Wall Street Journal ได้รายงานข้อมูลแหล่งข่าววงใน โดยระบุว่าบริษัท MGM Holdings Inc. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Metro-Goldwyn-Mayer Studios Inc. อาจเตรียมขายสตูดิโอภาพยนตร์ ซึ่งจะรวมไปถึงแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง James Bond ด้วย

รายงานดังกล่าวระบุว่า MGM ได้ให้ษัทให้บริการทางการเงินระดับโลกอย่าง Morgan Stanley และ LionTree LLC มาให้คำปรึกษาในขั้นตอนการขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งบริษัท LionTree นั้น เคยร่วมงานกับ MGM มาก่อนแล้ว และถ้าหากอ้างอิงจากราคาหุ้นในตลาดปัจจุบันนั้น MGM ก็จะมีมูลค่าสูงถึง 5,500 ล้านเหรียญ (ประมาณ 165,600 ล้านบาท)

สำหรับผู้ถือหุ้นสูงสุดของ MGM นั้น คือกองทุนหลักทรัพย์ Anchorage Capital ของ Kevin Ulrich ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารของสถาบันการเงินระดับโลกอย่าง Goldman Sachs และยังเป็นประธานบอร์ดบริหารของ MGM ด้วย

Rocky
Rocky (1976) หนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอ่างสูงของ MGM

ในปัจจุบัน MGM มีภาพยนตร์ในครอบครองมากกว่า 4,000 เรื่อง และรายการทางโทรทัศน์อีกกว่า 17,000 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่นแฟรนไชส์ James Bond, Rocky, The Silence of the Lambs, Terminator และ The Hobbit รวมถึงซีรีส์ The Handmaid’s Tale และ Vikings ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังมี No Time to Die ซึ่งเป็นภาคล่าสุดในแฟรนไชส์ James Bond ที่ถูกเลื่อนฉายจาก 12 พฤศจิกายน 2020 ไปเป็น 2 สิงหาคม 2021 ด้วย

ภาพยนตร์ในยุคหลังของ MGM ที่ประสบความสำเร็จก็มี Skyfall ที่ทำรายได้ทั่วโลกถึง 1,100 ล้านเหรียญ พร้อมกับคว้า 2 รางวัลออสการ์ และ Creed ที่กวาดรายได้ไปทั่วโลกกว่า 173 ล้านเหรียญ

James Bond
Skyfall ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในแฟรนไชส์ James Bond

ทั้งนี้ เนื่องจากวิกฤติ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ได้ทำให้โรงภาพยนตร์ต้องปิดตัวลง ซึ่งกลายเป็นจุดหักเหให้บริการสตรีมมิงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สตูดิโอภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Warner Bros. ก็ได้ประกาศฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของตนอย่าง Dune, Godzilla vs Kong และ The Matrix 4 ผ่านบริการสตรีมมิง HBO Max ของตนเอง

และถ้าหาก MGM จะขายสตูดิโอจิรง ก็จะเป็นโอกาสให้บริษัทสตรีมมิงต่าง ๆ เข้ามาซื้อเพื่อขยายเนื้อหาจากแฟรนไชส์ระดับคุณภาพมากมายที่ MGM ได้ถือครองอยู่

ข้อมูลอ้างอิง : variety

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส