“ถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ละก็ เราต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ต้องตักตวงให้น้อย แต่แบ่งปันให้มากๆ…”

ไอเดียตั้งต้นของบทเพลง ‘Taking Less And Giving More’ บทเพลงภาษาอังกฤษจาก ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว และอัลบั้มภายใต้ชื่อเดียวกันนี้ เกิดจากการมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2020 อย่างการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปัญหาความแตกแยกจากความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา หรือว่า ความคิด ความเชื่อ รวมไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน แอ๊ด คาราบาว อยากทำเพลงที่สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นและสร้างบทเพลงเพื่อมอบความหวังและพลังให้กับโลกและผู้คนเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จึงตั้งใจที่จะทำบทเพลงออกมาเป็นภาษาอังกฤษเพื่อที่จะสื่อสารกับคนทั้งโลกที่กำลังประสบชะตากรรมร่วมกันจากวิกฤติทั้งหลาย

เมื่อคิดถึงการเขียนเพลงเป็นภษาอังกฤษบุคคลแรกที่แอ๊ด คาราบาวคิดถึงก็คือ ‘ทิวา สาระจูฑะ’ บรรณาธิการนิตยสารสีสัน และผู้ก่อตั้งรางวัลทางด้านดนตรี สีสัน อะวอร์ดส์ ผู้มากประสบการณ์และจับต้องเพลงสากลมาทั้งชีวิตที่เคยร่วมงานกันมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อนจากอัลบั้ม ‘ซึม เศร้า เหงา แฮงก์’ และ ‘เดินต่อไป’ ในนาม ‘ยืนยง โอภากุล และ สหายดนตรี’ มีผลพวงออกมาเป็นงานเพลงดี ๆ มากมาย อาทิ ‘เวลาที่เหลือ’ , ‘ที่สุดของคน’ ‘อีกไม่นาน’ และ ‘เจ็บเพื่อเข้าใจ’

การกลับมาร่วมงานกันในครั้งนี้เริ่มต้นจากหนึ่งบทเพลง แต่ต่อมาได้ขยายกลายเป็นอัลบั้มในที่สุด “Taking Less And Giving More” จึงกลายเป็นชื่อของอัลบั้มชุดใหม่ที่แอ๊ด คาราบาวโปรดิวซ์และเรียบเรียงดนตรีด้วยตัวเอง ประกอบไปด้วยบทเพลงภาษาอังกฤษล้วนทั้งหมด 7 บทเพลง แถมด้วยแทร็กพิเศษคือเพลง ‘เอาให้น้อย ให้ให้มาก’ ซึ่งก็คือเพลง ‘Taking Less And Giving More’ ในภาคภาษาไทยเพื่อให้ชาวไทยได้ซึมซับในความหมายและเจตนารมณ์ที่ส่งผ่านมาทางถ้อยความและเสียงดนตรีของบทเพลงนี้นั่นเอง

นอกจาก ทิวา สาระจูฑะ ผู้สร้างสรรค์เนื้อร้องภาษาอังกฤษแล้ว ‘สหายดนตรี’ ของแอ๊ด คาราบาวในครั้งนี้ยังประกอบไปด้วย ‘อาจารย์แดง กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน’ นักวิจารณ์ภาพยนตร์ระดับตำนานมาทำหน้าที่ผู้ตรวจทานถ้อยคำในภาษาอังกฤษและร่วมขัดเกลาถ้อยคำ เพื่อให้ได้ครบถ้วนทั้งเรื่องราวและภาษาเพลงที่สละสลวย ในภาคดนตรีได้ ‘โอ้ โอฬาร พรหมใจ’ มือกีตาร์เทพแห่งวงดิ โอฬาร โปรเจกต์ มาวาดลวดลายถ่ายทอดเสียงกีตาร์เพราะ ๆ ผ่านหลากอารมณ์ผสมลงไปในแต่ละบทเพลง ‘เอ็ดดี้ สุเทพ ปานอำพัน’ ยอดมือเบสแห่งวงซูซูและแผ่นดิน อีกทั้งยังมี ‘ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ’ หรือหมี คาราบาว กับ ‘อ๊อด อ่างทอง’ ร่วมด้วย ภูวกฤต นนท์ธนธาดา มือทำเพลงคู่ใจของแอ๊ด คาราบาว

ท่วงทำนองของบทเพลงใน ‘Taking Less And Giving More’ ถูกเรียงร้อยออกมาเป็นงานดนตรีคันทรีที่มีความนุ่มนวล ไม่มีโจ๊ะหรืออารมณ์สนุกสนานเหมือนงานดนตรีของคาราบาว แต่จะมีความลุ่มลึกและคมคายแบบสไตล์ ‘ทะเลใจ’ เพื่อสอดรับกับเนื้อหาที่ต้องการสร้างความหวัง กำลังใจ และแรงบันดาลใจในช่วงวิกฤติ อีกทั้งการที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษยังทำให้การฟังเพลงในอัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกเหมือนการได้ฟังเพลงคันทรีแบบสากลจริง ๆ

เปิดมาด้วยไตเติลแทร็ก ‘Taking Less And Giving More’ คันทรีบัลลาดสร้างความหวัง กำลังใจ และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ณ ห้วงขณะแห่งการเผชิญวิกฤติ บทเพลงเริ่มต้นด้วยการทำให้เราตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ว่ามันเป็นเสมือน เมฆหมอกแห่งความชั่วร้าย แผ่ขยายปกคลุมไปทั่ว และโลกใบนี้คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สิ่งที่เราได้ทำเอาไว้ทั้งการก่อสงครามและความมัวเมาในการสั่งสมเงินทองและสิ่งของเปรียบเสมือนศัตรูที่เรามองไม่เห็น ซึ่งนำมาสู่ภัยร้ายที่ทำให้เราได้พบในวันนี้ ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำในตอนนี้ก็คือเราต้อง ‘ตักตวงให้น้อย แต่แบ่งปันให้มาก’ ในช่วงท้ายของบทเพลงได้มีการกล่าวถึงเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นการตำรงตนด้วยการพึ่งตนเอง ไม่เน้นการสั่งสมอีกทั้งยังเอื้อต่อการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น เป็นการสรุปใจความสำคัญว่า ความพอเพียงนี่แหละคือทางออกที่เรากำลังตามหาและเป็น“ก้าวต่อไปของมนุษยชาติ”

ในยามใดที่เกิดปัญหา ‘มิตรภาพและความสามัคคี’ คือสิ่งสำคัญที่เป็นพลังในการก้าวฝ่าปัญหาวิกฤติไปด้วยกัน ‘Together’ บทเพลงท่วงทำนองสดใสสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ที่เผชิญกับวิกฤติต่าง ๆ ปลุกเร้าให้ทุกคนรวมพลังกันเป็นหนึ่งเพื่อที่จะอยู่เคียงข้างกันและกัน ด้วยความที่เป็นเพลงที่พูดถึงเรื่อง ‘มิตรภาพ’ เพลงนี้จึงมีศิลปินมาร่วมแจมด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บิลลี่ โอแกน, คณาคำ อภิรดี และ จ่าอากาศเอกธรรมรัตน์ อภิรดี  ที่มาร่วมร้องประสาน และมี สุวรรณ มโนษร มาร่วมเล่นไวโอลินเติมอารมณ์คันทรีอันอิ่มเอมใจให้กับบทเพลงนี้

‘ความพ่ายแพ้’ ใช่จะเป็นสิ่งที่แย่เสมอไป หากเรียนรู้ที่จะเป็น ‘ผู้แพ้ที่ดี’ นั่นแหละคือการเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่จะทำให้เรามีพลังในการก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางแห่งชีวิต ‘Good Loser’ พูดถึงการแพ้ให้เป็น ใช้อดีตที่ผ่านมาเป็นครู เป็นงานเพลงแฝงทัศนคติดี ๆ ที่เปลี่ยนมุมมองให้เรามองความพ่ายแพ้ในมุมใหม่ปลุกกำลังใจให้ไม่กลัวความพ่ายแพ้และเปลี่ยนมันให้เป็นพลังสร้างสรรค์ชีวิต

If you don’t want to lose

You’ve gotta improve your own way

If you wanna be a winner

You have the price to pay

ในยามที่ประสบปัญหาเรามักเปรียบเปรยว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาของความมืดมิด ในช่วงเวลาเช่นนี้แสงสว่างที่แทรกฝ่าความมืดเข้ามาคือความหวังและกำลังใจที่ดียิ่ง และแสงสว่างนั้นอาจเป็นใครสักคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างเราและวิ่งฝ่าความมืดนี้ไปด้วยกัน ‘You’re The Light’ บทเพลงอะคูสติกบัลลาดที่มาพร้อม picking กีตาร์สุดละมุน และท่อนโซโล tremolo สุดเท่จากโอ้ โอฬาร สัมผัสท่วงทำนองแห่งเพลงรักอันอ่อนหวานและน้ำเสียงที่นุ่มนวลของแอ๊ด คาราบาว บนบทเพลงที่นอกจากจะมาพร้อมกำลังใจแล้ว ยังมาพร้อมภาษาที่สวยงาม เหมาะกับการให้กำลังใจผู้คน ได้มีความหวัง มีพลังเข้มแข็งเพื่อที่จะก้าวต่อไป

You’re the light chasing darkness away

Your love pulled me out of the loneliness

Oh, I wish I could call you mine

Wish I could stay here ’till my curtain time (ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต)

บทเพลงสร้างแรงบันดาลใจและสำนึกรักในธรรมชาติ ‘For The Future (of Human Race)’ เปิดมาด้วยเสียงเริงร่าของเหล่านก แอ๊ด คาราบาวร้องไปบนท่วงทำนองอะคูสติกคันทรี ตอกย้ำและถามเราว่า เราจะใช้ชีวิตอย่างไรบนโลกที่เต็มไปด้วยสารพิษ เราจะหายใจได้อย่างไรบนโลกที่ไร้ต้นไม้ โลกในอนาคตกำลังมุ่งไปสู่ทิศทางนี้อย่างแน่นอนหากเราไม่ช่วยกันปกปักรักษาโลกของเราในวันนี้

‘My Song’ เป็นบทเพลงที่มีทั้งเนื้อหาและลูกเล่นลีลาที่น่าประทับใจ ในส่วนของเนื้อหาเพลงนี้เป็นเสมือนการถ่ายทอดอัตชีวประวัติของแอ๊ด คาราบาวผ่านบทเพลงอันไพเราะ เล่าเรื่องราวชีวิตการเดินทางบนเส้นทางสายดนตรี ตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงปัจจุบัน  

It’s always been my dream

Since I was very young

I’ve got rhythm in my ears

Strumming on guitars for years

Quitting my daytime work

I’ve known where I could stand

Music is the love of my life

I give it all the best I can

เป็นความฝันของฉันมาเสมอ

ตั้งแต่เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก  

เสียงดนตรีดังกึกก้องอยู่ในโสต

เกลากล่อมเล่นดีดกีตาร์นานนับปี

ลาออกจากงานประจำ

ฉันรู้ดีว่าที่ทางใดฉันควรยืนอยู่

ชีวิตฉันคือเสียงเพลงและดนตรี

สิ่งที่ฉันพร้อมทุ่มเทสุดกำลัง

ส่วนลูกเล่นลีลาที่น่าประทับใจนั่นก็คือการผสานเนื้อร้องภาษาอังกฤษของเพลงนี้ให้เข้ากับเนื้อร้องภาษาไทยของบทเพลงฮิตของคาราบาวได้อย่ากลมกลืน กลมกล่อม นั่นคือเพลง ‘ทะเลใจ’ และ ‘บัวลอย’ (ที่ดนตรีในท่อนนี้ได้ปรับเป็นสไตล์เร็กเกได้อย่างเก๋ไก๋)

ปิดท้ายด้วย ‘Hard to Say Goodbye’  บทเพลงสะท้อนอารมณ์แสนเศร้า เฝ้าคำนึงถึงเธอที่จากไป เป็นการนำเอาบทเพลง ‘อีกไม่นาน’ จากอัลบั้ม ซึม เศร้า เหงา แฮงก์ มาเรียบเรียงใหม่และใส่เนื้อร้องภาษาอังกฤษลงไปได้อย่างสวยงาม

สามารถฟังอัลบั้ม Taking Less and Giving More โดย ยืนยง โอภากุล และ สหายดนตรี ได้ทางออนไลน์หลายช่องทางทั้ง Spotify, Apple Music, Joox, TrueID Music และสามารถชมมิวสิกวิดีโอทุกเพลงได้ในช่องยูทูบ Carabao Official ส่วนซีดีอัลบั้ม Taking Less and Giving More ถึงแม้จะเลยช่วงสั่งจองไปแล้วแต่ก็ยังสามารถหาซื้อกันได้ครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส