วันนี้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ได้ปล่อยอัลบั้มชุดใหม่ ‘Evermore’ อัลบั้มเต็มชุดที่ 9 ที่เธอซุ่มทำในช่วงเวลาเดียวกันกับ ‘Folklore’ นอกจากนี้สวิฟต์ยังได้ปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลงแรกของอัลบั้มที่เธอกำกับด้วยตัวเองซึ่งมีชื่อว่า ‘Willow’

เรื่องราวใน ‘Willow’ จะสานต่อการผจญภัยสุดแฟนตาซีต่อจากเอ็มวีเพลง ‘Cardigan’ ของอัลบั้ม Folkloreใน Cardigan สวิฟต์ได้ผจญภัยและได้ค้นพบกับทองคำในเปียโนของเธอ แต่ในครั้งนี้แทนที่จะเดินทางพบกับขุมทรัพย์ เธอกลับได้พบกับ ‘ชายในฝันของเธอ’ ที่รับบทโดย Taeok Lee แดนเซอร์หนุ่มที่ทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับเธอนั่นเอง ในยูทูบแชตก่อนปล่อยอัลบั้ม สวิฟต์ได้กล่าวถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของเรื่องราวในเอ็มวีเพลงนี้ไว้ว่า“ฉากหนึ่งในเพลงนี้เป็นตัวแทนความรู้สึกที่ฉันมีต่อชื่อเสียง” สำหรับสวิฟต์นั้นชื่อเสียงคือสิ่งที่ทำให้เธออยู่ภายใต้การจับจ้องจากผู้อื่น อันเป็นเสมือนกรงขังที่เธอมิอาจหนีออกไปได้ แต่ในเอ็มวีนั้นเธอได้พบกับทางออกจากมันและมีความสุขกับชายคนรัก  

สวิฟต์ถูกกักขังอยู่ในกรงของชื่อเสียง

ส่วนเนื้อหาของเพลง Willow นั้นก็ยังแสดงให้เห็นถึงฝีมือการเขียนเพลงที่คมคายของสวิฟต์เช่นเคยเหมือนกับใน Cardigan ที่เธอใช้เสื้อคาร์ดิแกนเป็นตัวแทนสื่อถึงครอบครัว เสียงดนตรี และ แฟนหนุ่ม Joe Alwyn ที่มอบความรักความอบอุ่นให้กับเธอในยามที่เธอเจอปัญหาฝ่ามรสุมชีวิตมา

คราวนี้ใน Willow เธอใช้ต้นวิลโลว์ (หรือต้นหลิว) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีใบปกคลุมลำต้นยาวดูลึกลับ แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับพลิ้วไหวเมื่อต้องกับสายลมเป็นภาพที่สวยงามเมื่อได้พบเห็น เธอจึงเปรียบเปรยว่าชีวิตของเธอนั้นเป็นดั่งต้นวิลโลว์ที่พลิ้วไหวเมื่อต้องกับสายลมจากชายหนุ่มคนรัก “Life was a willow and it bent right to your wind”  อันเป็นสายลมที่พัดโชยมาและทำให้เธออยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุข ส่วนเนื้อหาของเพลงโดยรวมนั้นเป็นการกล่าวถึงการที่ใครสักคนที่เราต้องการผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มาเป็นส่วนเติมเต็มที่งดงามที่สุดและเราก็ต้องการเขามากที่สุดและพยายามที่จะให้เขาเข้ามาอยู่ในชีวิตของเราด้วยเช่นกัน ดังเช่นท่อนที่กล่าวว่า “Like you were a trophy or a champion ring / But there was one prize I’d cheat to win” ซึ่งสวิฟต์ได้กล่าวถึงความหมายของบทเพลงนี้ไว้ว่า “Willow เป็นเพลงที่พูดถึงอุบาย ความปรารถนา และความซับซ้อนของการที่เราต้องการใครสักคน มันฟังดูเหมือนกับการที่เราร่ายมนตร์เพื่อให้ใครบางคนคนตกหลุมรักเรา”

The more that you say, the less I know

Wherever you stray, I follow

I’m begging for you to take my hand

Wreck my plans, that’s my man

ดูเอ็มวี Willow แล้วก็ไปฟังอัลบั้ม ‘Evermore’ กันต่อเลย ในอัลบั้มนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 15 เพลงรวมกับ 2 โบนัสแทร็กเป็น 17 เพลง ทีมศิลปินคุณภาพที่ร่วมงานกับเธอใน Folklore ก็ยังอยู่กันครบไม่ว่าจะเป็น Bon Iver, Aaron Dessner ที่คราวนี้ชวนเพื่อนร่วมวง The National มาแจมด้วย ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ 3 สาวอินดี้ร็อก Haim ที่เป็นแก๊งเพื่อนสาวของสวิฟต์ซึ่งพอได้ทำเพลงด้วยกันแล้วจะเป็นยังไงต้องไปฟังกัน !

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส