแล้วยังงัวเงียอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงระเบิดตู้ม มาจากด้านนอกพาร์ตเมนต์ ทำให้เธอหายสังสัยว่าทำไมเจ้าคิตตี้ถึงมาปลุกเธอ เพราะมันกลัวเสียงระเบิดนี่เอง ด้วยเสียงระเบิดดังลั่นนั่นทำให้แดเนียลหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง เธอวิ่งออกไปหน้าห้องทันที มองหาที่มาของเสียงระเบิดนั้น แล้วเธอก็เห็นควันและเปลวไฟกำลังลุกไหม้ แดเนียลรีบวิ่งกลับเข้าห้องนอนทันที สามัญสำนึกสั่งเธอทันทีว่าเธอและคิตตี้ต้องออกจากอพาร์ตเมนต์นี้โดยด่วน แต่แล้ววิกฤตก็เกิดขึ้นซ้อนวิกฤต เมื่อเธอกลับเข้ามาในห้องก็ไม่พบเจ้าคิตตี้แล้ว
“ฉันร้องเรียกมันดังมาก คิตตี้ คิตตี้ คิตตี้ คงเพราะเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นกลัวของฉันเองด้วยล่ะ ที่ทำให้มันยิ่งตื่นตกใจไปใหญ่”

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ชั่วไม่กี่อึดใจ ไฟก็ลุกลามมาถึงหน้าประตูห้องเธอเสียแล้ว เธอไม่มีเวลาที่จะหาคิตตี้ได้ต่อไปแล้ว เธอออกทางประตูหน้าห้องไม่ได้แล้วด้วย แดเนียลพยายามเปิดหน้าต่าง แต่ก็เปิดไม่ออกอีก ควันก็พวยพุ่งเข้ามาในห้องนอนเธอ เธอจึงต้องรีบปิดประตูหน้าทันที ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเธอร้องไห้ฟูมฟายมาก เพราะต้องหาทางเอาชีวิตรอดด้วย แล้วก็เสียใจที่หาคิตตี้ไม่เจอด้วย ตั้งแต่เธอเก็บมันมาเลี้ยงเมื่อ 5 ปีก่อน เธอและคิตตี้ก็ไม่เคยห่างจากกันเลย ไม่คิดว่าจะต้องมาจากกันด้วยสถานการณ์แบบนี้ แต่ตอนนี้เธอเหลือทางออกสุดท้ายแล้ว คือประตูที่เปิดออกไปยังระเบียงห้อง ซึ่งไฟลามมาถึงแล้วเช่นกัน
“ฉันพุ่งตัวผ่านเปลวไฟออกประตูไป แล้วก็ตะโกนร้อง ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

เจ้าคิตตี้ตอนที่มีความสุขในห้องของแดเนียล

เจ้าคิตตี้ตอนที่มีความสุขในห้องของแดเนียล

แดเนียลเล่าว่ามีผู้ชายเดินผ่านอพาร์ตเมนต์เธอมาพอดี โชคดีที่ห้องของแดเนียลอยู่ที่้ชั้นหนึ่ง เขาได้ยินเสียงเธอร้องเรียกให้ช่วยก็เลยวิ่งมาหาเธอได้ ใจของแดเนียลยังคงห่วงกังวลถึงคิตตี้ เธอบอกชายคนนั้นว่าแมวของเธอยังติดอยู่ข้างในห้อง ให้ช่วยแมวของเธอด้วย ชายแปลกหน้าก็ช่างน่ารัก เขาได้ยินแล้วก็พยายามช่วยคิตตี้ ด้วยการใช้เท้าถีบไปที่กระจกหน้าต่างให้แตกออก แดเนียลรีบบอกชายพลเมืองดี
“ฉันจะเข้าไปช่วยแมว”
แต่พลเมืองดีคนนั้นก็รีบคว้าแขนของแดเนียลไว้
“คุณเข้าไปไม่ได้ ข้างในมันมืดไปหมดแล้ว”

คิตตี้ตอนโต หน้าตาเอาเรื่องเชียว

คิตตี้ตอนโต หน้าตาเอาเรื่องเชียว

ใจที่ห่วงกังวลอยู่แต่คิตตี้ทำให้ลืมคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองไปชั่วขณะ เธอไม่ได้รู้เลยว่าฤทธิ์เดชของเปลวไฟแผ่ไปด้วยรวดเร็วเพียงใด จนกระทั่งเธอแหงนหน้ามองไปบนอพาร์ตเมนต์ของเธอที่ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟหมดสิ้น ระหว่างที่กำลังยืนอึ้งอยู่กับภาพเบื้องหน้า แดเนียลก็ได้ยินเสียงของครอบครัวที่อยู่ชั้นสองตรงกับห้องของเธอ กำลังร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ครอบครัวนี้เจอปัญหาเดียวกับแดเนียล คือไฟลามมาถึงประตูหน้าห้องจนไม่สามารถฝ่าออกไปได้ ดังเช่นหัวใจของพ่อแม่ทุกคนพึงกระทำ พวกเขาหย่อนตัวลูกคนหนึ่งมาให้แดเนียล และอีกคนให้กับชายพลเมืองดี แดเนียลที่อุ้มเด็กน้อยไว้แนบอกจึงวิ่งออกไปยังสวนที่ใกล้กันเพื่อให้เธอและเด็กน้อยปลอดภัยจากเปลวไฟ โชคดีที่ไม่นานจากนั้นพ่อและแม่ได้รับการช่วยเหลือแล้วตามมาสมทบกับลูกทั้งสองได้ทันท่วงที

จนเมื่อเธอปลอดภัยแล้ว เธอจึงย้อนทวนเหตุการณ์ว่าตลอดวิกฤตการณ์นี้เธอไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้เลย แต่ต้องเป็นเพราะเสียงกรีดร้องที่เธอเรียกเจ้าคิตตี้นั่นล่ะ ที่ช่วยปลุกเพื่อนบ้านให้ตื่นขึ้นมาเจอเหตุไฟไหม้ แดเนียลปลอดภัยแล้วแต่เธอยังหวังว่าคิตตี้จะสามารถพาตัวเองให้รอดปลอดภัยได้เช่นกัน เธอไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจดับเพลิงให้ช่วยหาคิตตี้
“ฉันว่ามันกำลังกลัวแล้วซ่อนตัวอยู่ตรงไหนสักแห่ง”

ซากอพาร์ตเมนต์ หลังเพลิงไหม้

สภาพอพาร์ตเมนต์ หลังเพลิงไหม้

เจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิงรับปากแดเนียลว่าจะช่วยตามหาเจ้าคิตตี้ให้ แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังดับไฟอยู่นี่ ขอให้แดเนียลและบรรดาผู้อาศัยจากอพาร์ตเมนต์นี้ไปหลบภัยกันที่โรงแรมใกล้ ๆ นี้ก่อน

แดเนียลไปพักที่โรงแรมตามที่เจ้าหน้าที่จัดหาที่พักให้ เพื่อน ๆ ของเธอเอาเสื้อผ้าใหม่มาให้เธอเปลี่ยน แล้วแดเนียลก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้า สิ่งแรกที่เธอทำคือกลับมาที่ซากอพาร์ตเมนต์เพื่อตามหาเจ้าคิตตี้ สภาพอพาร์ตเมนต์ที่เธอเห็นเหลือแต่เพียงซากเถ้าถ่านที่ยังมีควันลอยฉุยอยู่ ทำเอาหัวใจเธอหดเล็กลงนิดเดียว แต่ก็ยังคาดหวังลึก ๆ ว่าเจ้าคิตตี้อาจจะเอาตัวรอดออกมาได้ ระหว่างที่แดเนียลกำลังยืนจ้องซากอพาร์ตเมนต์อยู่นั่น เธอก็ได้ยินเสียงโหวเหวกมาจากด้านหลัง เป็นเสียงของตำรวจดับเพลิงตะโกนคุยกัน เป็นเสียงที่จุดประกายความหวังให้เธอ
“ไหนเธออยู่ไหน ผู้หญิงคนที่ตามหาแมวน่ะอยู่ไหน”
เธอหันไปตามเสียง แล้วก็แทบไม่เชื่อสิ่งที่สายตาเธอเห็น เธอบรรยายความรู้สึกขณะนั้นไม่ถูกจริง ๆ

“มันเหมือนกับภาพในหนังเลย มันแทบไม่น่าเชื่อจริง ๆ เจ้าคิตตี้อยู่ในอ้อมแขนของเขา มันดูตื่นตระหนกพอควร เพราะถูกชายที่มันไม่รู้จักอุ้มอยู่ แล้วก็จ้องมาที่ฉัน”

แบรด จอร์จ ผู้ที่เจอตัวเจ้าคิตตี้

แบรด จอร์จ ผู้ที่เจอตัวเจ้าคิตตี้

แล้วพระเอกของเรื่องนี้ก็คือ แบรด จอร์จ เจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิง ผู้ที่เจอเจ้าคิตตี้นั่นเอง
“ผมเข้าไปตรวจสอบซากปรักหักพังของอพาร์ตเมนต์ว่าหลงเหลืออะไรบ้าง ผมเข้าไปในที่ที่เคยเป็นห้องนอนของเธอ เห็นเตียงกับหมอนของเธอที่วางชิดผนังอยู่ ผมหยิบหมอนออกมาช้า ๆ แล้วก็มองเห็นขนดำ ๆ อยู่ใต้หมอน พอสังกตได้ว่าเจ้าเหมียวมันยังหายใจอยู่ ผมก็แอบดีใจไปด้วยนะ โอ้ว มันยังไม่ตาย”
แบรด ก็อุ้มคิตตี้ขึ้นมาเบา ๆ แล้วซุกมันไว้ในเสื้อโค้ตของเขาเพื่อให้มันอบอุ่น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แดเนียลย้อนกลับมาหาคิตตี้ที่อพาร์ตเมนต์พอดี

มีการวิเคราะห์สาเหตุที่เจ้าคิตตี้รอดมาได้ในภายหลังว่า น่าจะเริ่มจากที่แดเนียลเห็นไฟลามมาถึงถึงห้องนอนเธอ แล้วพอแดเนียลปิดประตูห้องนอนก็ช่วยชะลอการลุกลามของเปลวเพลิงไปได้ระยะหนึ่ง บวกกับตอนที่ชายพลเมืองดีมาถีบกระจกหน้าต่างให้แตก ก็ช่วยระบายควันออกแล้วปล่อยอากาศบริสุทธิ์ให้เข้าไปภายในด้วย ทำให้คิตตี้ที่ซุกอยู่ใต้หมอนได้พอมีอากาศหายใจ

เจ้าคิตตี้ตอนเด็ก ๆ น่ารักเนอะ

เจ้าคิตตี้ตอนเด็ก ๆ น่ารักเนอะ

พอแดเนียลได้ตัวคิตตี้กลับมา เธอรีบพามันไปหาสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลทันที ซึ่งเธอกำลังศึกษาสัตวแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนี้เช่นกัน และที่มหาวิทยาลัยนี้แหละ ที่เธอเจอเจ้าคิตตี้ในสภาพแมวจรป้วนเปี้ยนอยู่ข้างถนนเมื่อ 5 ปีก่อน สภาพของคิตตี้ที่แดเนียลแรกเห็นนั้น ทำให้เธอรู้สึกเวทนามัน เธอตั้งใจเอามันมาดูแลชั่วคราว แล้วก็ประกาศหาคนใจดีที่จะมารับมันไปดูแล แต่นานวันเข้าก็ยังไม่มีคนสนใจจะอยากได้มัน ก็พอดีกับที่แดเนียลรู้สึกผูกพันกับเจ้าคิตตี้มากขึ้น แล้วก็กลายเป็นเจ้าของมันเองไปโดยปริยาย

เจ้าคิตตี้ ขณะพักฟื้นในตู้อบ

เจ้าคิตตี้ ขณะพักฟื้นในตู้อบ

เจ้าคิตตี้ใช้เวลาพักฟื้นอยู่ในคลินิกหลายวันกว่าจะคืนสภาพเดิม สัตวแพทย์บอกว่าเจ้าคิตตี้โชคดีมากที่รอดเหตุการณ์ไฟไหม้นี้มาได้
ด้วยคำพูดของสัตวแพทย์นี้เอง ทำให้แดเนียลต้องย้อนนึกถึงพระเอกในเหตุการณ์นี้อีกคนหนึ่ง นั่นก็คือชายพลเมืองดีที่ตั้งใจจะช่วยแดเนียลตามหาคิตตี้ การที่เขาถีบกระจกแตกก็เท่ากับว่าเขาได้ช่วยชีวิตคิตตี้ทางอ้อมไปแล้ว
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขามาก ฉันจำได้แค่เพียงว่าอยู่ดี ๆ เขาโผล่มาแล้วเขาก็หายไป”

แดเนียลขอบคุณตำรวจดับเพลิงที่ตามหาคิตตี้จนเจอ ขอบคุณชายแปลกหน้าที่มาช่วยเหลือเธอในนาทีคับขัน แต่สุดท้ายรายที่เธอต้องขอบคุณที่สุดก็คือเจ้าคิตตี้นี่แหละ มันคือรายที่ช่วยชีวิตเธออย่างแท้จริง
“ถ้าคืนนั้นมันไม่ปลุกฉันจนตื่น ป่านนี้ฉันจะยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้เลยนะ พอมันปลุกฉันตื่น แล้วฉันก็ไปทำเสียงดังให้คนอื่นในอพาร์ตเมนต์ตื่นด้วย ฉันช่วยชีวิตเค้าด้วยการเอาเค้ามาเลี้ยง แล้วเค้าก็ช่วยชีวิตฉันกลับเป็นการตอบแทน”

เป็นอีกเรื่องที่น่ารักและมหัศจรรย์สำหรับคนรักเหมียว ที่อ่านไปชวนยิ้มไปนะครับ ต่อไปถ้าเราต้องตื่นกลางดึกเพราะเจ้าเหมียว แล้วจะหงุดหงิดมัน ก็ขอให้ย้อนนึกถึงเรื่องนี้นะ อย่างน้อยก็ทำให้หงุดหงิดได้น้อยลงล่ะนะ

 

 

อ้างอิง