หลังจากพบกับจุดอิ่มตัวบนเส้นทางสายดนตรีและได้ทิ้งอัลบั้มชุดสุดท้าย ‘ไนน์มิสยูทู’ เอาไว้ในปี 2553 หนึ่งในวงร็อกขวัญใจมหาชนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างวง Clash (แคลช) ก็ได้แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง บ้างก็ไปทำวงใหม่ บ้างก็ไปเป็นศิลปินเดี่ยว บ้างก็ไปเปิดค่ายเพลงและกลายเป็นผู้บริหาร นั่นทำให้แฟน ๆ ยังคงเห็นการเดินทางของพวกเขาทั้ง 5 แบงค์ (ร้องนำ) , แฮ็กส์ (กีตาร์), พล(กีตาร์) , สุ่ม (เบส) และ ยักษ์ (กลอง) อยู่ตลอดเวลาถึงแม้จะเป็นบทบาทที่แตกต่างจากการเป็นสมาชิกวงแคลชก็ตาม

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแคลชได้พยายามแสดงสัญญาณของการกลับมาด้วยการปล่อยซิงเกิลออกมาให้พวกเราได้ฟังกันเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะเป็น ใจเย็นเย็น , อยู่ตรงนี้เสมอ, คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ซึ่งก็ทำให้แฟน ๆ ของแคลชใจเต้นกับการกลับมาของพวกเขามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเสียงแหลมสูงอันนุ่มนวลของแบงค์ กีตาร์คู่อันเร้าใจและไพเราะของแฮ็กส์และพล เสียงเบสอันอุ่นอวบของสุ่ม และกลองอันหนักแน่นจากยักษ์ จนในที่สุดพวกเขาก็ได้เวลาของการประกาศศักดาการกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับอัลบั้มเต็มชุดล่าสุดที่ทำออกมาในรูปแบบดิจิทัลอัลบั้มซึ่งใช้ชื่อว่า ‘Loudness’

ความน่าประทับใจประการแรกใน ‘Loudness’ ก็คือการที่แคลชพยายามรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ในแบบที่ถ้าดนตรีและเสียงร้องดังขึ้นมาเนี่ย เราจะรู้ได้เลยว่านี่เป็นเพลงของแคลช แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ค้นหาองค์ประกอบใหม่ ๆ และความร่วมสมัยใส่ลงไปได้อย่างกลมกล่อมลงตัว อีกทั้งยังชักชวนพวกพ้องน้องพี่ศิลปินคนดนตรีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ รุ่นเก่า รุ่นใหม่ รุ่นอินดี้ เข้ามาใส่สารเคมีทางดนตรีลงไปให้สสารในบทเพลงจากอัลบั้มนี้มีความอิ่มตัวและอิ่มอร่อยเลิศ

เปิดมาด้วยไตเติลแทร็ก ‘เสียงแห่งความหวัง’ (Loudness) ท่วงทำนองร็อกอันเข้มข้นในแบบฉบับของแคลชที่ผสมผสานไปด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกส์จากเอ้ BOTCASH ในห้วงอารมณ์อันยิ่งใหญ่เป็นการเปิดตัวด้วยความฮึกเหิมและเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตให้เราเดินก้าวต่อไปด้วยพลังความเชื่อมั่นต่อเสียงข้างในหัวใจ

‘บอก’ เพลงรักเศร้าซึ้งบาดลึกถึงอารมณ์ในแบบที่เราคิดถึง เป็นบทเพลงที่กรั่นกรองมาจากเรื่องจริงและมุมมองความรักของแบงค์ พูดถึงภาวะที่ความรักถึงทางตันเมื่อไม่มีใครกล้าบอกเลิกก่อนเพราะกลัวจะเป็นปัญหา คนที่พูดก่อนนั้นแพ้หรือเปล่า หรือในทางหนึ่งคนที่บอกก่อนคือผู้ชนะเพราะกล้าหาญพอที่จะบอกว่าต้องการจะจากไปแล้ว เมื่อถึงภาวะนี้ทางที่ดีที่สุดก็คือการบอกออกมาตรง ๆ เพื่อให้แต่ละคนได้ไปต่อในทางที่ควรจะเป็น

ในช่วงเวลาที่แคลชทำอัลบั้มเทรนด์การฟีเจอริ่งนั้นยังไม่ร้อนแรงเท่ากับในทุกวันนี้ที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของการทำเพลงไปแล้ว การกลับมาในช่วงเวลานี้ของแคลชจึงชวนตื่นเต้นอย่างหนึ่งคือการลุ้นว่าแคลชจะชวนใครมาฟีเจอริ่งบ้าง อย่างในแทร็กที่สาม ‘วันนั้นของพี่ วันนี้ของน้อง’ ที่แคลชได้ชวนศิลปินรุ่นใหญ่ตำนานเพื่อชีวิตรุ่นที่สามของไทยอย่าง ‘พี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ เข้ามาถ่ายทอดน้ำเสียงของผู้ผ่านร้อนหนาวมาอย่างยาวนาน เป็นพี่ที่ให้คำสอนกับน้องในช่วงเวลาอ่อนไหว อ่อนล้า และโดดเดี่ยวของชีวิต น้ำเสียงแหบพร่าแต่ว่าเปี่ยมด้วยอารมณ์ของพี่ปูทำให้คำสอนของพี่คนนี้ช่างหนักแน่นและทรงพลัง ท่วงทำนองของดนตรีเพื่อชีวิตกับเพลงร็อกถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม แค่ได้ยินไลน์เมโลดี้เพนทาโนนิคในท่อนอินโทรก็เตรียมเคลิ้มแล้ว

‘ไม่มีอะไรต้องกลัว’ ซิงเกิลแรกที่เปิดตัวอัลบั้มนี้ ซึ่งทำให้เราเห็นว่าการหลอมรวมซาวด์ดนตรีร็อกอันหนักแน่นแบบนูเมทัลของแคลชกับซาวด์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์นั้นมันเท่แค่ไหน อีกทั้งยังได้การแรปอันร้อนเดือดของแรปเปอร์สุดฮอตแห่งยุค เจ้าพ่อฟีเจอริ่งอย่าง ‘F.HERO’ ยิ่งทำให้บทเพลงนี้ร้อนแรงและทำให้ใจแฟน ๆ ของแคลชเต้นเป็นจังหวะร็อก กับบทเพลงสุดฮึกเหิมที่พาให้เรากล้าท้าทุกปัญหาที่เผชิญ เป็นเพลงพลังบวก พร้อมที่จะเข้าบวก ! กับทุกปัญหาที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่

‘มูเตลู’ เชื่อว่าใครที่ไม่ได้เป็นสายมูเห็นชื่อเพลงนี้ก็คงงงว่า ‘มูเตลู’ นี่มันคืออะไร เพลงนี้ได้ไอเดียมาจากชีวิตจริงของเเฮ็คส์ มือกีตาร์โสดสายมู ที่เชื่อในเรื่องเครื่องรางของขลังว่าจะนำมาซึ่งความสมหวังในรักและชีวิต โดยได้เเทน ลิปตาเเละข้าว Fellow Fellow มาบรรเลงเนื้อเพลงร่วมกัน แถมเสริมใส่กลิ่นอายความ R&B และเนื้อร้องแรปโดยแบงค์ อารมณ์เพลงชวนให้คิดถึงงานเพลงเก่า ๆ ของแคลชที่มีกลิ่นอาย R&B ผสมกับแรปแบบนี้เลย

เป็นธรรมเนียมของวงแคลชที่ในทุกอัลบั้มจะต้องมีเพลงที่เขียนถึงแฟนคลับ อย่างเพลง ‘นางฟ้าในใจ’ ‘นางฟ้าคนเดิม’ หรือ ‘เกินคำว่ารัก’ สำหรับในอัลบั้มนี้ก็มีเพลง ‘เพราะรัก (ปฏิญาณ)’ เพลงช้าซึ้ง ๆ ที่ไม่เศร้า ที่แคลชตั้งใจมอบให้กับแฟนคลับ เพลงนี้ได้ฟองเบียร์ ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม มาเขียนเนื้อเพลงให้ จนออกมาเป็นบทเพลงที่อบอุ่นกลมกล่อม และทำให้แฟน ๆ รู้สึกซึ้งและอุ่นใจในแบบที่เคยรู้สึกกับวงแคลชตลอดมา

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแคลชก็คือต้องมีเพลงที่พูดถึงเรื่องของสังคม ซึ่งในอัลบั้มนี้ก็มี ‘ยิ้มอ่อน’ บทเพลงร็อกผสานซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ที่พูดเรื่องของสังคมในยุคปัจจุบันที่มีปัญหาต่าง ๆ นานารายล้อมรอบตัว เมื่อเปลี่ยนอะไรมันไม่ได้ก็ให้ยิ้มอ่อน ๆ เข้าไว้ทำชีวิตของเราให้ดีและสู้ต่อไปก็พอ สไตล์และเนื้อหาของเพลงชวนให้คิดถึงเพลง ‘ยิ้มเข้าไว้’ จากอัลบั้ม ‘Crashing’ เลย

เปิดอินโทรมานี่รู้สึกได้ถึงความเท่ของไลน์กีตาร์ใส่ดีเลย์ที่ผสานไปกับเสียงเปียโน เสียงฮูของแบงค์ และซาวด์กีตาร์เท่ ๆ กับ ‘ฟ้าไม่เป็นใจ’ บทเพลงร็อกอารมณ์สว่างใสกับซาวด์สว่าง ๆ ที่แฝงไว้ด้วยแววของความหวังพูดถึงพลังของความเชื่อมั่นที่จะหยัดยืนต่อไปแม้ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ เพลงนี้ได้เสียงของร้อง บอย โลโมโซนิก มาเพิ่มพลังร็อกและเสริมความเท่เข้าไปในบทเพลงอีก

นี่คือแทร็กโปรดของเราและเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะต้องชอบมาก กับ ‘ในนามแห่งความรัก’ ที่แคลชได้ชวนวงอินดี้รุ่นน้อง ‘จุลโหฬาร’ วงดนตรีลูกอีสานที่ผสานท่วงทำนองหมอลำเข้ากับดนตรีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว กลายมาเป็นบทเพลงที่ประสานความร็อกให้เข้ากับลูกทุ่งหมอลำได้อย่างม่วนเท่ขาดใจ การได้ยินเสียงพิณ เสียงแคนใส่เข้าไปในเพลงของแคลชนี่มันเซอร์ไพรส์จริง ๆ นอกจากนี้การได้ฟังเสียงร้องของแบงค์ผสานไปกับเสียงร้องของเกมส์ จุลโหฬาร ทำให้นึกถึงเพลงที่ศิลปินร็อกมาฟีเจอริ่งกับศิลปินลุกทุ่งอย่าง ‘ภูมิแพ้กรุงเทพ’ ที่พี่ป้างร้องกับตั๊กแตน ชลดา หรือว่า ‘คิดฮอด’ ของ Bodyslam ที่ได้ศิริพร อำไพพงษ์มาฟีเจอริ่งด้วย

ขึ้นชื่อว่าแคลชมันก็ต้องมีเพลงช้า เศร้า ๆ deep ๆ เยอะหน่อย แต่อัลบั้มนี้เพิ่งผ่านไปเพลงเดียวเอง งานนี้ก็เลยปิดท้ายด้วยเพลงเสร้าสุดดิ่ง ‘หลงทาง’ กับฝีมือการเขียนเนื้อของเจ้าพ่อเพลงเศร้า ‘ปอย Portrait’ ที่บรรเลงเนื้อร้องอันแสนเศร้าเคล้าไปกับท่วงทำนองแบบอะคูสติกอันเปลี่ยวเหงา แถมด้วยโซโล่แซกโซโฟนสุดเปลี่ยว เป็นการปิดอัลบั้มได้อย่างเหงาเศร้าดิ่ง ลึกสุดใจจริง ๆ  !

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้แคลชยังมี hidden track อยู่ด้วยอีกหนึ่งเพลงนั่นคือ ‘ฝน’ ที่ได้ ต่อ เเสนคม สมคิด ที่เคยร่วมงานกับแคลชมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ค่ายอัพจี ผู้ฝากฝีไม้ลายมือไว้ในบทเพลงฮิตของแคลชมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป’ ‘ซบที่อกฉัน’ หรือว่า ‘เขาชื่ออะไร’ บอกเลยว่าเพลงนี้ไม่ควรพลาด เฉียบทั้งลีลาภาษาและตัวเพลง แถมยังเป็นทีเด็ดของแคลชที่เลือกซ่อนเพลงนี้เอาไว้อีกด้วย

โดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่า ‘Loudness’ คืออัลบั้มที่คุ้มค่ากับการรอคอยมาก ๆ มีทั้งความเป็นแคลชในแบบเดิมที่เราคิดถึงและมีส่วนผสมใหม่ ๆ ให้เราได้ว้าวด้วยเหมือนกัน ยังเป็นแคลชที่วาไรตี้มีทั้งเพลงช้าเศร้าซึ้ง เศร้าดิ่ง ร็อกหนักแน่นและบทเพลงสะท้อนสังคมมาครบเครื่องครบครันจริง ๆ ว่าแล้วก็ฟังวนไปโลดครับ !!

‘LOUDNESS’

Apple Music

Spotify

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส