[รีวิวซีรีส์] The Haunting of Bly Manor: หลอนในบรรยากาศ แต่ยังไม่ค่อยฉลาดในการหลอกล่อ

Release Date

09/10/2020

ความยาว

9 ตอน

[รีวิวซีรีส์] The Haunting of Bly Manor: หลอนในบรรยากาศ แต่ยังไม่ค่อยฉลาดในการหลอกล่อ
Our score
8.0

The Haunting of Bly Manor

จุดเด่น

  1. เป็นซีรีส์สยอง ที่อารมณ์ดราม่าและเรื่องความรักโดดเด่นมาก ๆ บรรยากาศและบรรดาผีทำออกมาได้น่าสนใจดึงความรู้สึกหนาวสันหลังได้ดี ใครชอบฮิลล์เฮาส์ น่าจะชอบเรื่องนี้ด้วย แต่ก็คงชอบฮิลล์เฮาส์มากกว่าอยู่ดีนั่นล่ะ

จุดสังเกต

  1. ข้อที่พลาดคือการคงเส้นความสนุกที่ขาดช่วง และการเลี้ยงปมปริศนาต่าง ๆ ก็เดาง่ายไปนิด ซึ่งต้องรวมไปถึงเทคนิคพิเศษหลาย ๆ ฉากด้วยที่ดูการ์ตูนไปหน่อย
  • บท

    7.5

  • โพรดักชัน

    7.5

  • การแสดง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    8.0

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    9.0

The Haunting of Bly Manor บลายเมเนอร์ บ้านกระตุกวิญญาณ เป็นผลงานซีรีส์ภาคใหม่หลังจากความสำเร็จอย่างมากจากซีรีส์เรื่อง The Haunting of Hill House ฮิลล์เฮาส์ บ้านกระตุกวิญญาณ โดยได้ผู้กำกับ ไมก์ ฟลานาแกน คนเดิมกลับมาสานต่อซีรีส์แจ้งเกิดตระกูล The Haunting อีกครั้ง

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งไปเสริมบารมีด้วยการทำหนัง Doctor Sleep (2019) ที่เป็นภาคต่อหนังสยองคลาสสิกอย่าง The Shining (1980) มาแล้ว ทำให้ชื่อชั้นของฟลานาแกนเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วยลายเซ็นเฉพาะตัวในการทำหนังผีที่มีสถานที่และบรรยากาศแวดล้อมเป็นตัวเอกหนึ่งของเรื่อง

https://www.youtube.com/watch?v=gBG25O0pQl8

สำหรับซีรีส์ บลายเมเนอร์ นี้ ยังคงว่าด้วยคฤหาสน์โบราณ แต่ย้ายฝั่งไปเกิดเรื่องในหมู่บ้านบลาย ประเทศอังกฤษที่มีอายุหลายร้อยปีแทน ซึ่งสภาพโอ่โถงหรูหราเก่าแก่ แต่ชวนให้รู้สึกว่ามีวิญญาณซุกซ่อนตามมุมมืดต่าง ๆ ของบ้านผ่านกาลเวลามาเป็นสิบเป็นร้อยปีได้อย่างดี ยังคงต้องยอมรับว่างานศิลป์การออกแบบฉากต่าง ๆ ไม่ว่าจะห้องหับ โถง ตัวบ้าน สวนดอกไม้ ไปจนทะเลสาบที่อยู่ในบริเวณบ้าน ยังคงความโดดเด่นเป็นตัวเอกของซีรีส์ได้อย่างดีเยี่ยม

แต่ถ้าให้เทียบกับซีรีส์ก่อนหน้าอย่าง ฮิลล์เฮาส์ ตัวบ้านในซีรีส์ก่อนหน้านั้นทำได้น่าสนใจกว่ามาก ทั้งบันไดวนและโถงกระจก สถาปัตยกรรมต่าง ๆ แปลกตา และชวนขนลุกได้มากกว่า และอาจต้องว่าไปถึงเหล่าผี ๆ ตัวประกอบประจำบ้านที่ดูน่ากลัว น่าสนใจในคาแรกเตอร์มากกว่า

สำหรับบลายเมเนอร์ที่ว่ามาอาจพร่องลง แต่มันก็ได้ความลึกในการเน้นเส้นเรื่องได้ดีกว่า บรรดาผีตัวประกอบก็มีที่มีที่ไปที่สอดรับกับผีตัวหลัก ๆ มากกว่า และตัวบ้านก็ออกแบบประวัติศาสตร์ของตัวมันได้ดูมีทิศทางเดียวกันอย่างดีด้วย รวม ๆ คือน่ากลัวลดลง แต่คงความแข็งแรงของเส้นเรื่องได้มากขึ้น

การเล่าเรื่อง เปิดได้น่าสนใจ เพราะเริ่มจากการเป็นเรื่องเล่าของหญิงสูงวัยคนหนึ่งในวงเหล้าคืนก่อนงานแต่ง ที่อ้างว่าเรื่องที่เล่านั้นไม่ใช่เรื่องของเธอหากแต่เธอฟังมาอีกทีหนึ่ง และตลอดระยะเวลา 9 ตอนของซีรีส์นั้น ก็จะเป็นการเล่าย้อนอดีตของเหตุการณ์ที่จบลงไปแล้ว โดยมีเสียงบรรยายของหญิงลึกลับนั้นเล่านำตลอดเรื่อง

เรื่องเล่าผ่านสายตาของ แดนี เครย์ตัน (รับบทโดย วิกตอเรีย เพเดรตตี ซึ่งเคยแสดงเป็น เนล น้องสาวคนสุดท้องในซีรีส์ ฮิลล์เฮาส์) หญิงสาวอเมริกันที่หนีอดีตเลวร้ายจากอเมริกามาสมัครงานพี่เลี้ยงเด็ก 2 คนที่เป็นหลานของ เฮนรี วินเกรฟ (เฮนรี โธมัส) ทนายชื่อดังคนหนึ่งในลอนดอน

ความน่าสนใจของงานคืองานนี้ประกาศมาหลายเดือนแล้วแต่ยังหาผู้มารับงานไม่ได้ โดยมีข่าวว่าพี่เลี้ยงคนก่อนอกหักจากชายชั่วจนฆ่าตัวตายในทะเลสาบไปไม่นาน และเด็กทั้งสองคนเพิ่งสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุ โดย ไมล์ (เบนจามิน อีวาน ไอน์สเวิร์ธ) เด็กชายวัย 10 ขวบคนพี่ เพิ่งถูกเชิญออกจากโรงเรียนประจำด้วยเหตุผลที่ไม่เปิดเผย ส่วน ฟลอร่า (อามิลี สมิธ) น้องสาววัย 7 ขวบ ก็มีพฤติกรรมประหลาดทั้งการเล่นตุ๊กตา และการพูดการมองที่เหมือนเห็นใครสักคนอยู่บ่อยครั้งตามสูตรหนังผี

ซึ่งในบ้านหลังนี้ยังมีคนงานประจำอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ มิสซิสโกรส (ทเนีย มิลเลอร์) แม่บ้านผู้อยู่มานานที่สุดซึ่งเธอมักสวดอุทิศและจุดเทียนระลึกถึงผู้ตายอยู่เสมอ โอเวน (ราหุล โคห์ลี) พ่อครัวใจดีนักเล่นมุกแป้กที่เป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน และ เจมี่ (อามิเลีย อีฟ) คนสวนสาวมาดแมนที่พร้อมใช้ความรุนแรงเข้าปะทะ

ในขณะที่เครย์ตันเองต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดหลายอย่าง ฟลอร่าขอให้เธอสัญญาว่าจะไม่ออกจากห้องกลางดึก และฟลอร่าเองก็ราวกับรู้ตำแหน่งสิ่งต่าง ๆ ในบ้านจากบ้านตุ๊กตาของเธอที่มีตุ๊กตาเกินกว่าจำนวนคนที่อยู่ในบ้าน เครย์ตันก็มักเจอคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในบ้านบางครั้ง และรอยเท้าเปื้อนโคลนปริศนาที่เดินมาจากนอกบ้านหลายครั้ง แต่เธอก็มุ่งมั่นหน้าที่ในการปกป้องเด็ก ๆ จากสิ่งชั่วร้ายและทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ นี่คือการหลอมรวมบรรยากาศและองค์ประกอบความเป็นหนังผีที่น่าสนใจทั้งสิ้น

แม้หลายอย่างจะทำได้น่าสนใจ ทว่าการเล่าเรื่องยังคุมเส้นความสนุกได้ไม่คงที่ ตอนแรกตอนที่สองยังคงบรรยากาศหนาวสันหลังและมีปริศนามากพอให้เราจับต้องติดตาม ยาวมาพีคที่ตอนที่ 5 ที่โชว์นวัตกรรมการตัดต่อผ่านสายตาตัวละครมิสซิสโกรสพร้อมเฉลยหลายปมได้อย่างหวือหวา ต้องใช้สมาธิติดตามให้ดี

ทว่าหลังจากตอน 5 มา ซีรีส์ก็เดาได้เยอะมากการซ่อนปมปริศนาใหม่ การหลอกล่อแทบไม่มี ยิ่งเมื่อปริศนาของอดีตพี่เลี้ยงถูกเผยแล้วความน่ากลัวก็ลดลงมาก เหมือนการโชว์ผีให้เห็นกลางสปอตไลต์ไร้ซึ่งการปกปิดอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งตอนที่ 8 ทั้งตอนก็มาเบรกอารมณ์ที่กำลังลุ้นระทึกในตอนท้ายตอน 7 มาย้อนอดีตกันอีก ซึ่งเห็นเจตนาผู้สร้างล่ะว่าเพื่อเสริมเส้นเรื่องและเพิ่มพลังดราม่าให้แน่นขึ้น แต่ว่ามันก็เสียอารมณ์ต่อเนื่องไม่น้อยเลย

สิ่งที่น่าผิดหวังอีกอย่างคือ เทคนิคพิเศษ ที่ทำพวกผีบางตัว (เจาะจงเลยก็ตัวที่โผล่มาในกระจกบ่อย ๆ) ได้ออกมาได้ง่อยมาก บางช่วงดูฟุ้งดูลอยไม่น่ากลัว ในขณะที่ผีตัวหลักทำออกมาได้ดีพอสมควร แต่มันก็ไม่ดุไม่เฮี้ยนได้อย่างที่ทำเรารู้สึกใน ฮิลล์เฮาส์ ได้เลย อีกอย่างคือเทคนิคเจ๋ง ๆ โชว์พลังเว่อร์ ๆ อย่างในฮิลล์เฮาส์ตอนที่ลองเทคยาว ๆ ก็ไม่เห็นชัดเจนแล้วในซีรีส์นี้ มองในแง่ดีคือผู้กำกับลดความห้าวแต่สุขุมหนักแน่นขึ้นก็ได้ แต่สำหรับแฟนจากซีรีส์เดิมที่แอบหวังจะได้เจออะไรเทพ ๆ ก็ผิดหวังนิด ๆ เช่นกัน

สรุป เป็นซีรีส์สยอง ที่อารมณ์ดราม่าและเรื่องความรักโดดเด่นมาก ๆ บรรยากาศและบรรดาผีทำออกมาได้น่าสนใจดึงความรู้สึกหนาวสันหลังได้ดี ทว่าข้อที่พลาดคือการคงเส้นความสนุกและการเลี้ยงปมปริศนาให้เดายากชวนติดตามไปตอนท้ายยังทำได้ไม่ดีนัก ซึ่งต้องรวมไปถึงเทคนิคพิเศษหลาย ๆ ฉากด้วยที่ดูการ์ตูนไปหน่อย ใครชอบฮิลล์เฮาส์ น่าจะชอบเรื่องนี้ด้วย แต่ก็คงชอบฮิลล์เฮาส์มากกว่าอยู่ดีนั่นล่ะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส