เดือนมกราคมกำลังจะผ่านไป (เวลาช่างเดินเร็วเหลือเกิน) แค่เพียงเดือนเดียว หลายสิ่งหลายอย่างก็เกิดขึ้นมากมาย มีเรื่องราวให้เราได้ติดตาม ตื่นตัว ตั้งรับ และปรับตัวมากมาย รู้สึกเลยว่าโลกในทศวรรษใหม่นี้คงมีอะไรรออยู่อีกมากนัก

แต่ไม่ว่าโลกจะเป็นไปอย่างไร เสียงดนตรีก็ยังคงมีอยู่เสมอ และในสัปดาห์ก่อนสิ้นเดือนนี้ก็มีอัลบั้มใหม่ออกมาให้ได้ฟังกัน มีทั้งอัลบั้มใหม่ของวงดนตรีรุ่นเก๋าอย่าง Pet Shop Boys ที่ชุดนี้นับเป็นชุดที่ 14 แล้ว นอกจากนี้ยังมีอัลบั้มดี ๆ ในหลากหลายแนวดนตรีมาแนะนำให้ได้ฟังกันครับ มาเริ่มที่อัลบั้มแรกกันเลย


“THE NEON SKYLINE”  – Andy Shauf

อัลบั้มเต็มชุดที่ 6 จากนักร้องนักแต่งเพลงชาวแคนาดานามว่า “Andy Shauf” ผู้มีเอกลักษณ์โดดเด่นในงานเพลงจากการเป็นนักเล่าเรื่องตัวยง

ในแง่ของการเป็นนักเล่าเรื่อง Shauf จะให้ความสำคัญกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นรายล้อมรอบตัวเขา ก่อนที่จะนำมันมาเรียงร้อยเป็นเรื่องเล่าที่สะท้อนให้เห็นความงามที่เกิดขึ้นในทุกช่วงยามในทุกนาทีของชีวิตที่กำลังเลยผ่านไป ด้วยเหตุนี้งานเพลงของ Shauf จึงเป็นงานเพลงที่ขับเคลื่อนด้วยการเล่าเรื่อง (Narrative-Driven) อย่างในอัลบั้มก่อนหน้านี้ The Party (2016) ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนเดียว ในปาร์ตี้เดียว

ส่วนใน “The Neon Skyline” ที่ Shauf ได้แรงบันดาลใจมาจากบาร์แห่งหนึ่งในแคนาดาที่มีชื่อว่า “The Skyline” ที่เขาชอบไปนั่งชิลอยู่บ่อย ๆ เป็นอัลบั้มที่พูดถึง “รักที่สูญหาย” ในมุมมอง แก่นเรื่องและอารมณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะ สุข เศร้า เหงา ขำ พิศวงงงงวย อันสะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของชีวิต และการเติบโตของ Shauf ที่มองชีวิตนี้ด้วยความยินดีและมี “รอยยิ้ม” ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตก็ตาม

บทเพลงทั้งหลายใน “The Neon Skyline” เป็นชุดของเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ที่ถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกัน อันสะท้อนให้เห็นถึงห้วงอารมณ์ของมนุษย์ที่ทอดผ่านช่วงเวลาสามัญในชีวิตถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่ายและสามารถเข้าถึงได้ทุกผู้ทุกคน โดยเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไปชิลในบาร์แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “The Neon Skyline” เพื่อที่จะพบว่าคนรักเก่าของเขาได้กลับมายังบ้านเกิดแห่งนี้ และนี่คือจุดกำเนิดของเรื่องราวที่ชวนติดตามและผู้ฟังควรสัมผัสมันด้วยตนเอง

หากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องเล่า หรือชอบภาพยนตร์รัก สุข เศร้า เหงา ขำ และมีเพลงประกอบในสไตล์อินดี้พอป โฟล์คร็อก ผ่านน้ำเสียงของผู้เล่าที่ดูจริงใจ อบอุ่น เป็นมิตร นี่คืออัลบั้มที่คุณไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งครับ

Play video


“THIN MIND” –  Wolf Parade

อัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ของวงอินดี้ร็อก “Wolf Parade” ที่เหลือกันเพียงสามคนในอัลบั้มนี้หลังจาก Dante DeCaro ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 2005 ได้ขอลาออกจากวงไปเมื่อต้นปีที่แล้ว งานนี้ Dan Boeckner , Spencer Krug, และ Arlen Thompson ก็ยังคงจัดกันเต็มที่และไม่ทำให้อัลบั้มนี้น้อยหน้างานที่ผ่าน ๆ มาเลย

แนวคิดของอัลบั้มนี้ถูกบรรจุไว้ในชื่ออัลบั้ม “Thin Mind” ที่หมายความถึงวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่หมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีและประดิษฐกรรมทั้งหลายที่รายล้อมรอบตัวเรา จนทำให้ความคิดและจิตใจของเรา “บางลง” หรือ “ตื้นเขิน” นั่นเอง

ในด้านของงานดนตรี อัลบั้มนี้ Wolf Parade ได้กลับไปสู่การเป็นวงดนตรีสามชิ้นที่ยังคงสดใหม่และเปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์อันเราจะสัมผัสได้ผ่านบทเพลงทั้ง 10 ของอัลบั้มนี้ ไม่ว่าจะเป็นแทร็กเปิดอัลบั้ม  “Under Glass” ที่มาพร้อมไลน์กีตาร์เท่ ๆ กับท่อนเพลงคม ๆ ที่โดนใจ “nobody knows what they want…anymore?”  

“Julia Take Your Man Home” ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อย MV ออกมา กับท่วงทำนองเร้าใจชวนโยกไปเบา ๆ “Forest Green” หนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเกาะแวนคูเวอร์ เมืองที่ Dan Boeckner เติยโตมาและมีอิทธิพลต่อพัฒนการทางศิลปะและการก่อร้างสร้างตัวตนของเขา ในเพลงเหมือนเป็นการผสานมุมมองที่เขามีต่อแวนคูเวอร์และในปัจจุบันและการจินตนาการถึงมันในอนาคตไปพร้อมกัน  “Against The Day”

กับซาวด์ซินธ์เท่ ๆ กับกลิ่นอายซินธ์พอปยุค 80s ที่เกิดจากการร่วมงานกันกับ “Devojka” ราชินีซินธ์แห่งวงอินดี้ร็อกจากมอนทรีออลนาม “Operators”  

 

ใน “Thin Mind” เหมือน Wolf Parade ได้กลับไปสู่รากเดิมแต่แรกเริ่ม แต่เพิ่มเติมด้วยประสบการณ์ ความชำนาญ และความลุ่มลึก จนทำให้มันเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มทรงคุณค่าของวงนี้ไปเลย

Play video


“HOTSPOT” –  Pet Shop Boys

อัลบั้มเต็มชุดที่ 14 จากคู่หูซินธ์พอปจากอังกฤษ Pet Shop Boys อันเป็นอัลบั้มปิดไตรภาคต่อจาก Electric (2013) และ Super (2016) ที่เป็นการร่วมงานกันกับโปรดิวเซอร์มือดี Stuart Price จนกลายเป็น “Electric – Super – Hotspot” ไตรภาคที่ Pet Shop Boys กลับมาสู่งานในสไตล์ “อิเล็กทรอนิกเก๋ ๆ” อีกครั้ง

งานในไตรภาคนี้คือการกลับมาสู่รากฐานของงานแบบ Pet Shop Boys ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1984 อันอบอวลไปด้วยบรรยากาศของงานเพลงพอปในยุค 80s แต่มีองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยสร้างสีสันแปลกใหม่ให้กับ Pet Shop Boys ก็คือการได้ร่วมงานกับคนอีกรุ่นหนึ่งอย่าง “Olly Alexander” จาก Years & Years กับเพลง “Dreamland” บทเพลงที่จะพาคุณแดนซ์ไปกับท่วงทำนองอันเร้าใจ กับเสียงร้องของ Olly ที่เติมแต่งเนื้อเสียงของ R&B เข้าไปในท่วงทำนองของ Pet Shop Boys

นอกจากนี้ยังมีแทร็กที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ  “Burning the Heather” บทเพลงแฝงอารมณ์หม่นเหงากับกีตาร์โดดเด่นในสไตล์ “Bernard Butler” แห่ง Suede “You Are The One” ที่เปิดมาด้วยเสียงนกร้องและท่วงทำนองชวนล่องลอยเคลิ้มใจไปกับท่วงทำนองและเมโลดี้อันไพเราะ เป็นอีกแทร็กหนึ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ของ Pet Shop Boys

และ “Monkey Business” แทร็กที่เพิ่งปล่อย MV ออกมา กับท่วงทำนองแดนซ์เร้าใจในสไตล์ที่ผสมผสานกลิ่นอายของวง Kraftwerk และ Tom Tom Club เข้าไว้ด้วยกัน บวกกับสไตล์การร้องในแบบ Mark E. Smith ของ Tennant

ปีนี้ Pet Shop Boys ก็โลดแล่นในวงการมากว่า 40 ปี แล้วแต่ยังคงผลิตผลงานดี ๆ ออกมาให้ฟังกันอย่างต่อเนื่อง นับเป็นวงรุ่นเก่าที่ยังคงเก๋าอยู่จริง ๆ !!

Play video


“BONNY LIGHT HORSEMAN” – Bonny Light Horseman

อัลบั้มเต็มชุดแรกจากวงโฟล์กทรีโอที่นำเอาบทเพลงโฟล์กแบบดั้งเดิมมาตีความใหม่ผ่านฝีไม้ลายมือจากสมาชิกทั้งสามได้แก่  Anaïs Mitchell, Josh Kaufman และ Eric D. Johnson

งานเพลงของ “Bonny Light Horseman” คือการนำเอาเพลงโฟล์กดั้งเดิมมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ไฉไล หลายเพลงมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี แต่ก็สามารถนำมาทำใหม่ให้คนในยุคนี้ฟังได้อย่างไม่รู้สึกเคอะเขินจากการผสานเอาท่วงทำนองของดนตรีสมัยใหม่และความร่วมสมัยใส่เข้าไปในบทเพลง บางเพลงก็เอามาจากเพลงโฟล์กจากเกาะอังกฤษแต่ก็มีบางเพลงในอัลบั้มที่ทั้งสามร่วมกันแต่งขึ้นใหม่ ทั้งสามได้พบกันครั้งแรกในเทศกาลดนตรีเมื่อปี 2018 จากการชี้นำของ Justin Vernon หรือ Bon Iver จนในที่สุดก็มาร่วมเล่นดนตรีด้วยกันจนนำมาสู่อัลบั้มชุดนี้ในที่สุด

ความตั้งใจสำคัญของการร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ของ “Bonny Light Horseman” ก็คือการรักษาเอาไว้ซึ่งจิตวิญญาณเพลงโฟล์กให้สามารถดำรงอยู่ได้ในโลกร่วมสมัย โดยผสานความเก่าและความใหม่คลุกเคล้าให้เข้ากันอย่างกลมกล่อม ทั้งมีความเคารพในรากฐานของดนตรีแนวนี้และก็สร้างสรรค์นำพาดนตรีเก่าแก่นี้ไปสู่อนาคตข้างหน้าต่อไป

ใครที่มีใจรักในดนตรีโฟล์กควรฟังอย่างยิ่ง ส่วนใครที่ไม่เคยคุ้นยิ่งควรฟังเข้าไปใหญ่ เพราะไม่แน่คุณอาจจะเริ่มหลงใหลในท่วงทำนองของโฟล์กจาก “BONNY LIGHT HORSEMAN” ก็เป็นได้

Play video

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส