[รีวิว] It’s Okay to Not Be Okay : เหมือนกินดาร์กช็อกโกแลต ที่สอดไส้สตรอว์เบอร์รี่ “อร่อยจัง”
Our score
10.0

จุดเด่น

  1. ให้คะแนนด้วยความประทับใจแรกจาก 3ep ที่ได้ดู โดนตกตั้งแต่ฉากแรกเป็นต้นมาเลย
  2. มีศิลปะการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ แปลกไปจากซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่น ๆ
  3. บรรยากาศของเรื่องมีกลิ่น ทิม เบอร์ตัน หอมฟุ้ง แต่กลมกลืนกับความเป็นเกาหลีจนไม่รู้สึกขัดตา
  4. ถึงพระ-นางจะเป็นจุดขายที่โดดเด่น แต่เฉลี่ยบทได้ลงตัว นักแสดงแต่ละคนมีซีนให้น่าติดตาม
  5. ซีรีส์เสิร์ฟความเป็นแฟนตาซี-ดาร์ก-โรแมนติก-คอมมาดี้ เรียงลงมาตามลำดับ

จุดสังเกต

  1. ไม่รู้จะหักคะแนนข้อไหน ใน 3ep ที่เห็นยังไม่มีจุดด้อยให้น่าติ
  • ความสมบูรณ์ของบท

    10.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    10.0

  • คุณภาพนักแสดง

    10.0

  • คุณภาพการเล่าเรื่อง

    10.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    10.0

กลิ่นทิม เบอร์ตันลอยมาตั้งแต่ฉากแรกกันเลยละจ้ะสำหรับ It’s Okay to Not Be Okay : เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ของ tvN ที่มาลง Netflix เล่าเรื่องราวความรักแบบไม่ปกติธรรมดาของ มุนคังแท (คิมซูฮยอน) เจ้าหน้าที่สุขภาพชุมชนที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวชและพี่ชาย มุนซังแท (โอจองเซ) ที่เป็นออทิสติกและเป็นแฟนคลับตัวยงของนางเอก ใช้ชีวิตเแบบผีตองเหลือง คือย้ายที่อยู่ เปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อย ๆ และ โกมุนยอง (ซอเยจี) นักเขียนนิทานเด็กสายดาร์ก ชื่อเสียงโด่งดัง มีภาวะต่อต้านสังคมและเป็นโรคชอบหยิบฉวย (Kleptomania)

บรรยากาศที่แสนคุ้นเคย

ตัวซีรีส์เคลมว่าเป็นโรแมนติกแฟนตาซี แต่ขอโทษเถอะค่ะความโรแมนติกแฟนตาซี มันถูกผสมกลมกลืนไปกับความดาร์ก ที่เสียดสีในเชิงตลกร้ายและสะกิดต่อมคอมเมดี้กันเบา ๆ

เรื่องของเด็กหญิงและเด็กชาย

เป็นปกติธรมดาของซีรีส์แต่ละเรื่องที่จำเป็นต้องปูพื้นตัวละครให้คนดูเข้าใจที่มาที่ไปซะก่อน เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่การปูพื้นกลับแตกต่างออกไปจากซีรีส์ที่ใช้คำว่าโรแมนติกนำหน้า ด้วยการนำ stop motion มาใช้ในการเล่าเรื่อง ที่ดึงดูดความสนใจและเผยความดาร์กออกมาได้อย่างสวยงาม ที่ถึงจะไม่ได้บอกออกมาตรง ๆ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่า สองคนนี้เคยมีอดีตที่เกี่ยวข้องกันมาก่อน

เด็กสาวที่โกรธทุกคนบนโลกใบนี้เพราะมองว่าเธอคือตัวประหลาด โดดเดี่ยวและไร้เพื่อน วันหนึ่งเด็กหญิงช่วยชีวิตเด็กชายโดยไม่ตั้งใจ เด็กชายหน้าตาอ่อนโยนก็เดินตามเด็กหญิงต้อย ๆ จนวันหนึ่งก็พบว่า เธอมันช่างน่ากลัวจริง ๆ

ถ้าเป็นแบบนี้ เธอยังจะชอบฉันอยู่อีกไหม

เด็กหญิงถามเด็กชายว่า “เธอจะอยู่ข้างฉันไปตลอดใช่ไหม”….”แน่นอน” เด็กชายตอบ เด็กหญิงก็จับผีเสื้อมาฉีกเล่นต่อหน้าต่อตาจ้ะ หนุ่มน้อยแต๋วแตกวิ่งหายลับไปในทุ่งดอกไม้หลากสี แล้วภาพก็ตัดมาที่นางเอกตัวจริงยืนนิ่งอยู่บนปราสาท อารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง เฟรมภาพ แสงสีครอบคลุมไปถึงเครื่องแต่งกายสไตล์โกธิคที่ โกมุนยอง สวมใส่ บ่งบอกความเป็นตัวตนของนางเอกอย่างชัดเจน

การเล่าเรื่องในแบบผสมผสานหลากอารมณ์

จากจุดเริ่มต้นภาพก็ตัดมาเล่าในมุมของ มุนคังแท ที่มีชีวิตต่างกันสุดขั้ว วัน ๆ ต้องดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติก ต้องเปลี่ยนงาน ต้องย้ายบ้าน ซีรีส์แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนของ มุนคังแท ภายใต้แววตาที่อมทุกข์ จากภาระที่แบกไว้กับอดีตที่ต้องการลืมและหนีหายไปจากมัน ชูความต่างของพระเอกนางเอกที่ชีวิตต้องมาบรรจบพบเจอกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

หนังสือนิทานของ โกมุนยอง

ผสมกับงานกราฟิติลายเส้นสายดาร์กจากภาพประกอบหนังสือของ  โกมุนยอง แล้วตบท้ายด้วยการเล่าว่า มีเด็กคนหนึ่งถูกลบฝันร้ายออกไปจากความทรงจำด้วยน้ำมือของแม่มด  แต่เขากลับไม่มีความสุข เพราะการลบความทรงจำไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เราควรจะจดจำบาดแผลในอดีตเอาไว้ ต่อสู้และเผชิญหน้ากับมันเพื่อเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง ถึงจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง การเล่าเรื่องลักษณะนี้สารภาพเลยว่า ชอบมาก ๆ เป็นการส่วนตัว ถือเป็นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาผ่านการเล่าเรื่องจากภาพ และไม่ยากเลยในการทำความเข้าใจ ซึ่งซีรีส์ก็ทำออกมาได้ดีจนดูแล้วยิ้ม ซึ่งทำให้เห็นชัดเลยว่าผู้เขียนบทและทีมสร้างทำการบ้านมาดีขนาดไหน

อารมณ์ของเรื่องคล้าย ๆ กับคนเป็นไบโพลาร์อยู่เหมือนกันนะคะ เป็นซีรีส์ที่เปลี่ยนอารมณ์ฉับไวเหมือนใจมนุษย์ สุขอยู่ดี ๆ ขำกันอยู่หลัด ๆ ก็เข้าโหมดเศร้าแล้วโผล่ไปโหมดจิตได้หน้าตาเฉย เปลี่ยนกันปุบปับแต่ก็กลับทำออกมาได้สมูทเอาซะอย่างนั้นและที่สำคัญ ซาวด์ประกอบสามารถชี้นำอารมณ์ในจุดนั้นให้คล้อยตามและล้อไปกับเนื้อเรื่องได้แบบเนียน ๆ

งานภาพเล่นกับความคอนทราสต์แปลกตา

มั่นใจเลยว่าทีมสร้างซีรีส์เรื่องนี้ต้องเป็นสาวก ทิม เบอร์ตัน อย่างแน่นอน ก็ถ้าจะกลิ่นชัดซะขนาดนี้จะมีไอดอลเป็นใครไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพบรรยากาศ โลเคชันที่เป็นบ้านของนางเอก ชุดที่สวมใส่หรือบุคลิกท่าทางที่แสดงออก

ภาพแทนอารมณ์ที่จะเห็นในเรื่องแตกต่างกันไป

ซีรีส์แทนภาพที่ไม่น่าดูชวนขยะแขยงด้วยภาพอื่น ๆ เป็นสื่อสัญลักษณ์ให้เราเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า และสร้างอารมณ์ใหม่สอดเข้ามาคืออารมณ์ขันที่ทำให้เราเผลอหัวเราะในหลาย ๆ ฉาก ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งสายเลือดละครเกาหลี ที่ถึงแม้จะชูความดาร์ก ชูโรแมนติกหรือดราม่า แต่อารมณ์ขันก็ต้องมาเสิร์ฟอยู่ตลอดไม่มีขาด

ซีนซ้ำ ๆ ที่ถูกเสิร์ฟมาบ่อยมาก

มีการเล่นกับความต่างด้วยการใส่กรอบฟุ้งสีชมพูเวลาแฟลชแบ็กทั้ง ๆ ที่เรื่องที่นึกถึงมันไม่ได้ชมพูไปด้วยเลย มีการใช้ stop motion มาผสมผสานในบางช่วง หรือแม้กระทั่งสื่ออารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ภายในใจ โดยให้นางเอกมีร่างใหญ่ยักษ์แบบปีศาจแปลงร่างในคาเมนไรเดอร์ มีการวางเฟรมและมุมกล้องซ้ำ ๆ อย่างตั้งใจเหมือนต้องการจะสื่อว่า “อย่าหลีกหนีการเผชิญหน้า เพราะไม่ว่าเราต้องการจะหนีสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางที่จะหนีมันได้พ้น”

เคมีพระนางและฝีมือร้ายกาจของนักแสดงสมทบ

นางเอกเรื่องนี้นางเป็นคนขี้ตื๊อค่ะ แต่ก็แอบป่วยจากภาวะต่อต้านสังคม เป็นลูกอีช่างหยิบที่เห็นอะไรที่คิดว่างามเป็นไม่ได้ต้องหยิบติดไม้ติดมือกลับบ้าน โดยเฉพาะของมีคม จนมาพบพระเอกและเอ่ยปากพูดออกมาหน้าตาเฉยว่า “งดงาม ช่างเป็นอะไรที่งดงามจริง ๆ …อยากได้” เป็นคนตรงและคนจริงแห่งปี 2020 เป็นชะนีสายรุกที่โมโหร้าย แอบจิตและเอาแต่ใจอย่างคนหัวแข็ง แต่ก็เข้าใจโลกได้ในแบบของเธอเอง ถึงแม้ความคิดจะดูบิด ๆ เพี้ยน ๆ ก็เถอะ แต่ก็ทำให้พระเอกเผลอคล้อยตามในที่สุด เรื่องนี้ ซอเยจี สวยมาก สีหน้าที่แสดงออกในแต่ละซีนตีบทแตก จิตจริง สวยจริงไม่มีสแตนด์อิน

คิมซูฮยอน-ซอเยจี

คิมซูฮยอน ในบท มุนซังแท กับบทที่ต้องแบกรับภาระในการดูแลพี่ชาย ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่อมทุกข์ที่ต้องฝืนยิ้มเพื่อความสุขของคนที่ตัวเองรัก จนเพื่อนเอ่ยปากออกมาว่า “รอยยิ้มของนายมันเหมือนโจ๊กเกอร์เลยว่ะ” คิมซูฮยอน ทำได้ดีในบทนี้เลยนะ แถมไอ้คำว่า งดงาม ที่นางเอกพูดออกมาก็ไม่เกินจริง ซีนเข้าพระเข้านางถึงจะดูไม่ปกติธรรมดาอย่างซีนพระนางทั่วไป แต่ก็ทำให้เราเผลอจิ้นและมีความสุขได้เมื่อสองคนนี้ได้อยู่ด้วยกัน มีซึ้งทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะซึ้ง สองคนสามารถสร้างความรู้สึกร่วมให้คนดูรู้สึกได้ว่า

ต่างคนก็ต่างเกิดมาเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกัน คนหนึ่งเป็นผู้ปลดปล่อย ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ปลอบประโลม การกระจายบทของเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะชูพระนางเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวละครอื่น ๆ ก็มีบทบาทรับ-ส่งและเป็นสีสันในการดำเนินเรื่อง เรียกได้ว่ามีซีนให้ติดตาม มีปมให้เฉลยเป็นตลกร้ายที่มีอยู่จริงในสังคม

มุนคังแท (คิมซูฮยอน) – มุนซังแท (โอจองเซ)

แต่ตัวละครสำคัญอีกตัวที่น่าจะมีส่วนในการคลี่คลายปมที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ก็คือ มุนซังแท (โอจองเซ) พี่ชายออทิสติกที่มีปัญหากับผีเสื้อสีน้ำเงินและชอบไดโนเสาร์ เป็นตัวละครที่มีความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ ต้องตามดูกันไปค่ะ เนื้อเรื่องชงเข้ม ๆ มาตั้งแต่ ep แรกกันเลย เปิดมาก็โชว์ปมกุมความลับ เป็นซีรีส์ที่แฝงจิตวิทยาไว้แบบโดดเด่น น่าติดตาม สนุกสนาน ตอนนี้ก็ผ่านมา 3ep แล้วด้วยค่ะ คืนนี้จะเป็น ep4 ยังไม่มีปมไหนคลายออกมาจริง ๆ สักปมเลยแหละ เดาทางไม่ได้เลยว่าจะพาเราเดินไปทางไหน

It’s Okay to Not Be Okay : เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน

  • แนว : โรแมนติก | แฟนตาซี
  • ผู้กำกับ : พัคชินอู
  • คนเขียนบท : โจยอง
  • จำนวนตอน : 16
  • อัปเดตตอนใหม่ทุกวัน : เสาร์-อาทิตย์ 21.00 น. (ตามเวลาเกาหลี)
  • ช่องทางรับชม : NETFLIX

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส