[รีวิว] คืนยุติ-ธรรม: เมื่อมวลรวมความอยุติธรรมในสังคมไทย ถูกตกตะกอนเป็นหนังคนคลั่ง

Release Date

12/08/2020

ผู้กำกับ

กัณฑ์ปวิตร ภูวดลวิศิษฏ์

แนว

ดราม่า ธริลเลอร์ อาชญากรรม

[รีวิว] คืนยุติ-ธรรม: เมื่อมวลรวมความอยุติธรรมในสังคมไทย ถูกตกตะกอนเป็นหนังคนคลั่ง
Our score
7.2

คืนยุติ-ธรรม

จุดเด่น

  1. บทที่ไม่ดูถูกคนดู เห็นความพยายามใส่ใจคิดนู่นเติมนี่ให้หนังลึกขึ้นยากขึ้น และการแสดงที่สร้างตัวละครให้มีชีวิตได้น่าสนใจ ๆ มาก ๆ ไม่ค่อยเห็นการสร้างตัวละครและการแสดงที่ดูมีรายละเอียดลึกอย่างนี้บ่อยนักในหนังไทย

จุดสังเกต

  1. โพรดักชันที่มาตรฐานบางฉากได้แค่หนังโทรทัศน์ ซีจีที่หลอกตา และวิธีการเล่าหลายชั้นซับซ้อนเล่นท่ายากเกินจำเป็นก็น่าจะไม่ลื่นตานักดูหนังนัก
  • บท

    8.0

  • โพรดักชัน

    5.5

  • การแสดง

    8.5

  • ความสนุก

    7.0

  • ความคุ้มค่า

    7.0

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

เรื่องย่อ “มานพ” (ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล) ชายหนุ่มผู้มีอนาคตอันสดใสทั้งเรื่องการงานและความรัก และกำลังจะแต่งงานกับ “ดวงใจ” แต่อนาคตของเขากลับต้องพังทลาย เมื่อ ดวงใจ โดนเจ้านายที่ชื่อ “สิทธิชน” (กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ) ข่มขืน ทำให้มานพโกรธแค้นจึงไปทำร้ายสิทธิชนที่บริษัท นำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อสิทธิชนพลั้งมือยิงดวงใจตาย ส่วนมานพได้รับบาดเจ็บสาหัส และตื่นขึ้นมาพร้อมตกเป็นผู้เป็นต้องหาในคดีฆ่าภรรยาตัวเองจนเขาต้องติดคุก

กิ๊ก ที่ช่วยทำให้ฝั่งตัวร้ายดูน่าหมั่นไส้และน่าสนใจไปพร้อมกัน แม้ไม่มีแอร์ไทม์ในหนังมากนักก็ตาม

หลังจากออกจากคุกเขาได้พบกับ “กานดา” (ปูเป้ รามาวดี นาคฉัตรีย์) จิตแพทย์สาวที่อาสาเข้ามาเยียวยาอาการป่วยทางจิตใจของเขา แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปเธอกลับค้นพบ มานพ อีกคนที่เธอไม่รู้จัก ที่ลุกขึ้นมาตั้งตนเป็นศาลเตี้ยทวงความยุติธรรมแก่สังคมด้วยความรุนแรงในทุกค่ำคืน ยิ่งค่ำคืนล่วงเลยความรุนแรงก็ทวีความโหดเหี้ยมจนกลายเป็นการนองเลือด และนำไปสู่ความจริงปริศนาที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

หลังจากหนัง นมัสเตอินเดีย ส่งเกรียนไปเรียนพุทธ เมื่อปี 2555 ในฐานะผู้สร้างหนังอินดี้ ผกก. กัณฑ์ปวิตร ภูวดลวิศิษฏ์ ก็ไม่ได้มีผลงานลงโรงหนังยาวมาอีก 8 ปี ก่อนจะกลับมาแบบพลิกแนวจากสายสว่างมาแนวนัวร์๋ดำเมี่ยมในหนังทวงหาความยุติธรรมแบบแอนตี้ฮีโรไทย ใน คืน-ยุติธรรม

สิ่งที่ต้องบอกหลังจากดูจบคือ หนังมีกลิ่นความเป็น พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ซึ่งมาเป็นโพรดิวเซอร์ของหนังอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะความเข้มข้นของดราม่าและธริลเลอร์ ยิ่งเรื่องการใช้โรคทางจิตมาเป็นปมขยายเรื่องให้มีหักไปหักมาอย่างมีนัยสำคัญก็ด้วย แต่กระนั้นภาพรวมของโพรดักชันก็ยังรู้สึกว่าหนังมีคุณภาพที่แกว่งไปมาระหว่างหนังมาตรฐานฉายโรงและหนังโทรทัศน์ซึ่งอาจเป็นข้อด้อยของหนัง ที่บางส่วนพึ่งซีจีแล้วสร้างความสมจริงได้ไม่เนียนตานัก ฉากบางฉากดูเป็นเซ็ตประดิษฐ์ชัดเจน ในขณะที่บางฉากก็ทำได้ดีละเกือบดีมาก ๆ เพลงมีความเกินเบอร์ในฉากบางฉากอยู่เยอะ ราวกับจะช่วยสุดกำลังให้ซีนต่าง ๆ น่าสนใจอยู่ตลอดเรื่องเหมือนกลัวคนดูเบื่อ

และที่น่าจะปรับปรุงมากสุดก็น่าจะเป็นการตัดต่อช่วงแรกของหนังที่เห็นค่อนช้างชัดว่าเอามากลบเกลื่อนและโกงการเล่าเรื่องหลายชั้นให้คนดูเข้าใจได้ง่ายขึ้นแต่ต้น ทั้งการใช้ข้อความเล่าว่านี่เป็นการย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ฆ่าหลายศพในคืนเดียวที่ถูกเรียกขานว่า คืนยุติ-ธรรม แล้วยังต้องเล่าชั้นต่าง ๆ ที่ตัดสลับไปพร้อมกัน ทั้งตัวเหตุการณ์คืนยุติ-ธรรม/ เหตุการณ์ที่ทำให้มานพติดคุก/ เรื่องราวก่อนหน้าที่หมอกานดามารักษามานพ/ เรื่องราวของหมอกานดาที่ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนหลังคดีคืนยุติ-ธรรม

การสร้างเรื่องราวให้ทีมจิตแพทย์อย่างกานดาต้องติดตามพฤติกรรมในยามค่ำคืนของมานพ เป็นกลการเล่าเรื่องที่ใหม่ดี

คือหนังมีหลายชั้นและพยายามหลอกล่อคนดูให้ประหลาดใจกับข้อมูลที่ซ่อนไว้ จนทำให้การเล่าเรื่องที่ควรเคลียร์ ๆ อย่างน้อยแยกช่วงเวลาต่าง ๆ ให้ขาดกันด้วยภาพหรือเทคนิคทางภาพยนตร์ กลายเป็นเล่นท่ายากเกินจำเป็นและคนดูต้องปะติดปะต่อช่วยผู้สร้างหนังค่อนข้างพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็หนัก ๆ เพียงช่วงแรกที่เรายังมึนกับวิธีเล่าของมัน พอจับทางเรื่องได้ตรงจุดนี้ก็จะไม่เป็นปัญหามากนัก

มาถึงสิ่งที่ต้องชื่นชมบ้าง ประการแรกคงเป็นความหาญกล้าในการนำเสนอเรื่องราวแนวดราม่าธริลเลอร์ โดยจับประเด็นเรื่องความอยุติธรรมต่าง ๆ ที่คุ้นหูคุ้นตาในข่าวต่าง ๆ มาประดิษฐ์ประสมใหม่ให้เข้มข้นน่าสนใจ ชวรรู้ชวนดูได้ สร้างพื้นที่ใหม่ ๆ ให้วงการหนังไทยได้แก้เลี่ยนบ้าง และต่อเนื่องมาให้ชื่นชมคือการเขียนบทที่ใส่ใจพยายามให้มีลูกเล่นมากกว่าตีหัวเข้าบ้าน ตรงนี้ขอชื่นชมในความพยายามใส่ใจในการเขียนบท ซึ่งหนังไทยยุคใหม่ ๆ เริ่มให้ความสนใจตรงนี้กันมากขึ้น หมดแล้วยุคที่เอาหน้าหนัง เอาดารานำแล้วบทหนังจะเป็นอย่างไรก็ได้ ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดูถูกคนดู น่าจะตรงสุด (แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าบทมันดีเลิศนะ)

ส่วนที่ขอชมสุดลิ่มหัวใจต้องยกให้การสร้างตัวละครที่ดี และเหล่านักแสดงนำที่ตอบสนองกับการเป็นตัวละครได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ก๊อตในบทบาทของมานพจัดว่าทำการบ้านเรื่องคนที่มีอาการทางจิตดีมาก ๆ ชอบสุด ๆ ในตอนที่เป็นมานพ ถึงจะดรอปเรื่องเทคนิคการแสดงลงมาบ้างเมื่อกลายเป็นอีกตัวละคร แต่โดยรวมน่าประทับใจมาก ๆ นอกจากนี้ดาราสมบทอื่น ๆ ทั้งหน้าใหม่ทั้งรุ่นเก๋าต่างก็นำเสนอตัวละครผ่านการแสดงได้น่าสนใจ และไม่ค่อยเห็นในหนังไทยมากนักด้วย มีความอินเตอร์มาก ๆ ในการสร้างบุคลิกตัวละครให้มีชีวิตจิตใจขึ้นมา

ต้องบอกว่า การแสดงคือปัจจัยเด่นเด้งสุดในหนังเรื่องนี้จริง ๆ และประเด็นนี้ประเด็นเดียวก็พอช่วยเราลืม ๆ ภาพซีจีปลอม ๆ หรือรูโหว่ในบทต่าง ๆ เช่น น่าสงสัยเสียเหลือเกินว่าพระเอกไปฝึกกับจอห์น วิก มาตอนไหนกันนะถึงเก่งเวอร์ขนาดนั้น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส