[รีวิว] Sol Levante : ตะวันที่ขึ้นทางทิศบูรพา
Our score
8.3

Sol Levante

เรื่องย่อ

นักรบสาวและพวกออกตามหาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าจะช่วยดลบันดาลให้ความปรารถนาเป็นจริง แต่ต้องไม่ทำให้ผู้พิทักษ์และดวงวิญญาณแห่งยุคโบราณโกรธกริ้ว

จุดเด่น

  1. เทคโนโลยี 4K และ HDR ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ
  2. เนื้อเรื่องไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด และน่าจะดูซ้ำได้แน่ ๆ

จุดสังเกต

  1. อยากให้ยาวกว่านี้ ถ้ายาวกว่านี้จะว้าวเลย
  2. ไม่ได้มีการปูเรื่องก่อน อาจจะต้องอาศัยดูซ้ำหลายรอบหน่อย

Play video

แม้ว่าผมเองจะไม่ได้เป็นคอแอนิเมชันจ๋าที่ผ่านแอนิเมชันมาทุกเรื่องแบบทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่ Netflix ประเทศไทยได้เชิญผมในฐานะตัวแทนของเพจบันเทิงและไลฟ์สไตล์อย่าง What The Fact ไปชมแอนิเมชันญี่ปุ่นเรื่อง Sol Levante (โซล เลวองเต) หรือในชื่อไทยว่า “ตะวันแห่งบูรพา” และผมก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผ่าน Hangouts กับทีมงานเบื้องหลัง ทั้งจากฝั่งของ Netflix ประเทศญี่ปุ่น และทีมอนิเมเตอร์อย่าง Production I.G สตูดิโออะนิเมะเล็ก ๆ เจ้าของแอนิเมชันที่ผลิตผลงานใหญ่ ๆ ดังเปรี้ยงระดับโลกอย่าง Ghost in the Shell, Attack on Titan, Psycho-Pass และเบื้องหลังงานแอนิเมชันในภาพยนตร์ Kill Bil ก็นับว่าเป็นเรื่องที่พิเศษมาก ๆ (สามารถคลิกเข้าไปอ่านสัมภาษณ์พิเศษและเบื้องหลังต่าง ๆ แบบละเอียดยิบได้ที่นี่เลยครับ)

ที่ผมบอกว่าพิเศษมาก ๆ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าผมได้มีโอกาสได้ถามคำถามไปยังทีมงานเบื้องหลังแอนิเมชันเรื่องนี้แต่เพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ว่าเป็นเพราะตัวแอนิเมชันเรื่องนี้ก็มีความน่าสนใจมาก ๆ เพราะว่า Sol Levante ไม่ใช่เพียงแอนิเมชันธรรมดา ๆ

แม้ว่าในปัจจุบันนี้เรา ๆ คงได้มีโอกาสสัมผัสกับสื่อบันเทิงทั้งรายการ หนัง คลิปต่าง ๆ ด้วยความคมชัดสูงถึงระดับ 4K เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นความคมชัดระดับมาตรฐานที่เริ่มจะเข้ามาแทนที่ความคมชัดแบบ Full HD 1080P ที่เคยเป็นมาตรฐานมาก่อนหน้านี้ ถ้าเอา ณ ตอนนี้หลาย ๆ กองถ่ายก็เริ่มขยับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการถ่ายทำเพื่อรองรับการถ่ายทำและตัดต่อแบบ 4K แล้ว (แอบกระซิบก็ได้ว่า คลิปต่าง ๆ ของ #beartai ตอนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนการถ่ายทำเป็น 4K แล้วนะครับ) คือพูดง่าย ๆ ว่า ตอนนี้เราดูคลิป 4K เนียนกริ๊บกันจนปรุมาสักพักแล้ว แต่คุณผู้ชมเป็นเหมือนกันไหมครับ ว่าเราไม่เคยเอะใจเลยว่ามีภาพเคลื่อนไหวอะไรในโลกใบนี้ที่ยังไปไม่ถึงความคมชัดระดับ 4K บ้าง

แอนิเมชันไงครับ!

อธิบายอย่างย่อก็คือ ก่อนหน้านี้ในโลกของแอนิเมชัน ไม่เคยมีแอนิเมชันเรื่องไหนที่ไปถึงความคมชัดระดับ 4K มาก่อนเลย!

จริง ๆ แล้วความก้าวหน้าในโลกของแอนิเมชันนั้น ก็เริ่มขยับขยายสู่เทคโนโลยี High Dinamic Range หรือ HDR บ้างแล้วนะครับ HDR อธิบายง่าย ๆ ก็คือเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มขอบเขตของสีสันให้มากขึ้น และสร้างความเปรียบต่างของภาพด้วยการเพิ่มแสงในจุดที่สว่างและมืดในภาพเฟรมเดียวกัน ซึ่งภาพที่ได้ก็จะมีสีสันที่สดสวยกว่าปกติ และมีความลึกของภาพที่มีมิติซับซ้อนยิ่งขึ้น ส่วนที่สว่างก็จะสว่างสวยคมชัด ส่วนจุดมืดหรือสีดำก็จะเป็นสีดำจริง ๆ ไม่ใช่สีดำเทา ๆ ตุุ่น ๆ เหมือนที่เราเห็นในทีวีแต่ก่อน โดยแอนิเมชันเองเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีนี้บ้างแล้วในการรีเมกแอนิเมชันเก่า ๆ เพียงแต่ว่าความน่าสนใจของ Sol Levante นี้ก็คือ จะเป็นแอนิเมชันที่ใช้เทคโนโลยีความคมชัดระดับ 4K และให้ความละเอียดในระดับ HDR และวาดมือเป็นดิจิตอล 100% เรื่องแรกของโลก! (ซึ่งเรื่องเทคนิคผมคงไม่ลงลึกมากนะครับ ขอให้ไปอ่านในบทสัมภาษณ์พิเศษกันเอาเอง เพราะบทความนี้คือการรีวิว!)

เข้าเรื่องรีวิวเลยแล้วกันครับ เนื่องจากว่าทาง Production I.G นั้นได้ร่วมมือกับ Netflix ในการที่จะทำ Sol Levante .ให้เป็นแอนิเมชัน 4K HDR เรื่องแรกในโลก แถมยังเป็นแอนิเมชันวาดมือล้วน ๆ อีกต่างหาก ซึ่งกว่าที่เราจะได้ดูกันก็ปาเข้าไปกว่า 2 ปี ในที่สุดเราก็ได้ชมแอนิเมชันขนาดสั้นมาก ๆๆๆๆๆ สั้นเพียง 4 นาทีครึ่งเอง! คือสั้นไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ (MV เพลงไทยเดี๋ยวนี้ยังยาวกว่าเลย 555) ซึ่งจากที่ผมฟังการสัมภาษณ์ ก็พอจะเข้าใจนะครับว่าด้วยความที่ทีมอนิเมเตอร์ที่ทำงานนี้ก็ค่อนข้างน้อย และทรัพยากรก็มีจำกัด แถมยังต้องมาเรียนรู้การวาดแอนิเมชันบน iPad ด้วย Apple Pencil อีก แถมยังต้องมาปรับเปลี่ยนกระบวนการทำใหม่อีกต่างหาก ก็เลยต้องมีการตัดทอนบางอย่างที่เกินกำลังออกไปบ้าง และทำเท่าที่ทำได้ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็เลยออกมาเป็นแอนิเมชันขนาดสั้นกระจิ๋วหลิวเรื่องนี้แหละครับ

ซึ่งพอมันเป็นแอนิเมชันสั้นมาก ๆ ขนาดนี้ ถ้าว่ากันด้วยเนื้อเรื่อง คอนเซ็ปต์ของ Sol Levante คือเรื่องของการ “Reborn” หรือว่า “การกำเนิดใหม่” นั่นเอง เพราะคำว่า Sol Levante เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า “พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก” ซึ่งก็หมายถึงประเทศญีปุ่นนั่นเอง และอีกนัยหนึ่งที่คุณไซโตได้บอกไว้ตอนสัมภาษณ์ก็คือ การที่พระอาทิตย์ขึ้นก็เหมือนการเกิดใหม่ของเทคโนโลยีที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็จะโยงเข้ากับเรื่องย่อของตัวแอนิเมชันที่เล่าถึงเรื่องของการกำเนิดใหม่

เรื่องราวของแอนิเมชันเรื่องนี้ก็คือ “เรื่องของนักรบหญิงนิรนามคนหนึ่งที่ออกเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เพื่อดลบันดาลในสิ่งที่เธอปรารถนา แต่แล้วเธอก็ต้องเผชิญกับวิญญาณเก่าแก่ที่สิงสถิต ณ สถานที่นั้นไล่ล่า
และแม้เธอจะเพลี่ยงพล้ำลงแค่ไหน แต่ในที่สุดเธอก็ได้ “เกิดใหม่” ขึ้นอีกครั้ง” จบแล้วครับ 5555

จบจริง ๆ แค่นี้เลยครับ จะบอกว่าสปอยล์ก็คงจะใช่ แต่ถ้าจะบอกว่ามันสั้นจนไม่รู้จะหลบสปอยล์ยังไงก็ใช่อีกแหละ 555 ตัวแอนิเมชันเองวางตัวเองไว้เป็น “แอนิเมชันทดลองขนาดสั้น” ก็คือเป็นการทดลองใช้และสร้างแอนิเมชันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล 100% ตั้งแต่การวาดมือบนแท็บเล็ต เพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดเหมาะสมสำหรับการทำแอนิเมชัน 4K เป็นการทดลองในเบื้องต้น

รวมถึงเนื้อหาเองก็เป็นเชิงของการทดลองเหมือนกัน เพราะด้วยความที่มันสั้นไม่ถึง 5 นาที (และน่าจะเป็นเพราะทีมงานตัดส่วนที่ยังทำไม่ได้และใช้เวลามากเกินไปออก) ผลก็คือ ตัวเรื่องดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วมาก ๆ แบบไม่ปูเรื่องราวและให้ข้อมูลใด ๆ ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องไปเองตั้งแต่ต้นจนจบ คือถ้าเป็นสายแข็งหน่อยคงดูแล้วเข้าใจล่ะครับ แต่ผมก็คิดไปว่า การที่เล่าเรื่องแบบเร็วจี๋ขนาดนี้ มันก็ย่อมไม่ใช่แอนิเมชันที่แมสและเป็นเรื่องที่คนทั่วไปจะดูแล้วเข้าใจง่าย ๆแน่นอน แม้ว่าผมเองจะไม่ได้ติดใจในเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องเท่าไหร่ ดูแล้วพอเข้าใจ และดูซ้ำได้แน่ ๆ แต่ก็แอบเสียดายนิดหน่อยว่า ถ้าปูเรื่องราวให้คมกว่านี้สักหน่อย หรือขยายเรื่องราวซีนต่าง ๆ ให้ยาวออกไปสักนิด ซัก 10 นาทีอะไรแบบนี้ ผมว่าจะเป็นอะไรที่น่าจะตื่นตาตื่นใจได้มากกว่านี้แน่นอน คือน่าจะทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามมากขึ้น และในแง่เทคนิค ถ้ายาวกว่านี้ได้ ผมคิดว่าสตูดิโอก็คงจะได้โชว์ศักยภาพของเทคโนโลยี 4K HDR ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยและ “สุด” ไปกว่านี้ได้อีกเยอะเลยล่ะครับ

ส่วนเรื่องของความคมชัดระดับ 4K HDR ที่ผมอุตส่าห์โม้มาตั้งนาน ถ้าจะให้ผมรีวิวเรื่องของเทคนิค ผมคงพูดได้สั้น ๆ จากการที่ได้ลองชมผ่านทีวีที่รองรับ 4K HDR (และที่สำคัญคือ ต้องมีบัญชี Netflix แบบ Premium ด้วย ถึงจะดูแบบ 4K ได้ ) เท่าที่ผมได้ทดลองชมอย่างเต็มรูปแบบ ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมาก ๆ ครับ เพราะว่าด้วยความเป็น 4K ของแอนิเมชันที่คมชัดสุด ๆ จนแทบไม่มี Motion Blur ให้เห็น เป็นแอนิเมชันที่ “แตกต่าง” จากแอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เรื่อง Frame rate ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ว่าเป็นแอนิเมชันที่เฟรมเรตสูงกว่าเรื่องอื่น ๆ แน่นอน

ส่วนเรื่องความสวยงามของแอนิเมชันคงไม่ต้องพูดถึงนะครับ สวยงามและมีเทคนิคตื่นตาตื่นใจมาก อาจารย์ไซโต ผู้กำกับที่วาดเองกับมือนั้นสามารถวาดออกมาได้สวยงามยอดเยี่ยมสมศักดิ์ศรีสตูดิโอระดับโลก ตัวละครดูสวยงาม เป็นธรรมชาติสุด ๆ (ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือ ตัวละครนักรบหญิงที่อาจารย์ไซโตวาดนั้น “สวย” มาก ๆ เลยครับ แหะ ๆๆ ) การเคลื่อนไหวของภาพแต่ละเฟรมก็ดูเนียนตามาก ๆ อย่างเช่นเส้นผมของตัวละครที่พลิ้วไหวได้ดูลงตัวมาก ๆ แม้แต่ Background ที่อาจารย์เป็นคนลงมือวาดเองก็ยังมีรายละเอียดคมชัดสุด ๆ ไปเลย

ที่ผมรู้สึกทึ่งอีกอย่างก็คือเรื่องของเทคโนโลยี HDR ที่ให้สีสันที่คมชัด มีมิติ ต่างจากแอนิเมชันทั่ว ๆ ไปอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ คือมีสีสันที่คมชัด มีมิติภาพที่ลึกมาก ส่วนที่เป็นแสงหรือสีขาว ๆ ก็สว่างสวย ส่วนบริเวณจุดมืดหรือสีดำก็ดำสนิทจริง ๆ

และจะไม่พูดเรื่องเสียงก็ไม่ได้ เพราะเรื่องเสียงเขาก็พิถีพิถันมาก ๆ ไม่ใช่ไก่กานะครับ เพราะว่าเป็นเสียงที่ได้รับการบันทึกภายใต้มาตรฐาน Dolby Atmos เชียว ด้วยการบันทึกและอัดเสียงด้วยไมโตรโฟน 3 มิติ ผลที่ได้ก็คือมิติเสียงที่แยกกันแบบชัดเจน และคมชัดมาก ๆ มีความพุ่งของเสียงแบบชัดเจนตามสไตล์ Dolby Atmos เลยแหละ

แน่นอนแหละว่า Production I.G คงต้องการให้ Sol Levante เรื่องนี้เป็นตัวชิมลางแอนิเมชันมาตรฐาน 4K HDR เป็นกึ่ง ๆ งานทดลองขนาดสั้นที่ต้องการจะสร้างมิติใหม่ให้กับวงการแอนิเมชันได้เห็นว่ามันเป็นไปได้จริง มันก็เลยอาจจะสั้นและดูรวบรัดไปนิด จนถ้าคนที่ไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์โดยรวมของแอนิเมชันเรื่องนี้ก็อาจจะดูแล้วงงและไม่เข้าใจไปเลยก็ได้

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ จริงจังในงานด้านภาพและเสียงมาก ๆ จนอยากลองหาทีวีที่รองรับทั้ง 4K และ HDR รวมถึงหา Soundbar ดี ๆ ที่รองรับ Dolby Atmos (และอยากอัปเกรดบัญชี Netflix เป็นแบบพรีเมียม) นี่คืออรรถรสและการดื่มด่ำ “แอนิเมชันที่ (น่าจะ) มีความคมชัดสูงที่สุดในโลก ณ เวลานี้” และผจญภัยไปกับเรื่องราวสุดมหัศจรรย์แห่งการ “กำเนิดใหม่” ในแบบที่สามารถดูจบได้ในชั่วอึดใจ ผมเชื่อว่าแอนิเมชันเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่คุณผู้อ่านน่าจะดีใจที่ได้ดู เหมือนกับผมที่ก็ดีใจเช่นกันที่ได้ดู

และดีใจที่ได้เห็นแสงแรกของการ “กำเนิดใหม่” ของวงการแอนิเมชัน

ที่เปรียบดังพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศบูรพา


คลิกที่นี่! อ่านสัมภาษณ์พิเศษ ทีมงานเบื้องหลังแอนิเมชัน 4K HDR
เรื่องแรกของโลก “Sol Levante”  จากประเทศญี่ปุ่นแบบ Exclusive!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส