ชื่นชมทีมผู้เขียนบทครับ ที่หาทางออกได้ฉลาด หลังจากไดโนเสาร์เพ่นพ่านบนจอมาแล้ว 3 ภาค จะทำอย่างไรให้ดึงคนดูกลับมาตื่นตาตื่นใจกับเหล่าไดโนเสาร์พวกนี้ได้ ปัญหาเดียวกันนี้ก็เลยถูกใส่ลงไปในพล็อตเรื่องด้วย ภาคนี้เนื้อหาตามหลังภาค 1 ไม่ได้ดูภาค 2 ภาค 3 ก็ดูภาคนี้รู้เรื่อง เมื่อสวนสนุกไดโนเสาร์ เป็นจริงขึ้นมาได้และเปิดมาแล้วถึง 20 ปี ความนิยมมาถึงขาลง คนมองเห็นไดโนเสาร์เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ทางทีมงานเลยเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ขึ้นมาที่ตัวใหญ่ขึ้น ดุร้ายและมีพิษสงขึ้น เพื่อดึงดูดคนดู ด้วยการเอายีนของไดโนเสาร์หลากหลายเผ่าพันธุ์มาผสมกัน ผลลัพธ์คือไดโนเสาร์ตัวใหม่ที่ชื่อ “อินโดมินัสเร็กซ์” แล้วก็ตามที่เห็นในตัวอย่างนั่นละครับ มันหลุดความสนุกก็เลยเริ่มขึ้น หนังเดินตามสูตรสำเร็จ เปิดเรื่องด้วยการโชว์ความสามารถของ2ตัวเอก โอเวน เกรดี้ พระเอกของเรื่อง ที่รับบทโดย คริส แพรตต์ (guardians of the galaxy) อดีตนาวิกโยธินที่มารับหน้าที่ดูแล แรพเตอร์ แล้วก็โชว์ความน่ากลัวของ อินโดมินัสเร็กซ์ แค่ครึ่งชั่วโมงก็พาทั้งคู่มาเจอกันหลังจากนั้นก็จัดเต็มไม่ให้ได้พักแล้ว
เป็นหนังที่ดูแล้วกราฟความสนุกตื่นเต้นวิ่งขึ้นตลอดตามสถานการณ์ความโกลาหลของเส้นเรื่อง และความสามารถหลากหลายของอินโดมินัสเร็กซ์ ที่ค่อยๆเผยออกมา โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันทำอะไรได้บ้างแม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ที่เพาะมันขึ้นมา หนังพาอารมณ์คนดูลุ้นตามไปจนถึงไคลแมกซ์ใน 10 นาทีสุดท้าย ที่จัดเต็ม จนรู้สึกว่า “เยอะไปนะ”
บทหนังเที่ยวนี้เป็นของคู่หูงานชุก ริค แจฟฟา และอแมนด้า ซิลเวอร์ ที่ก่อนหน้านี้ก็เขียน Dawn of the Planet of the Apes (2014), Rise of the Planet of the Apes (2011) แล้วยังได้เขียน avatar2-3 ให้เจมส์ คาเมรอน อีกด้วย ตลอด 2 ชั่วโมง บทหนังใส่สถานการณ์มาได้ต่อเนื่อง สร้างสรรค์ภาพบรรยากาศสวนสนุก จูราสสิค เวิลด์ออกมาได้น่าตื่นตา ลงรายละเอียดให้เห็นหลายโชว์ หลายเครื่องเล่น ชวนให้รู้สึกว่าอยากให้มีจริงถ้าได้ไปเที่ยวต้องสนุกมาก ไดโนเสาร์แต่ละสายพันธุ์ดาหน้าออกมาทักทายคนดูกันครบทั้งของใหม่ของเก่า ตัวละครยังคงมีการกระทำโง่ๆ ให้ได้เห็น แบบว่าถ้าตายก็ต้องบอกสมน้ำหน้า แต่ถ้าไม่มีบทแบบนี้ก็ไม่มีฉากลุ้นให้ได้ดูจริงๆ นะ สิ่งที่หนังขาดไปจากไตรภาคแรก คือบรรดาฉากตึงเครียดชวนลุ้นที่ทำได้เทียบเท่า ฉากหนีแรพเตอร์ในห้องครัวจากภาค 1 ฉากลุ้นกระจกรถแตกร่วงหน้าผาในภาค2 ที่สตีเวน สปิลเบิร์กกำกับเอง โชว์ให้เห็นความเหนือชั้นของทักษะผู้กำกับรุ่นเก๋ากับรุ่นใหม่ ภาคนี้ก็มีฉากชวนลุ้นนะครับแต่เป็นฉากสั้นๆ แต่มาบ่อยๆ ถึงแม้ไม่ได้กำกับเอง แต่หนังพะยี่ห้อ สตีเวน สปิลเบิร์กในฐานะผู้อำนวยการสร้าง แกก็ไม่ปล่อยให้เสียชื่อตัวเองครับ ยังลงมาคุมรายละเอียด ฉากรถไจโรสเฟียร์ที่2พี่น้องขับดูไดโนเสาร์ก็เป็นไอเดียของสปิลเบิร์กเอง
ฉากที่โชว์ไดโนเสาร์แบบใกล้จะๆ มองไม่เห็นความแตกต่างสมจริงที่ไปได้ไกลกว่า ผลงานของ สแตน วินสตัน มือสเปเชี่ยลเอฟเฟคท์ 4 ออสการ์เคยทำไว้ในภาค 1 แปลว่า 22 ปีที่แล้ว สแตน ก็พาไปถึงขีดสุดของงานสร้างภาพไดโนเสาร์ไปแล้ว (สแตน วินสตันยังเป็นคนสร้าง t1000 ใน terminator2:judgement day,edward scissorhands,aliens,predator สแตน วินสตัน เสียชีวิตไปแล้วในปี2008)
เป็นโอกาสใหญ่อีกครั้งของ ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด ลูกสาวคนสวยของผู้กำกับ รอน โฮเวิร์ด (a beautiful mind,the davinci code) ไบรซ์ เป็นดาราหน้าสวย เอกลักษณ์คือผมแดง เธอได้บทสำคัญในหนังทุนสูงบ่อยมาก the village(2004), lady in the water(2006), spider man3 (2007), Terminator Salvation(2009), twilight:eclipse(2010) แต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นแท่นดาราขายชื่อค่าตัวสูงเสียที บท แคลร์ รอบนี้ถือว่าเป็นบทที่ส่งเธอมาก เป็นตัวละครที่เด่นสุดในเรื่อง กล้องโคลสอัพหน้าบ่อย ได้โชว์อึ๋มเล็กๆ มากกว่านี้ไม่ได้เพราะหนังเรท pg-13 ต้องให้เด็กดูด้วย ก็เอาใจช่วยให้ดังซักทีนะ
เป็นหนังที่สนุกมากตลอดเวลา2ชั่วโมง และต้องดูในโรงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้อง 3D นะ ไม่มีอะไรพุ่งออกจากจอเท่าใดนัก
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ
- เผื่อคนลืมภาค 1 บุคคลที่ถูกเอ่ยถึงมากในภาคนี้คือ จอห์น แฮมมอนด์ ผู้ก่อตั้ง jurassic park และเสียชีวิตในปี 1997 ไซม่อน มาซรานี่ มาเทคโอเวอร์ในปี 1998 จอห์น แฮมมอนด์ รับบทโดย ท่านเซอร์ ริชาร์ดแอนเทนบอโรห์ เสียชีวิตไปแล้วในปี 2014
- ingen (International Genetics Incorporated, International Genetic Technologies) เป็นบริษัทที่บริหารจัดการสวนสนุก jurassic park ก่อตั้งโดยจอห์น แฮมมอนด์ ในภาคนี้เราจะเห็นว่า ingen ถูกลดขนาดเป็นหน่วยคอยดูแลเหล่าแรพเตอร์
- การเอาฉลาม มาเป็นอาหารป้อนไดโนเสาร์น้ำ เป็นไอเดียของผู้ำกำกับ โคลิน เทรวอโรว์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง jaws ของสปิลเบิร์ก โคลิน เทรวอโรว์ ยังเผยว่าเขามีไอเดียอีกเยอะสำหรับภาคต่อ
- สลับคนทำดนตรีประกอบ ไมเคิล เกียซชิโน เป็นมือทำดนตรีคู่หูขาประจำของหนัง เจ.เจ. อบรามส์ มาทำดนตรีประกอบในภาคนี้แทน จอห์น วิลเลียมส์ ที่ทำดนตรีให้ jurassic park ไตรภาคแรก แต่จอห์น วิลเลียมส์ ไม่ว่างเพราะไปทำดนตรีประกอบ starwars7 ให้ เจ.เจ. อบรามส์
- เจสัน สตาแธม,อาร์มี่ แฮมเมอร์,จอช โบรลิน,เฮนรี่ คาวิลล์ ถูกพิจารณาในบท โอเว็น เกรดี้ แต่แล้วสุดท้าย คริส แพรตต์ ก็ได้บทไป
- ห้องควบคุมสวนสนุก ทีมงานออกแบบอิงจากแบบห้องควบคุมของ นาซ่า
- บทภาพยนตร์ดั้งเดิม ยูนิเวอร์แซลเร่งทีมเขียนบทให้เสร็จภายใน3สัปดาห์ แต่สปิลเบิร์กอ่านแล้วไม่ผ่าน ให้ทีมงานกลับไปแก้ 4เดือนต่อมา สปิลเบิร์ก โอเคบทผ่านถึงได้เริ่มสร้าง