[รีวิวละคร] วาสนารัก : จักรวาลนครสวรรค์ฉบับล่าสุด ที่เล่นกับความทรงจำวัยเยาว์
Our score
7.7

[รีวิวละคร] วาสนารัก : จักรวาลนครสวรรค์ฉบับล่าสุด ที่เล่นกับความทรงจำวัยเยาว์

จุดเด่น

  1. สะกิดความทรงจำในยุค 90’s ได้ดี ฉากใส่กางกางในแอปเปิ้ลกระโดดน้ำ ทำนึกถึงพวกเด็กผู้ชายแถวบ้านสมัยก่อน เพจเจอร์ เทปคาสเซ็ทฯลฯ ถือว่าเรียกยิ้มบาง ๆ ออกมาได้ โดยเฉพาะโทรเข้าบ้านหาสาวแล้วเจอพ่อ
  2. การดำเนินเรื่องไม่ช้าไม่เร็ว เรียกว่าดูได้เรื่อย ๆ ไม่น่าเบื่อ
  3. ยกคะแนนให้ความกล้าเล่นในเรื่องทางเพศกับวัยรุ่น ที่นำเสนอออกมาได้นุ่มนวล เข้าอกเข้าใจ ข้อนี้ดีเอามาก ๆ
  4. ในฉากที่มีการแสดงลิเก สร้างความโล่งใจให้ได้มาก ๆ เรื่องนี้ละที่มีการร้องลิเกแล้วเป็นลิเกได้จริง ๆ

จุดสังเกต

  1. แคสติ้งค้านสายตาไปหลายตัวละครเลย ไม่นะ จุดนี้ทำให้ต่ออารมณ์จากภาคที่แล้วไม่ติด แถมสะดุดเอาซะด้วย
  2. นักแสดงหลักบางคนการแสดงยังไม่เป็นธรรมชาติ แต่เอาน่ะ เชื่อว่าเรื่องอื่น ๆจะพัฒนามากกว่านี้
  3. บทพูดบางคำดูไม่เข้ากับยุคสมัยที่คำนั้นยังไม่เกิด
  4. ตัวละครที่ใช้ซ้ำกับกรงกรรม แล้วดันเป็นตัวละครเด่นอย่าง แพร์-พิชชาภา ทำให้เห็นพรรณษาทีไร นึกว่าพิไลมาเฝ้าเก๊ะทุกที
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    6.5

  • คุณภาพนักแสดง

    7.5

  • คุณภาพการเล่าเรื่อง

    8.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    8.0

เดินเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ กับวาสนารัก หนึ่งในจักรวาลนครสวรรค์ภาคต่อของ ทุ่งเสน่หา ที่เรื่องราวในภาคนี้กล่าวถึงชีวิตของคนรุ่นลูก ที่มีผลพวงชีวิตมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ เป็นความรักซับซ้อนในบรรยากาศของยุค 90’s ที่สะท้อนชีวิตของคนต่างชนชั้น ต่างชาติกำเนิด ต่างวิถีชีวิต และยิ่งวุ่นมากขึ้นไปอีกเมื่อมีความลับดำมืดที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งต่างอมพะนำ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับต้องการที่จะเปิดโปงชนิดที่ป้าข้างบ้านยังต้องยอมยกธงขาว จนกลายเป็นอุปสรรคและความสับสนที่เหมือนกับบททดสอบว่า หากพวกเขาจะยังมีวาสนาต่อกันหรือไม่และความรักที่ก่อเกิดจะเป็นจริงได้ ในสักวันหนึ่งหรือเปล่า

เปิดเรื่องมาด้วยการตายของผไทย เทพทอง พระเอกลิเกคนดัง จากภาคทุ่งเสน่หา ที่หยิบชิ้นปลามันกับแก้วใจบนกองฟาง จนท้องไม่มีพ่อและต้องขอร้องให้ไพรวัลย์รับสมอ้าง ตามมาด้วยข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ที่ว่า สาวไทยถูกฆ่าตายในลอนดอน มีรูปแก้วใจโชว์หราว่าเป็นสาวไทยคนนั้น เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตเด็กกำพร้าของ กันตพล สมัครเขตกรณ์ (ไอซ์-ภาณุวัฒน์ เปรมมณีนันท์) อย่างสมบูรณ์แบบ พ่อแม่ตายหมดจ้ะ ตายยันพ่อที่รับสมอ้างตั้งแต่แรกซะด้วย

เรื่องนี้ก็ทำให้พระเอกของเรื่องต้องวนเวียนอยู่กับ ความหวังดีของเพื่อนบ้านและย่าข้างบ้านที่เลเวลอัปกว่าป้าข้างบ้านเป็นไหน ๆ กับคำพูดที่ว่า “น้องกันต์หน้าไม่เหมือนพ่อ ตกลงเป็นลูกใครกันแน่” ซ้ำร้ายเข้าไปอีกก็คือดันไปตกหลุมรักกับ ใกล้รุ่ง เทพทอง (ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) ลูกสาวคนสุดท้องของผไท เทพทอง ซึ่งก็ร้องรำเป็นนางเอกลิเกอยู่ในคณะ ดวงมณี ศรีนคร (ต้อม-รชณีกร พันธุ์มณี) อดีตภรรยาและนางเอกลิเกคู่ขวัญของไผท ที่ต้องกลายมาเป็นหญิงแกร่งดูแลชาวคณะลิเกทั้งหมดด้วยตัวเองตามลำพัง ซึ่งความรักของทั้งคู่อาจไม่สมหวัง เพราะเขาสองคนอาจเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันก็เป็นได้ … ความลับเยอะ

ปมของเรื่องเริ่มต้นจากคู่นี้ก็จริง แต่ด้วยจักรวาลของจุฬามณี ที่เล่าเรื่องเชิงสะท้อนวิถีชีวิตของคนกลุ่มหนึ่ง ตัวละครอีกหลายตัวจึงมีบทบาท ที่แข่งกันใช้ชีวิตอยู่ในวงเวียนเดียวกันให้ติดตาม เรื่องตัวละครขอไม่พูดถึงแล้วกันนะคะ ใครเป็นใครมาตั้งแต่ภาคที่แล้ว สำหรับคนที่ติดตามอยู่แล้วคงทราบดี มีทายาทออกมาเป็นใครบ้างก็คงดีใจไปด้วยกับเขา แต่สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยได้ดูภาคที่แล้ว (ทุ่งเสน่หา) มาดูภาคนี้เลย คุณโชคดีมาก เพราะภาพจำตัวละครจากภาคแรกจะไม่มี ความรู้สึกจะสดใหม่กว่าใคร ๆ แน่นอน

กันตพล สมัครเขตกรณ์ (ไอซ์-ภาณุวัฒน์ เปรมมณีนันท์)-ใกล้รุ่ง เทพทอง (ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์)

ว่ากันด้วยเรื่องแคสติ้ง

เรื่องนี้ตัวละครเยอะมาก จำแทบไม่หวาดไม่ไหว ไม่แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลนครสวรค์ของจุฬามณีเลย แต่ความต่างมันอยู่ที่ว่าเรื่องนี้เป็นภาคต่อของ ทุ่งเสน่หา ซึงการทำละครภาคต่อ การต่อความรู้สึกของคนดูให้ติด โดยเฉพาะเรื่องความคล้ายของตัวละครต่อเนื่อง จึงสำคัญ อย่างน้อยในส่วนนี้ก็เล่นกับความคาดหวังของคนดู

คาดหวังว่า มึ่งขวัญ ขันธ์ทอง ที่จบเรื่องด้วยการแต่งงานกับ ยุพิณ และเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ กิจการจะรุ่งเรืองร่ำรวยแล้วก็รวยจริง ๆ ทองหยองงี้เส้นเบ้อเร่อ แต่มิ่งขวัญเปลี่ยนไปมากจากชายผิวเข้มหน้าตาคมคายแบบหนุ่มลูกทุ่ง กลายเป็นอาเฮียผิวขาวสะอาด อย่าง ชาย-ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ ไปซะได้ เช่นเดียวกัยเฮียกวง สุรัฐ โค้วพิสุทธิ์ เพื่อนซี้ของมิ่งขวัญเจ้าของภัตตาคารใหญ่ ที่เปลี่ยนจากชายหนุ่มหน้าตาคมสัน ที่คาดว่าพออายุมากขึ้นจะคมเข้มไม่แพ้เพื่อน ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เฮียแกขาวผ่องตามรอยเพื่อนกลายเป็น ป้อ-ปริญญ์ วิกรานต์ ที่ดูจะเป็นรุ่นพี่มากกว่ารุ่นเพื่อนซะด้วยซ้ำ ตามบทประพันธ์คาดว่าเฮียแกจะแก่กว่าจริง ๆ อ่ะนะ แต่ภาพจำมันเป็นรุ่นเดียวกันไปแล้ว อันนี้ก็ค้านสายตาอยู่มาก ๆ เหมือนกัน

เล่นกับยุคสมัยแห่งความทรงจำ

ยุคสมัยที่ในละครนำเสนอ เป็นยุคที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคนที่เกิดและเติบโตมาจากยุค 90’s ยุคที่ยังมีเทปคาสเซตต์ มีเพจเจอร์ไว้เรียกตามตัว มีโทรศัพท์บ้านที่หนุ่ม ๆ มักแจ็กพ็อต โทรไปจีบสาวแล้วมีพ่อของเขามารับสายแทน ได้เห็นแก๊งสมัครเขตกรณ์ใส่กางเกงในยี่ห้อแอปเปิ้ลกระโดดเล่นน้ำในบึง ภาพจำตอนเด็ก ๆ โผล่มาสะกิดใจเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน ภาพจำแห่งยุคมักมีเรื่องคล้าย ๆ กัน มีความสุขค่ะที่ได้เห็นอดีตที่เราเคยผ่าน ค่อย ๆ ฉายออกมาให้เห็นทีละอย่างสองอย่าง

แก๊งสมัครเขตกรณ์

ในความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ในยุค 4G อาจเห็นเรื่องราวเหล่านี้เป็นความคลาสสิก แต่กับคนในยุค 90’s ที่นั่งดูอยู่ในปัจจุบัน คือความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน เราไม่ลืมตู้โทรศัพท์สาธารณะ ไม่ลืมเพจเจอร์เรียกตามตัวที่ในสมัยนั้นใครมีพกไว้ติดตัวก็โก้เต็มที แม้แต่การฟังรายการเพลงทางวิทยุแล้วเคยอัดเพลงที่ชอบลงเทปเปล่า เชื่อว่าหลายคนอยากจะขอร้องให้ดีเจหยุดพูดในช่วงนั้น รวมไปถึงเครื่องแต่งกายต่าง ๆ ที่ถือว่าทีมคอสตูมทำงานได้ดีเลยทีเดียว

กล้าเล่นกับเรื่องทางเพศและวัยรุ่น

ด้วยว่าความรักสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และเมื่อถึงวัยที่หญิงและชายสามารถมีใจให้กับเพศตรงข้าม ช่วงที่น่าเป็นห่วงที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงวัยรุ่น เรื่องนี้ไม่ได้มีวัยรุ่นคนไหนในเรื่องทำตัวหวือหวาหรือเกินไปจากธรรมชาติตามอายุของเขาเลยนะคะ เด็กสาวอย่าง พรรณษา (มิ้ม-รัตนวดี วงค์ทอง) ที่หลงรักกันตพลและเอ่ยปากบอกรักออกมาเอง เราสามารถหาได้ในชีวิตจริง และนิสัยก้าวร้าวเอาแต่ใจ เรียกร้องสิ่งที่คิดว่าตัวเองควรได้ ตัวเองเป็นเจ้าของก็เป็นการแสดงออกแบบเด็ก ๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำว่ามันไม่น่ารักและจะส่งผลที่น่าชังไปถึงตอนโต เมื่อเขารู้สึกว่าเขากำลังถูกแย่งของรัก กำลังจะพบกับความพ่ายแพ้ แรงต่อต้านที่น่ากลัวมันมักจะออกมาจากตัวของเด็กเองโดยธรรมชาติ

กันตพล-พรรณษา วัยเด็ก

หรืออาจแสดงออกมาอีกรูปแบบหนึ่งอย่างกรณีของ อาภากร (ไข่มุก-ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล ) ที่แอบรักไพรัช(แดนนี่ ลูเซียโน่ ) มาตั้งแต่เด็ก ๆ คอยซื้อน้ำมาให้ มานั่งเฝ้าที่สนามบาส เก็บของที่เขาให้แบบไม่ตั้งใจมานอนฝัน ทำนองรักเขาข้างเดียว รักนะแต่ไม่กล้าเอ่ยปากและเมื่อพบกับการลาจาก ก็เสียอกเสียใจจนกลายเป็นคนเก็บตัว ซึ่งถือว่าช่อง 3 มีความกล้าในการนำเสนอเรื่องทางเพศกับวัยรุ่นซึ่งมีมาทุกยุคสมัยได้ตรงประเด็น เหมาะสมกับการเป็นละครที่ดูได้ทุกวัย พ่อแม่ควรดูละครเรื่องนี้ค่ะ เพื่อรับมือกับวัยรุ่นที่บ้านให้ถูกวิธี

เป็นละครสะท้อนชีวิต มากกว่าจะมาเพื่อฟาดให้สาแก่ใจ

สายรอฟาดหลบไปค่ะเรื่องนี้มีฉากฟาด ๆ น้อยนิด แต่หนักไปทางละครสะท้อนชีวิตที่เรื่องราวในอดีตส่งผลมาถึงปัจจุบัน เรื่องความรักของหนุ่มสาวรุ่นลูกที่มีพื้นเพมาจากบ้านหนองน้ำผึ้ง คนจน คนรวย ลิเก คนจีนที่มีการสลับฝาสลับคู่และมีความวายปะปนมากล้อมแกล้ม การดำเนินเรื่องเป็นไปแบบเรื่อย ๆ ไม่ช้าไม่เร็วฉึบฉับ เหมือนเรานั่งดูชีวิตของคนในหมู่บ้าน คู่นั้นเป็นแบบนั้น คู่นี้เป็นแบบนี้ เอ้าบ้านนี้ตีกันแล้วเว้ย บ้านนี้รักกันเข้าแล้ว

เป็นป้าข้างบ้านที่นั่งดูอยู่เงียบ ๆ และเผลอแสดงความคิดเห็นแกมหมั่นไส้กับฉากบางฉากอย่างสนุกสนาน ดูไปกินข้าวไปได้แบบเพลิน ๆ เอร็ดอร่อยกันได้ทั้งครอบครัว

วาสนารัก
  • ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 กด 33 
  • บทประพันธ์โดย : จุฬามณี
  • บทโทรทัศน์โดย : ธีระพัสตร์ ถนัดสอนสาร
  • กำกับการแสดงโดย : กฤษณ์ ศุกระมงคล และ อดุลย์ ประยันโต
  • ผลิตโดย : บริษัท เมคเกอร์ เค จำกัด
  • ควบคุมการผลิตโดย : มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช และ กฤษณ์ ศุกระมงคล
  • รับชมย้อนหลังได้ที่ : WeTV

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส