อยู่ระหว่างกลับไปถ่ายทำอยู่ในตอนนี้ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี สำหรับ The Matrix 4 ที่จะมีคิวฉายพฤษภาคม ปี 2022 ถ้าย้อนไปในไตรภาคก่อน นอกจากแกนหลักของเรื่องที่เป็นการต่อสู้กันของเครื่องจักรและมนุษย์ที่ถูกควบคุมโดยเครื่องจักรอีกที หนังก็นำเสนอเรื่องราวความรักของผู้ปลดปล่อยอย่าง Neo (Keanu Reeves) และคนรักที่เหมือนกับเป็นทหารเอกของกองทัพปลดแอกอย่าง Trinity (Carrie Anne-Moss) โดยในฉากไคลแมกซ์ของทุกภาค ปัญหาชวนลุ้นก็จะคลี่คลายไปได้ (แบบไม่ค่อยมีเหตุผลนัก) ด้วยความความรักของตัวละครคู่นี้

The Matrix (1999)
ผู้กำกับ Lana Wachowski และนักแสดง Keanu Reeves และ Carrie-Anne Moss

ในภาค 4 ทั้งคู่กลับมาแสดงเป็นตัวละครเดิมอีกครั้ง ล่าสุด Keanu Reeves ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า บทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นโดยผู้กำกับ Lana Wachowski ซึ่งกำกับมาตั้งแต่ภาคแรกสุดนั้นยอดเยี่ยมมาก เพราะทั้งลึกลับซับซ้อน น่าทึ่ง และจะเป็นเรื่องราวของความรัก จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะอย่างที่เล่าไปข้างต้น ความรักนั้นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ The Matrix มาตลอด แม้ว่าในภาพรวมหนังจะเป็นแนวไซไฟแอ็กชันก็ตาม

The Matrix (1999)

กับคำถามว่า Neo ที่หลายคนคงจำได้ว่า ตายอย่างเสียสละไปแล้วในภาค 3 Revolution (2003) นั้น กลับมาจากความตายได้อย่างไร และสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรยุติลงอย่างที่ตอนจบภาค 3 บอกเอาไว้หรือไม่? (ซึ่งถ้าจบก็ไม่น่าจะมีภาค 4 ตามออกมาได้!) Reeves ยืนยันในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ แม้จะไม่ได้บอกรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่ก็ยืนยันว่า The Matrix 4 จะไม่ใช่เรื่องของการเล่าย้อนไปในเหตุการณ์ก่อน 3 ภาคแรกอย่างแน่นอน

ไม่ มันจะไม่ย้อนไปในอดีต มันจะเป็นอีกฉบับนึงเลย มันคือการถูกปลุกให้ตื่น และจะมีฉาก Action เต็มไปหมด ผมพูดถึงมันได้แค่นี้”

นอกจากนี้ Lilly Wachowski พี่สาวของ Lana ที่ไม่ได้กลับมากำกับภาคนี้ด้วย ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ Netflix ว่า ความจริงแล้ว The Matrix นั้นมีองค์ประกอบของการเป็นหนัง “ข้ามเพศ” อยู่ในหลาย ๆ ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะว่าทั้งน้องสาวและตัวเธอต่างก็เป็นหญิงข้ามเพศ (ในตอนภาคแรกนั้น ทั้งสองยังเป็นผู้ชายอยู่ ก่อนที่น้องสาวจะข้ามเพศก่อนในปี 2010 ตามมาด้วยพี่สาวของเธอในปี 2016) แต่ในตอนนั้นโลกยังไม่พร้อมสำหรับการจะบอกว่าหนังสักเรื่องมีองค์ประกอบของความข้ามเพศ ทีมโปรโมตจึงพุ่งเป้าไปที่การขายหนังว่าเป็นแอ็กชันไซไฟอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป หนังก็มีกลิ่นอายของความปลดแอกจากอำนาจกดทับซ่อนอยู่ในเรื่อง เช่นเดียวกับ X-Men ที่แฝงประเด็นการ Come out ของกลุ่ม LGBTQ+ เช่นกัน

ในภาค 4 นี้ นักแสดงจากไตรภาคเดิมที่ยังกลับมาได้แก่ Jada Pinkett Smith ภรรยาของ Will Smith ในชีวิตจริงรับบท Niobe และ Lambert Wilson ในบท Merovingian ส่วนรายที่ไม่ได้กลับมาคือ Lawrence Fishburne ในบท Morpheus ซึ่งในทีแรกนั้นมีข่าวลือว่า หนังจะเล่าเรื่องที่เป็นการย้อนเวลาไปพบกับ Morpheus วัยหนุ่ม ที่อาจจะเป็น Yahya Abdul-Mateen II จาก Aquaman ที่มารับบทนี้ไป แต่พอฟังคำสัมภาษณ์ล่าสุดของ Reeves แล้ว เนื้อหาอาจจะไม่เป็นไปตามข่าวลือตอนแรก

ส่วนทีมนักแสดงสมทบที่มากันคับคั่งในภาคใหม่นี้ มีตั้งแต่ Neil Patrick Harris จาก Gone Girl ที่ให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ว่า หนังจะมีความทะเยอทะยานอย่างมาก สมกับที่เขาอยากมีส่วนร่วมมาตลอด, Jonathan Groff จากซีรีส์ Mindhunter, Jessica Henwick จากซีรีส์ฮีโร Iron Fist ที่มีข่าวลือว่าเธอจะมารับช่วงต่อบทนำภาคต่อ ๆ ไปของ The Matrix รวมถึงยังมีข่าวที่ยังไม่มีการยืนยันจากค่ายหนังว่า จะได้ Priyanka Chopra นักแสดงชื่อดังเชื้อสายอินเดียจาก Baywatch และซีรีส์ Quantico มารับบทด้วย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส