[รีวิว] The Marksman : ดราม่ามากหน่อย แอ็กชันน้อยหน่อย

Release Date

04/03/2021

1h 48min

PG-13

Director: Robert Lorenz

Writers: Chris Charles, Danny Kravitz, Robert Lorenze

Stars: Katheryn Winnick, Liam Neeson, Teresa Ruiz

[รีวิว] The Marksman : ดราม่ามากหน่อย แอ็กชันน้อยหน่อย
Our score
6.0

the marksman : คนระห่ำ พันธุ์ระอุ

จุดเด่น

  1. พอแก้คิดถึงหนังแอ็กชันสไตล์เลียม นีสัน ไปได้บ้าง
  2. หนังเดินเรื่องได้น่าติดตาม มีเหตุการณ์ให้ชวนลุ้นได้เนือง ๆ

จุดสังเกต

  1. บทภาพยนตร์ไม่สามารถสร้างความรู้สึกผูกพันร่วมระหว่าง 2 ตัวละครหลักได้
  2. ฉากแอ็กชันน้อย อาจจะด้วยวัยของลุงเลียม นีสัน
  3. บทภาพยนตร์เต็มไปด้วยเหตุบังเอิญ
  • ตรรกะความสมเหตุสมผลของบทภาพยนตร์

    5.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    6.0

  • คุณภาพนักแสดง

    7.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    6.0

  • คุ้มเวลา คุ้มค่าตั๋ว

    6.0

https://www.youtube.com/watch?v=EsBvLjDFC88&ab_channel=MajorGroup
สนับสนุนเนื้อหาโดย

วันนี้ เลียม นีสัน ในวัย 69 ปี ก็ยังคงยืนหยัดในตำแหน่งพระเอกหนังแอ็กชันแถวหน้าของฮอลลีวูด และน่าจะเดินหน้าในเส้นทางนี้ไปจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว เพราะเท่าที่เห็นในเครดิตขณะนี้ หลังจาก The Marksman เรื่องนี้แล้ว ลุงเลียมมีหนังในอนาคตอีก 5 เรื่อง และ 3 ใน 5 เรื่องนั้นคือ หนังแอ็กชัน

เราจะได้เห็น เลียม นีสัน ในมาดพระเอกนักบู๊กันไปอีกนาน

ส่วนใน The Marksman นั้น เลียม นีสัน มาในมาดเดิม ๆ และเป็นมาดที่เราคุ้นตากับหนังแอ็กชันส่วนใหญ่คืออดีตทหารผ่านศึกที่หันมาใช้ชีวิตสงบด้วยการเป็นชาวไร่ แล้วสถานการณ์บังคับให้เขาต้องกลับไปพะบู๊อีกครั้ง และ จิม แฮนสัน บทของ เลียม นีสัน ในเรื่องนี้ก็มาตามแบบพิมพ์นิยมนี้เป๊ะ ๆ หนังแนะนำให้เรารู้จักลุงจิม เฮนสัน ว่าเป็นคุณลุงมากคุณธรรม ทำฟาร์มเลี้ยงวัวอยู่ในรัฐอริโซนา เมืองชายแดนเม็กซิโก ชีวิตมาตกระกำลำบากเอาในบั้นปลาย เมื่อเมียป่วยเป็นมะเร็ง ต้องเอาฟาร์มไปจำนองเอาเงินมารักษาเมีย แต่เมียก็ชิงตายไปทิ้งลุงจิมให้อยู่กับหมา 1 ตัวไปวัน ๆ ด้วยเหตุที่ว่าฟาร์มของลุงอยู่ติดชายแดนเม็กซิโก แกจึงเห็นพวกลับลอบเข้าเมืองบ่อย ๆ ซาราห์ลูกสาวลุงก็ทำงานเป็น ตม. แกก็คอยวอแจ้งลูกสาวให้มาจับพวกลับลอบเข้าเมืองอยูเนือง ๆ

เจค็อบ เพเรซ ในบท มิเกล

วิกฤตของเรื่องเริ่มต้นเมื่อลุงจิมเจอแม่กับลูกชายมุดรั้วข้ามแดนมา มีแก๊งค้ายา 3 คนไล่ตามมาติด ๆ ลุงจิมเห็นท่าไม่ดีมากั้นฉากระหว่างแม่ลูกกับชาวแก๊ง และปฏิเสธที่จะส่งมอบแม่ลูกให้กับชาวแก๊ง เกิดเหตุยิงปะทะกัน ลุงจิมยิงฝ่ายนู้นเดี้ยงไปคน ฝ่ายนี้ตัวแม่โดนลูกหลง จากนั้นเรื่องก็เดินไปตามพล็อตสุดฮิตที่คาดเดาได้เลย มิเกลเด็กน้อยวัยประมาณ 12 กลายเป็นภาระของลุงจิม ที่ต้องพากันระหกระเหินเดินทางไกลเพื่อพามิเกลไปส่งให้ญาติที่ชิคาโก แล้วก็ต้องหนีการตามไล่ล่าของแก๊งค้ายา ที่นอกจากจะตามตัวมิเกลแล้ว ยังมีความแค้นส่วนตัวกับลุงจิมอีกด้วย

ดูตามพล็อตแล้วก็น่าจะเป็นหนังไล่ล่าสุดระทึกอยู่หรอก แต่มาติดที่ว่าคนเขียนบทพยายามจะเพิ่มสัดส่วนของดราม่าให้กับหนัง ด้วยการขับเน้นความสัมพันธ์ต่างสายเลือดของลุงจิมกับมิเกลนี้ล่ะ มองในเรื่องด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวละครนี้ก็โอเคดีอยู่หรอก จากที่มิเกลตึงใส่ก็เริ่มลดกำแพง เปิดใจแล้วพูดคุยกับลุงจิมมากขึ้น แต่กลับไม่ได้รู้สึกอินไปกับความผูกพันของลุงหลานคู่นี้เลย แต่ถ้าเปรียบเทียบกัน กับแจ็กสันเจ้าหมาแสนรู้ของลุงจิม กลับมีซีนเท่ ๆ ได้ใจคนดูอยู่หลายครั้ง จนรู้สึกกังวลเป็นห่วงกับสวัสดิภาพของแจ็กสันอยู่หลายครั้ง

ฆวน พาโบล ราบลา รับบท เมาริซิโอ ตัวร้ายสุดโหดของเรื่อง

อีก 1 ตัวละครสำคัญก็คือ เมาริซิโอ บทของ ฆวน พาโบล ราบลา ในฐานะวายร้ายสุดโหดของเรื่อง ที่ปูที่ไปที่มาดีมาก คนดูได้เห็นความโหดของเมาริซิโอตั้งแต่ต้นเรื่องและตลอดทั้งเรื่อง ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา แม้ว่าฆวนยังไม่สามารถสร้างรังสีอำมหิตให้สัมผัสได้ แต่ก็พอทำให้เรื่องราวของหนังเดินหน้าไปอย่างมีสีสัน ทำให้ต้องตามลุ้นว่าลุงจิมกับหลานมิเกลจะหนีรอดเมาริซิโอได้พ้นหรือไม่

โรเบิร์ต โลเรนซ์ ขณะกำกับ เลียม นีสัน

แม้ว่าเส้นเรื่องจะเบสิคสุด ๆ แต่ก็เป็นสูตรสำเร็จที่ใช้ได้ผลกับหนังแอ็กชันที่ผ่าน ๆ มา ถ้าบทสามารถเพิ่มน้ำหนักตัวละคร ใส่รายละเอียดลงไปในเรื่องราวระหว่างทางได้แน่นและมีเหตุมีผลพอ แต่ประเด็นคือมันไม่เป็นอย่างนั้นนี่สิ บทภาพยนตร์ The Marksman เป็นงานเขียนร่วมกันของ 3 คน โรเบิร์ต โลเรนซ์ ผู้กำกับที่มาร่วมเขียนด้วย และ คริส ชาร์ล กับ แดนนี่ คราวิตซ์ พอกดดูเครดิตของทั้ง 3 แล้วก็โอ้ว ไม่เคยเขียนบทภาพยนตร์กันมาเลยสักคนเดียว เรื่องนี้คือผลงานประเดิมเรื่องแรกของทั้ง 3 คน ซึ่งตัวหนังมันก็ส่อให้รู้สึกได้ถึงความเป็นมือใหม่ของนักเขียนได้เลย เพราะเส้นเรื่องนั้นเต็มไปด้วยความบังเอิญซ้ำแล้วซ้ำอีก หนังเริ่มต้นด้วยความบังเอิญที่ลุงจิมไปเจอแม่ลูกคู่นี้ แล้วตลอดการไล่ล่าระยะทาง 2,6xx กิโลเมตร เมาริซิโอก็บังเอิญเจอลุงจิมได้อยู่หลายครั้ง แม้กระทั่งฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง ก็ยังเกิดขึ้นได้เพราะความบังเอิญ เขียน ๆ บทไป คงนึกขึ้นได้ว่าหนังยังขาดแคลนตัวละครหญิง ก็เลยต้องใส่ ซาราห์ ลูกสาวของลุงจิมเข้าไป ซึ่งไม่มีบทบาทความสำคัญกับหนังเลยแม้แต่น้อย เสียดายที่ได้สุดสวย แคตเทอรีน วินนิก นางเอกจากซีรีส์ Viking มารับบทแบบไม่มีอะไรให้จดจำเลย

แคตเทอรีน วินนิก ที่ไม่มีความจำเป็นกับเนื้อหาหนังเลย

ในขณะที่ชื่อหนัง marksman ที่แปลว่านักแม่นปืน ก็ไม่ได้มีการปูความที่มาที่ไปของลุงจิมเลยว่าแกมีฝีมือในเรื่องยิงปืนขนาดไหน เห็นแค่ฉากเปิดเรื่อง ที่แกยิงหมาป่าจากระยะไกลเท่านั้นเอง ถ้ามีการย้อนเล่าถึงวีรกรรมตอนที่ยังเป็นนาวิกโยธินก็จะได้ช่วยเพิ่มปูมหลัง ว่าฝีมือแกฉมังขนาดไหน ให้สมกับการที่หยิบความสามารถของแกในจุดนี้มาตั้งเป็นชื่อเรื่อง ทิ้งท้ายเสียหน่อยว่า ลุงจิมยังคงอยู่ในภาพลักษณ์ของพระเอกหนังแอ็กชันฮอลลีวูดที่มีความถึกทนดุจดัง เจสัน วอร์ฮี โดนเตะต่อย แทง ก็ยังคงแข็งแกร่ง 100% ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

สรุป The Marksman เป็นหนังแอ็กชันขายชื่อ เลียม นีสัน ที่พอดูให้หายคิดถึงได้ เรื่องราว 100 นาทีเดินหน้าไปอย่างน่าติดตาม ไม่น่าเบื่อ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีฉากไหน ให้ประทับใจ ดูจบแล้วก็ลืม ๆ ไป คุณภาพพอ ๆ กับหนังดีวีดี ถ้าไล่อันดับหนังไม่ควรพลาดของ เลียม นีสัน Marksman ก็อยู่ในอันดับท้าย ๆ ตารางนั่นแหละ พลาดไปก็ไม่น่าเสียดายครับ