[รีวิวซีรีส์] Start-up : ดราม่ากลมกล่อม ที่จุดไฟในตัวให้ลุกโชน กับความฝันของคนมีไฟ
Our score
10.0

จุดเด่น

  1. พล็อตดี บทเลิศ ทันสมัยจุดไฟได้แบบพึ่บพั่บ
  2. ดำเนินเรื่องกระชับ น่าติดตาม กลมกล่อม
  3. ตัวแสดงเข้าถึงบทบาทในทุกซีน ดึงอารมณ์คล้อยตามและอินได้เพลิน ๆ
  4. ดูเอาสาระก็ได้แบบเนื้อหาไม่หนัก ย่อยง่าย ดราม่ามี โรแมนติกมา อบอุ่นเฮฮามีตลอด

จุดสังเกต

  • ความสมบูรณ์ของบท

    10.0

  • การดำเนินเรื่อง

    10.0

  • คุณภาพนักแสดง

    10.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    10.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    10.0

ซีรีส์ที่จะทำให้ทุกคนติดหนึบมาอีกเรื่องแล้วละจ้ะ Startup ที่จุดติดแล้วก็ไม่อยากจะหยุด แต่ต้องหยุดเพราะตอนที่ 5 ยังไม่มา ฮาาา…เรื่องราวชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงาน ที่มีฝันและมีไฟ กับการทำธุรกิจสตาร์ตอัปด้วยความฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จใน Silicon Valley ของเกาหลีที่ชื่อว่า SAND BOX ที่มีความหมายแฝงในโลโก้และชื่อของมันว่า “เล่นไปเถอะจ้ะเด็ก ๆ ไม่เจ็บหรอก กระบะทรายกระบะนี้จะรับเธอไว้เอง” (ชื่อของ SAND BOX มีดราม่าแฝงอยู่เล็ก ๆ แบบลึก ๆ ด้วยนะ ดูไปแล้วซีรีส์จะบอกคุณเอง)

เรื่องนี้มีตัวเอกอยู่ 4 ตัวแสดง ที่เป็นตัวแทนเด่น ๆ ของหนุ่มสาวมากมายที่อยากจะเปิดธุรกิจ Startup เริ่มจาก ซอดัลมี (แพซูจี) หญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นสตีฟ จอบส์เกาหลี พ่อแม่หย่ากัน พี่สาวเลือกไปอยู่กับแม่ ส่วนเธอเลือกอยู่กับพ่อและย่า ดราม่าเริ่มขึ้นตั้งแต่ชะตากรรมของครอบครัวนี้เลย (ดราม่า SAND BOX เกี่ยวพันกับพ่อของซอดัลมีนี่แหละ) แม่ของซอดัลมี แต่งงานกับสามีใหม่ฐานะร่ำรวย ทำให้พี่สาวเปลี่ยนชื่อจากซออินแจเป็น วอนอินแจ (คังฮันนา) และย้ายตามแม่ไปอยู่อเมริกา พี่น้องบาดหมาง ซอดัลมีเข้าโหมดเศร้า

ซอดัลมี (แพซูจี) Start-up
วอนอินแจ (คังฮันนา) Start-up

ทำให้ย่าหาทางปลอบประโลมความว้าเหว่ของหลานสาว ด้วยการขอให้ ฮันจีพยอง (คิมซอนโฮ) เด็กหนุ่มจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ย่าช่วยเหลือไว้ ด้วยการให้เขาเขียนจดหมายคุยกับหลานสาวของตัวเอง เพื่อเป็นเพื่อนทางจดหมายในยามที่เธอไม่มีใคร โดยใช้ชื่อของ นัมโดซาน (นัมจูฮยอก) เด็กนักเรียนที่ได้รับรางวัลอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เวลาผ่านไปทุกคนโตขึ้นและมีความฝัน เรียกว่าเป็นไฟฝันของหนุ่มสาวที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ ดราม่าซับซ้อนเกิดขึ้นพร้อมกับไฟในการทำงานที่ ลุกโชน

นัมโดซาน (นัมจูฮยอก) Start-up
ฮันจีพยอง (คิมซอนโฮ) Start-up

ซอดัลมีทำงานพาร์ตไทม์มากมาย และยังไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นพนักงานสักที นัมโดซาน เป็นเจ้าของบริษัท Samsan Tech แต่บริษัทไม่ประสบความสำเร็จ จนวันหนึ่งเมื่อเขาได้พบกับ ซอดัลมี ที่ถือว่าเขาเป็นรักแรก ทำให้เขาอยากเปลี่ยนความเข้าใจผิดของซอดัลมีให้เป็นเรื่องจริง วอนอินแจ เป็นประธานบริษัทของพ่อเลี้ยง แต่ไม่มีหุ้นแม้แต่วอนเดียวในบริษัท ทำให้ทั้ง 3 คนอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยการเริ่มต้นธุรกิจ Startup ที่ SAND BOX เหมือนกับ ฮันจีพยอง ที่เริ่มต้นทำธุรกิจStartupเพื่อหวังจะทดแทนบุญคุณ จนเป็นหัวหน้าทีมที่ SH Venture Capital และได้ชื่อว่า Gordon Ramsay แห่งวงการลงทุน

พล็อตดี บทเลิศ ทันสมัยและจุดไฟสุด ๆ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักธุรกิจ Startup ก็เล่าสั้น ๆ ว่ามันเป็นธุรกิจของคนมีไอเดีย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในด้าน IT ทำแอปพลิเคชัน หรือคิดค้นผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างที่เป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ นู่นนี่นั่น เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด อย่าง Facebook ก็ผ่านการเป็น Startup มาก่อน แล้วการเข้าไปใน Silicon Valley ก็เหมือนเราไปเปิดสมอง โชว์ของ เปิดแผนธุรกิจให้นักลงทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้น เลือกที่จะลงทุนให้เรา มีการแข่งขัน มีการผ่านด่านทดสอบ ประเมินความเสี่ยง ความน่าจะเป็นในการทำกำไร เราปั้นได้ไหม ซึ่งในบทซีรีส์ทำให้เราเข้าใจธุรกิจประเภทนี้ไว้ง่ายมาก ๆ เรียกว่าเคี้ยวให้แล้วพร้อมกลืนและย่อยกันเลยทีเดียว

ซีรีส์ใส่ดราม่าคำโตและความทันยุคทันสมัยเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ที่พ่อนางเอกมีไอเดียในการทำ Startup ตัดสินใจลาออกจากบริษัท มุ่งมั่นที่จะเสนอไอเดียให้นักลงทุนยอมทุ่มเงินให้ และมันกำลังจะสำเร็จ เขาซื้อแล้ว แต่ดราม่าร้าย ๆ ก็เกิดขึ้น ณ จุดนี้อิชั้นพูดในใจว่า อย่านะไม่นะ อย่าเป็นอย่างที่คิดนะ สงสารอาปามาก ๆ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ซีรีส์เกาหลีถ้าไม่มีดราม่าทำนองนี้มันไม่ขยี้ใจอ่ะเนอะ

Start-up กับความฝันของพ่อ

บทดำเนินต่อไปด้วยชีวิตบัดซบของซอดัลมีที่ต่างจากวอนอินแจพี่สาวลิบลับ จนเกิดอยากจะตบตาว่าเฮ้ย!! ชีวิตฉันก็ประสบความสำเร็จและมีความสุขมาก ๆ อยู่นะ การเลือกอยู่กับพ่อเป็นทางเลือกที่ถูกที่สุด โม้ไปเยอะว่ามีแฟน ก็นัมโดซานคนนั้นนี่ไง คนที่เขียนจดหมายคุยกันน่ะ ชีวิตฉันดีอยู่ย่ะ แถมยังรับคำท้าว่าจะควงคู่ไปในงานเกี่ยวกับธุรกิจที่พี่สาวบอกว่า ถ้าพูดจริงก็มางานนี้สิ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเจอนัมโดซานเลยสักครั้งเดียว ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ฮันจีพยองได้ตอบแทนบุญคุณย่า โดยตามหานัมโดซานมาให้ สวมรอยเป็นคนในจดหมาย ดราม่ารัก ๆ ก็เกิดขึ้นจ้ะเมื่อนัมโดซานปิ๊งซอดัลมีเข้าจริง ๆ จนอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำธุรกิจ Startup

สาระดีแบบจุดไฟฝัน

คาแรกเตอร์ซอดัลมีนี่จะเป็นคนที่ บ๊องไหมนะยังข้องใจอยู่ เอาเป็นว่านางเป็นคนที่ทำอะไรไม่แคร์สื่อ นึกจะนั่งหัวเราะที่ป้ายรถเมล์นางก็ทำ ส้นรองเท้าหักก็เดินต่อไปได้ เรียกเสียงฮาได้เยอะอยู่ เป็นคนเก่ง หัวดี มีภาวะผู้นำแต่อับโชค มาเจอกับนัมโดซานที่เก่งทางด้านพัฒนาโปรแกรม ไอคิวสูง แต่ซื่อบื้อขวางโลกและขาดภาวะผู้นำ แต่ด้วยความหล่อมาก ๆ น่ารักเยอะ ๆ และซื่อจริง ๆ ป้าข้างบ้านพร้อมให้อภัยเสมอค่ะ ฮ่า ๆ .. สองคนนี้เรียกเสียงหัวเราะออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ เป็นตัวแทนที่จะบอกเราได้ชัด ๆ เลยว่า คนเราไม่มีใครเพอร์เฟกต์ คนที่เห็นว่าเก่งกาจอาจด้อยในบางเรื่องและคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อาจเป็นเพราะเขาขาดโอกาสในการแสดงศักยภาพก็เป็นได้

Start-up

สาระเรื่องนี้บอกเลยว่าพร่างพราว รุ่มรวยไอเดีย เรียกว่าเป็นไอเดียและไฟในทรวงที่พร้อมจะโชติช่วงก็ว่าได้ เป็นความฝันที่ปั้นออกมาให้เป็นจริงได้หากมีแผนการที่ดี ดูไปอย่างใช้สตินี่คือได้ความรู้ควบคู่กับความบันเทิงอย่างกลมกลืนเลยเชียวแหละ สามารถจุดประกายให้คนมีฝันอยากจะลองเป็นเจ้าของกิจการสักครั้งได้แบบใจฟู ๆ มีอารมณ์ว้าว ๆ กับหลาย Startup ที่ผ่านมาแล้ว และใส่บทให้พ่อนางเอกมั่ง พระเอกมั่ง เป็นต้นคิดเป็นนักพัฒนา มีความสำเร็จของกุนซือชั้นดีอย่างฮันจีพยองเป็นตัวอย่าง เป็นบทที่กลมกล่อมและสัมผัสได้แบบอินกันได้สบาย

อบอุ่น หลากอารมณ์

ซีรีส์ใส่ความอบอุ่นมาที่ พื้นฐานครอบครัวของแต่ละคนได้น่ารักและเข้าถึง ซอดัลมีถึงจะเติบโตมาด้วยฐานะที่ไม่ได้ร่ำรวยอู้ฟู่เหมือนฝั่งพี่สาว แต่ความอบอุ่นที่ได้จากย่ามันล้นเหลือ มีย่าซัพพอร์ทความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ความรักจากย่าที่เผื่อแผ่ไปถึงใครต่อใครที่ไม่รู้จัก ทำให้คุณภาพชีวิตที่เหมือนจะขาดแต่ก็ไม่ขาดซะอย่างนั้น มั่นใจเลยว่าทุกคนถ้าได้ดูแล้วจะหลงรักคุณย่าของซอดัลมีแน่นอน

คุณย่าของซอดัลมี
ความสัมพันธ์ต่างสายเลือดที่อบอุ่น

แม้กระทั่งความสัมพันธ์ที่น่าปลื้มใจระหว่างย่ากับฮันจีพยอง ต้องบอกว่าความรักฉันเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติของคู่นี้ ซาบซึ้ง น่ารักปนเฮฮาจนอยากดูซีนคุณย่ากับฮันจีพยองอยู่บ่อย ๆ และฮันจีพยองก็เป็นตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างน่าทึ่ง (คือฮีเป็นกำพร้า) หรือแม้แต่ครอบครัวของนัมโดซาน ที่พ่อแม่ตั้งความหวังแล้วตั้งความหวังอีก แต่ก็แป้กกับลูกชายคนเก่งไปซะทุกครั้ง ก็ถ่ายทอดออกมาได้อบอุ่น ให้ความรู้สึกแบบครอบครัวพื้น ๆ ตามสังคมครอบครัวของคนเกาหลี ความรักล้น ๆ มันออกมาจากบริบทของพ่อแม่อย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งวอนอินแจกับแม่ ก็ยังมีซีนความรักแบบกั๊ก ๆ ที่แม่มีต่อลูกให้เห็น จนเกิดมุมน่ารักน่ายิ้มมาทีละนิด

ลูกชายที่เป็นความหวังของครอบครัว

เท่าที่ดูมา 4Ep ตอนนี้บอกเลยว่าติดหนึบ ถือเป็นซีรีส์ที่สร้างขวัญกำลังใจกับคนที่อยากทำธุรกิจ Startup และจุดไฟที่อาจจะมอด ๆ ไปแล้วได้เลย มองอนาคตแล้วเห็นได้เลยว่ามันพลุ่งพล่าน นอกจากจะเอาใจช่วยให้พวกเขาผ่านไป อาจจะทำให้ใครหลายคนย้อนกลับมามองตัวเอง ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะลองกันสักตั้ง หรือลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยวิธีที่มีหลักการ มีแผน ยอมรับจุดด้อยจุดเด่นของตัวเอง แล้วมองหาใครสักคนมาช่วยเสริมเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของตัวเองได้จริง ๆ

Start-up

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ดูสนุกอย่างเดียวจริง ๆ ค่ะ แต่สามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตการทำงานต่อจากนี้ของตัวเองได้สบาย ๆ สาระมากมายอยู่ในนั้น แล้วไม่ได้ซ่อนไว้ซะด้วย เห็นกันชัด ๆ เลยแหละ แต่ไม่หนักเลยนะ เบาสบายมาก ๆ เป็นซีรีส์เรื่องหนึ่งที่ใช้คำว่ากลมกล่อม จะเอาอะไรล่ะ โรแมนติก อบอุ่น เฮฮา ดราม่า สาระประโยชน์ Startup เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว

Start-up

  • แนว : โรแมนติก คอมเมดี้ ธุรกิจ
  • กำกับ : โอชังฮวัน 
  • เขียนบท : พัคฮเยรยอน
  • จำนวนตอน : 16 ตอน
  • วัน-เวลาออนแอร์ : เสาร์-อาทิตย์ 20.00 น.

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส