[รีวิว] Bloodshot: คาดหวังกับภาคต่อ เชื่อว่าต้องโคตรมัน
Our score
8.0

Bloodshot จักรกลเลือดดุ

จุดเด่น

  1. ซีจีดีงาม ดีไซน์ไฮเทคก็เจ๋งดี
  2. วิน ดีเซล ก็คือวิน ดีเซล ถ้าใครชอบคือกรี๊ดเลย
  3. นางเอกสวยคมเซ็กซี่มาก
  4. พลอตมีของอยู่ ทำภาคต่อได้น่าจะสนุก

จุดสังเกต

  1. ฉากแอ็กชันน่าจะอลังการได้มากกว่านี้
  2. ก็การแสดงแบบวิน ดีเซลอ่ะ ไม่ชอบก็คือหงุดหงิดไปเลย
  3. บทส่งให้หนังเล่นความรุนแรงได้โหดกว่านี้ แต่ก็ยั้งมือไว้เยอะจนขัดใจ
  4. ไอแม็กซ์ไม่ได้ดูส่งเสริมหนังเป็นพิเศษอะไรนะ
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.0

  • คุณภาพนักแสดง

    7.5

  • คุณภาพโปรดักชั่น การผลิต ความแปลกใหม่

    8.5

  • ความสนุก

    8.0

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋ว

    8.0

เรื่องย่อ เรื่องราวของ เรย์ แกร์ริสัน (รับบทโดย วิน ดีเซล) ชายผู้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทำภารกิจเสี่ยงตายตามคำสั่งขององค์กร ความทรงจำของเขาได้หายไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องทำภารกิจช่วยเหลือคนรักของเขา และเขาไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาเพราะภายในเลือดของเขาได้มีหุ่นขนาดเล็กที่เรียกว่า นาไนต์ ที่จะช่วยให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดาและมีพลังในการเยียวยารักษาสูง แทบพูดได้เลยว่าเขานั้นเหมือนจะเป็นเครื่องจักรสังหารอมตะ เป็นแฟรงค์เกนสไตน์ในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งความผิดปกติบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้ว่า เขากำลังถูกองค์กรนี้หลอกใช้ และคอยลบความทรงจำ หลอกลวงเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรอยู่เสมอ

Play video

ซูเปอร์ฮีโรยังเป็นแนวหนังที่ขายดิบขายดีที่ทุกค่ายหนังอยากมีแฟรนไชส์ฮิตของตัวเองที่ขายกินได้ยาว ๆ เช่นเดียวกับหนังมาร์เวล และสำหรับ Bloodshot ก็เป็นฮีโรจากค่ายโซนี่ที่มีองค์ประกอบดี ๆ หลายอย่างในการตั้งต้นเป็นแฟรนไชส์ดังได้ ทั้ง

  1. คุมการผลิตโดยค่ายโซนี่ที่มีประสบการณ์ทำหนังฮีโรอย่าง Spider-Man และสายดาร์กอย่าง Venom มาแล้ว ซึ่งก็ดูจะทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
  2. คือการได้ร่วมงานกับ วิน ดีเซล พระเอกนักบู๊ขายดีที่มีแฟรนไชส์ของตัวเองแข็งแรงมาก ๆ อย่างหนังแข่งรถตระกูล Fast  และเอาใกล้เคียงกับเรื่องนี้ก็ยังมี Riddick
  3. เป็นการนำคอมิกจากค่าย Valiant Comics ที่ จิม ชูตเตอร์ อดีตบรรณาธิการของมาร์เวลเป็นผู้ก่อตั้ง ทั้งยังมียอดขายรวมกว่า 80 ล้านฉบับ และมีจักรวาลฮีโรของตัวเองที่น่าสนใจไม่แพ้ค่ายอื่น ๆ โดย Bloodshot จะเป็นตัวละครแรกจากค่ายนี้ที่จะได้ขึ้นจอเป็นตัวแรก
  4. ได้ทีมเขียนบทอย่าง เจฟ วาดโลว์ จากหนัง Kick-Ass 2 (2013) มาจับมือกับ อีริก ไฮเซอเรอร์ ที่เคยเข้าชิงบทออสการ์ยอดเยี่ยมจากหนัง Arrival (2016) 
  5. นี่เป็นการกำกับหนังยาวครั้งแรกของ เดฟ วิลสัน มือวิชวลเอฟเฟกต์ที่ผ่านงานใหญ่อย่าง Avengers: Age of Ultron (2015) และมีผลงานแอนิเมชันที่น่าสนใจสุด ๆ ในโพรเจกต์ Love, Death & Robots ทางเน็ตฟลิกซ์ในตอน Sonnie’s Edge ซึ่งผลงานน่าสนใจมาก ๆ และน่าจะเหมาะกับฮีโรสายดาร์กเท่ ๆ ด้วย
Sonnie's Edge

Sonnie’s Edge ผลงานสุดเจ๋งก่อนหน้าของ ผกก. เดฟ วิลสัน

เอาจริงว่าด้วยตัวพลอตของตัวคอมิกนั้นก็ให้อารมณ์ ผสมระหว่าง Captain America (ทหารที่ถูกทดลองซูเปอร์โซลเยอร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2) Winter Soldier (ถูกลบความทรงจำและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อให้ปฏิบัติภารกิจให้องค์กร) Wolverine (พลังในการฟื้นฟูร่างกายแบบเหนือโลก) Iron Man (ดีไซน์ศูนย์รวมพลังงานเป็นวงกลมอยู่ที่หน้าอก) แต่ก็ต้องชื่นชมว่าพอเอามาทำหนังก็ให้อารมณืผสมผสานหลากหลายฮีโรแต่ก็เอามาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้เหมือนกัน ทั้งภาพการฟื้นตัวที่โคตรเท่แบบเซลล์ค่อย ๆ ประสานกลับมาเหมือนรีเวิร์ส หรือพวกดีไซน์ของพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไฮเทคไม่แพ้พวก GI Jo ยิ่งรองบอสตอนเสริมพลังแล้วนี่ให้อารมณ์แบบ ด็อกเตอร์ออกโตปุส ใน Spider-Man 2 เลย จะบอกลอกการบ้านชาวบ้านมาทำก็ไม่เชิง น่าจะเรียกว่าการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องแล้วเขียนตำราตัวเองมากกว่า

Bloodshot

ตัวคอมิกก็ดูผสมฮีโรหลายตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จุดขายน่าจะเป็นเรื่องความรุนแรงนั่นล่ะน่าเสียดายที่ฉบับหนังเอามาใช้ไม่สุด

สิ่งที่ดีงามมากเลยคืองาน ซีจี ที่เจ้าพ่อกราฟิกอย่างผู้กำกับ เดฟ วิลสัน ดูแลออกมาได้สมความคาดหวัง สวย เนี้ยบ และกล้าเล่นใหญ่ ตัวนักแสดงไล่ไปอย่าง วิน ดีเซล ก็จะเรียกแสดงดีไหมก็เรียกว่าแสดงเป็นตัวเองตามแบบมาตรฐานมากกว่า ถ้าตัดพลังพิเศษออกพี่แกก็เป็นดอมในหนังรถแข่ง ริดดิกในหนังอวกาศ สายลับในหนัง xXx ดีนะถ้าแกพากย์กรูทให้เป็นวิน ดีเซล ด้วยคงเทพสุดแล้วล่ะ ก็เลยไม่มีอะไรต้องวิจารณืใครชอบสไตล์นิ่งดุ มีซีนอบอุ่นแบบขรึม ๆ ก็น่าจะชอบการแสดงของแก ส่วนตัวร้ายหลักอย่าง กาย เพียส ที่มาเล่นหนังเกี่ยวกับความทรงจำก็ชวนให้นึกถึงหนัง Memento ของโนแลน ที่แกเคยเล่นไว้เหมือนกัน ชอบตรงบางฉากแกทำให้เราหวั่นไหวได้เหมือนกันนะว่าหรือแกไม่ใช่ตัวร้ายหว่า คือดูมีมิติที่ห่วงพระเอกจริง ๆ ซึ่งก็อีกตัวที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ได้คือรองบอสที่ได้ แซม ฮิวจ์แอน  มาเล่น มีฉากหนึ่งที่รู้สึกว่าจริง ๆ เขาเข้าใจพระเอกดีเลยโกรธพระเอกมากที่ยังเป็นทาสขององค์กรอยู่ นักแสดงอีกคนที่อยากพูดถึงคือ ไอซา กอนซาเลส เพราะการมีอยู่ของเธอมันทำให้หนังสดใสดีจริง ๆ ส่วนตัวละครที่อาจต้องปรับหน่อยในอนาคตคือ วิแกนส์ โปรแกรมเมอร์ช่างจ้อจิตเหงาที่บทยังล้น ๆ อยู่มาก

BloodshotBloodshotBloodshot

ข้อเสียที่ชัด ๆ ของหนังก็คงเป็นความซับซ้อนในที่มาที่ไปของตัวเอกที่ต้องอาศัยเวลาปูพื้นสักพัก และจุดหักมุมในระยะแรกเรื่องพระเอกถูกลบและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อหลอกใช้ก็ถูกเรื่องย่อสปอยล์ไปหมดละตั้งแต่ก่อนดูหนัง เลยขาดความว้าวของพลอตช่วงต้นไปหน่อย พอยิ่งหนังมีรูรั่วในบทที่ขัดความรู้สึกว่าพลังระดับซูเปอร์ฮีโรนี่คนทั้งโลกไม่รู้เรื่องเลย เป็นความขัดแย้งในองค์กรหนึ่งเท่านั้นมันเลยขาดความยิ่งใหญ่ไปหน่อย ซึ่งก็สะท้อนมาด้วยฉากแอ็กชันทั้งหลายที่ไปไม่ค่อยสุด มาก็ไม่ได้เยอะอย่างที่หนังแนวนี้ควรอัดใส่ไม่ยั้งมีฉากโชว์ใหญ่ ๆ สักหลายฉากหน่อย แต่นี่นับ ๆ ไปก็มีฉากซัดจริงจังสัก 3 ฉาก และเป็นฉากที่ติดตาจริง ๆ แค่ฉากลิฟต์ร่วงตอนท้ายเท่านั้นเอง ก็ต้องยอมรับล่ะว่าด้วยความเป็นหนังภาคแรกเลยต้องแบ่งที่ให้การเล่าเรื่องเยอะหน่อย ก็เป็นความน่าเสียดาย แต่อีกใจก็เห็นแววเลยว่าถ้ามีภาคต่อได้ จะเป็นหนังระเบิดระเบ้อไม่แพ้หนังรถแข่งของวิน ดีเซล แน่ ๆ เป็นแฟรนไชส์ที่มีอนาคตพอสมควรเลยล่ะ และที่สำคัญหนังน่าจะโหดเอาเรต R ได้เลยแต่ก็เหมือนยั้ง ๆ ไว้พอควร น่าจะลองคิดเล่นกลุ่มผู้ใหญ่ไปเลยอาจดีกว่า

BloodshotBloodshot Bloodshot

สรุป ก็เป็นหนังที่น่าจะเหมาะคนชอบอะไรที่ไฮเทค ไซไฟ ซีจี แบบนั้น แอ็กชันก็มี ตลกก็แซม ๆ พลอตหักมุมก็ได้ การแสดงจัดว่าโอเคกับหนังแนวนี้ ก็เป็นหนังที่ดูได้เรื่องหนึ่งเลยสำหรับสายซูเปอร์ฮีโร และขอเชียร์ให้มีภาคต่อเพราะเห็นแววความวินาศสันตะโรได้สนั่นโลกาแน่ ๆ

Bloodshot

 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส