[รีวิวซีรีส์] Mare of Easttown: ฆาตกรรมสุดพลิกผันในสัมพันธ์ซับซ้อน เดายากจนนาทีสุดท้าย

Release Date

18/04/2021

ช่องทางการรับชม

HBO Go

ความยาว

1 ซีซัน 7 ตอน

[รีวิวซีรีส์] Mare of Easttown: ฆาตกรรมสุดพลิกผันในสัมพันธ์ซับซ้อน เดายากจนนาทีสุดท้าย
Our score
9.0

Mare of Easttown

จุดเด่น

  1. บทที่ซับซ้อนลุ่มลึกคาดเดายากไปจนตอนจบที่บาดจิตบาดใจ การคัดเลือกนักแสดงที่เหมาะเจาะมามอบการแสดงชั้นดีตราตรึง และโปรดักชันระดับคุณภาพที่เสริมเรื่องได้ลงตัว

จุดสังเกต

  1. การเล่าแบบนิยายสืบสวนคลาสสิกอาจไม่ถูกโฉลกหลายคน แต่แนะนำว่าต้องเปิดใจ
  • บท

    9.5

  • โปรดักชัน

    9.0

  • การแสดง

    10.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    7.5

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    10.0

เรื่องย่อ: อีสต์ทาวน์เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ทุกหัวมุมถนนแทบรู้จักกันหมด แมร์ (Mare) ตำรวจหญิงผู้ผ่านบาดแผลแห่งชีวิตมาอย่างโชกโชนเองก็เป็นเหมือนศูนย์กลางของชุมชนแห่งนี้ และวันหนึ่งเมื่อเด็กสาวคุณแม่ลูกอ่อนที่อนาคตอีกยาวไกลเกิดตายลงอย่างเป็นปริศนา ทั้งคดีเด็กสาวที่หายสาปสูญไปก่อนหน้านี้ก็ยังเป็นชนักคาใจชาวชุมชนอีก แมร์จึงต้องคลี่คลายคดีให้ทันก่อนจะมีเหยื่อรายต่อไป พร้อม ๆ กับการรักษาความสัมพันธ์ของคนในชุมชนและแก้ปัญหาชีวิตส่วนตัวมากมายที่เปลี่ยนเธอเองไปไม่ต่างจากคนไร้หัวใจ

https://www.youtube.com/watch?v=5jnBIROdoms

ในแง่หนึ่งซีรีส์นี้ทำให้นึกถึงเรื่องราวของหนังอย่าง ‘Mystic River’ (2003) ของ คลินต์ อีสต์วูด (Clint Eastwood) ที่ผันร่างกลายเป็นซีรีส์ความยาว 7 ตอน ที่หนักแน่นไปด้วยการปูเรื่องราวความสัมพันธ์ของชุมชนเมืองอีสต์ทาวน์ที่ใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง

ในแง่หนึ่งมันสะท้อนภาพชุมชนนามธรรมที่อาจเป็นชุมชนใดก็ได้บนโลก อย่างน้อยอีสต์ทาวน์ก็แปรภาพเป็นสังคมไทยได้อย่างไม่น่าเชื่อในแง่หนึ่ง เมื่อคนรุ่นหนึ่งเป็นทั้งปัญหาและผู้พยายามแก้ไข ทั้งยังเผชิญปัญหาในชีวิตประจำวันมากมายที่เหมือนเล็กน้อยแต่ก็ร้าวลึก จนความสัมพันธ์ที่เกรงใจเพราะใกล้ชิดกันของชุมชนก่อตัวเป็นปัญหาที่ขัดขวางความจริงเอาไว้ การตายของหญิงสาวคนหนึ่งมาทำหน้าที่กระชากพรมที่ปิดทับซ่อนขยากไว้ ประกอบกับความหวังดีที่ผลลัพธ์เลวร้าย ก็เป็นเรื่องชวนคิดในสังคมโลกที่ทุกคนอยากเป็น ‘คนดี’ อย่างในทุกวันนี้

Mare of Easttown

พูดให้ถูกนี่คือความเก่งฉกาจและเป็นสากลในผลงานการเขียนบทและสร้างสรรค์ซีรีส์ของ แบรด อิงเกลสบี (Brad Ingelsby) มือเขียนบทและโปรดิวเซอร์ที่มีผลงานคุ้นตาสุดคือ Run All Night (2015) ที่จับ เลียม นีสัน (Liam Neeson) มาวิ่งไล่ล่าทั่วเมือง แต่กับเรื่องนี้ด้วยเวลาการเล่าเรื่องที่มากเพียงพอ และด้วยประสบการณ์ชีวิตที่กลั่นแน่นของอิงเกลสบี มันจึงกลายเป็นงานที่ไม่เพียงลุ้นระทึกและน่าสงสัยแต่ยังโยงใยเรื่องราวหลายชีวิตไว้ได้อย่างเข้มข้นและลึกซึ้ง

Mare of Easttown
แบรด อิงเกลสบี กับผลงานชิ้นโบว์แดง ด้วยอายุที่ยังไม่มากเขาเป็นนักเขียนที่น่าจับตามองอีกคนทีเดียว

ในขณะที่การกำกับก็ได้ เครก โซเบล (Craig Zobel) ผู้กำกับที่เคยประสบความสำเร็จจากเวทีประกวดอย่างเทศกาลซันแดนซ์มาแล้ว กับหนัง ‘Z for Zachariah’ (2015) ที่เข้าชิงรางวัลใหญ่ของเทศกาลในสายดราม่ามาแล้ว มาช่วยบันดาลการเล่าเรื่องด้วยงานภาพที่คุณภาพสูง โดยเฉพาะการจับอารมณ์ของตัวละครนั้นทำได้อย่างตราตรึงและไหลลื่น

ต้องยอมรับว่าสไตล์การเล่าเรื่องเหมือนนิยายสืบสวนแบบคลาสสิก น่าจะผลักไสผู้ชมรุ่นใหม่ใจร้อนอยู่ไม่น้อย การเดินเรื่องที่ไม่รีบเร่งแต่ยอมให้เวลาอย่างเพียงพอกับการสร้างพื้นหลังของเรื่อง มิติความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครผ่านการพาไปรู้จักคนทั้งเมืองผ่านสายตาตัวเอกอย่างแมร์นั้น ถ้าเปิดใจผ่านสัก 2 ตอนแรกไป จะพบว่าซีัรีส์กลับน่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ ในบางช่วงของหนังเราลุ้นกับเรื่องราวชีวิตของตัวละครมากเสียกว่าลุ้นในการตามล่าฆาตกรเสียด้วยซ้ำ นี่ยืนยันความสำเร็จในการเล่าเรื่องดราม่าให้สนุกได้อย่างดีเยี่ยม

Mare of Easttown

และการเขียนบทให้ใช้ตัวละครมากมายได้เป็นประโยชน์เกี่ยวเนื่องกันตลอดไปจนจบ 7 ตอนนี่ก็ไม่ธรรมดา ตามธรรมชาติของหนังสืบสวน ตัวละครที่โผล่มาย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีได้หมด ทว่าใน ‘Mare of Easttown’ ด้วยเส้นเรื่องชีวิตส่วนตัวของแต่ละตัวละครก็มีบทบาทในแง่การสืบคดีทางอ้อมด้วยกันทั้งสิ้น มันจึงคาดเดาตอนจบจริง ๆ ได้ยาก โดยเฉพาะตอนสุดท้ายของซีรีส์เรียกว่าพลิกไปมาหลักนาทีกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเหตุผลที่รองรับการกระทำของตัวละครมันก็เข้มแข็งพอให้เชื่อได้ทุกการเฉลยเลยด้วย ต้องยอมรับว่าบทแข็งแรงมากจริง ๆ

Mare of Easttown

ส่วนต่อมาที่ต้องยอมรับว่าคือกุญแจความสำเร็จของซีรีส์คือ บรรดานักแสดง ไล่ไปตั้งแต่ เคต วินสเลต (Kate Winslet) เจ้าของรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก ‘The Reader’ (2008) ที่ไม่เคยลดดีกรีความเก่งในการแสดงเลย ในซีรีส์นี้เธอสวมบทแมร์ หญิงสาววัยกลางคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งหย่าร้าง เสียคนสำคัญในชีวิตไปอย่างกะทันหัน การแบกรับความคาดหวังจากคนทั้งเมืองเพราะเธอคือความภาคภูมิใจของเมืองตั้งแต่สมัยวัยรุ่น แต่ในปัจจุบันเธอกลายเป็นพวกผ่านชีวิตโชกโชน ไม่ใสเดียงสาอีกต่อไป เธอขวานผ่าซากพร้อมจะเข้าไปทำลายบรรยากาศดี ๆ ได้ทุกที่เพื่องาน เธอกลายเป็นตำรวจสุดเก่งนิสัยห่าม ๆ ที่ชาวบ้านไม่อยากต้อนรับในยามมีความสุข แต่กลับสบายใจยามที่เธอมาช่วยในยามที่กำลังทุกข์

Mare of Easttown

ต้องคารวะวินสเลตจริง ๆ เพราะในตอนแรกเราอาจยังเห็นบนจอว่าเป็นดาราดังมากกว่าเป็นแมร์ แต่พอซีรีส์ผ่านไปสักพักเรากลับลืมไปแล้วว่าคน ๆ นี้คือ เคต วินสเลต ดาราดังคนนั้น เรากลับรู้จักสนิทสนมกับเธอในนามแมร์ไปเสียแทน บางฉากเรายังมองว่าเป็นวินสเลตไม่ออกด้วยซ้ำ นี่คือความสำเร็จสูงสุดของการแสดงที่ทำลายภาพจำของตัวเองกลายเป็นอีกคนได้อย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญการตีความการนำเสนอของตัวละครนี้ที่แข็งนอกอ่อนแออยู่ภายใน ก็ทำให้ทั้งน่าติดตาม น่าเอาใจช่วย และไม่ว่าเธอจะทำเรื่องแย่ ๆ สักเท่าใด เราก็เกลียดแมร์ไม่ลงจริง ๆ

Mare of Easttown

ยังมีนักแสดงเก่ง ๆ อีกหลายคนทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ที่เล่นได้ดี ทั้ง แองกูรี ไรซ์ (Angourie Rice) ที่คุ้นหน้าจากหนัง Spider-Man ชุดใหม่ และบางคนดีจนชิงรางวัลเอมมีสาขาการแสดงสมทบในปีนี้เสียด้วย อย่าง จูเลียน นิโคลสัน (Julianne Nicholson) ในบทเพื่อนสนิทที่ไม่มีวันโกหกของแมร์ และ อีแวน ปีเตอร์ส (Evan Peters) ที่สลัดภาพควิกซิลเวอร์จนขาดวิ่นมารับบทนักสืบหน้าใสได้อย่างน่าเชื่อ

Mare of Easttown

แต่ส่วนตัวขอชื่นชมเป็นพิเศษกับ จีน สมาร์ต (Jean Smart) ในบทคุณแม่สุดเซี้ยวของแมร์ ด้วยการแสดงที่การันตีรางวัลเอมมีมาแล้วถึง 3 ครั้ง เธอได้นำทักษะในซีรีส์แนวคอมเมดี้มาเติมรสชาติที่ไม่ขมจนเกินไปให้เรื่องมีจุดพัก ได้มีหัวใจของครอบครัวที่อบอุ่นให้ผู้ชมได้แอบอิงอยู่ การมีเธอบนจอทำให้เราดูซีรีส์นี้ด้วยความสบายใจได้มากจริง ๆ

Mare of Easttown

หากไม่นับเรื่องความไม่ฉับไวในการเล่าเรื่องที่เป็นความจงใจแล้วนั้น อาจต้องบอกว่าบีตของการเล่านั้นอาจดูวูบวาบไปตามบทดราม่ามากไปเสียกว่าบทของการสืบสวน แต่เมื่อเข้าส่วนของการสืบสวนก็เข้มข้นอยู่ไม่น้อย อย่างในตอนที่ 5 ของซีรีส์ก็สนุกและน่าตื่นเต้นในการพลิกผันของตัวละครอย่างมากขนาดที่ว่าทำคะแนนรีวิวของ IMDb ได้สูงที่สุดของทุกตอนที่ 9.4/10 ดังนั้นจะว่าไม่ตื่นเต้นเร้าอารมณ์ก็ไม่ได้เสียทีเดียวนัก แต่ที่คงต้องมีข้อเสียให้บ้างก็ตรงที่ว่าตอนสุดท้ายของซีรีส์นั้น บีตของการเล่ามันเปลี่ยนค่อนข้างไว เหตุการณ์พลิกผันกันหลักนาทีได้เลย เมื่อมองความละเมียดทางอารมณ์ที่ผ่านมาก็จะรู้สึกเครื่องมันเร่งไปนิด แต่ก็ติงไม่ได้มากเพราะอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าแม้จะเร่งจบเร่งเฉลย แต่บทมันแน่นจนไม่มีรูโหว่ให้รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ

Mare of Easttown

ใครอยากซึมซับงานดราม่าชั้นดี ที่มีคดีฆาตกรรมมาเชื่อมโยงให้ลุ้นเป็นระยะ ที่สำคัญได้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ที่ซับซ้อนซ่อนกลจนเดาไม่ออก อยากให้ลองเปิดใจรับชมเรื่องนี้ดูครับ

Mare of Easttown

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส