กว่าจะมาเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล และแจ้งเกิด จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Julia Roberts) หนังเรื่อง ‘Pretty Woman’ มาจากต้นฉบับที่เป็นดาร์กดราม่า หนังแคสต์นักแสดงชาย-หญิงที่จะมารับบทนำเกือบทั้งวงการ และชื่อเดิมของหนังเรื่องนี้คือ ‘3000’ (Three Thousand)

เจ. เอฟ. ลอว์ตัน (J. F. Lawton) นักเขียนบทเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักได้เขียนบทหนังเรื่อง ‘Three Thousand’ ที่เป็นดราม่ามืดหม่นเกี่ยวกับโสเภณีติดยาชื่อวิเวียน ได้พบกับเอ็ดเวิร์ดนักธุรกิจหนุ่มฐานะดีที่จ้างให้เธออยู่กับเขาหนึ่งสัปดาห์ และจบลงด้วยการทะเลาะกันของทั้งคู่ เอ็ดเวิร์ดไล่เธอลงจากรถในบริเวณริมถนนที่เขาพบเธอ และโยนเงินให้เธอ 3,000 เหรียญตามที่ตกลงค่าตัวกันไว้ นั่นคือฉากจบดั้งเดิมของหนัง

บทหนังเรื่องนี้ไปสะดุดตาผู้บริหาร Touchstone Pictures บริษัทที่อยู่ภายใต้สตูดิโอ Walt Disney และวาง แกรี่ มาร์แชล (Garry Marshall) มาเป็นผู้กำกับ หนังใช้เวลาควานหานักแสดงเป็นเวลานาน โดยบทนางเอกวิเวียน มีดาราดังที่มาแคสต์อย่าง เม็ก ไรอัน, วิโนนา ไรเดอร์, เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี, มอลลี ริงวาลด์, แมรี สตีนเบอร์เกน, ไดแอน เลน, มิเชลล์ ไฟเฟอร์, แดรีล ฮันนาห์ และเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ เป็นต้น แต่ทุกคนปฏิเสธบทนี้เพราะส่วนใหญ่รู้สึกว่าบทโสเภณีนี้ดาร์กเกินไป บ้างก็ยังอายุน้อยเกินไป มาร์แชลนึกถึงนักแสดงหญิงวัย 21 ปีที่มีผลงานอย่าง ‘Mystic Pizza’ และได้เข้าชิงออสการ์จาก ‘Steel Magnolias’ ที่ชื่อ จูเลีย โรเบิร์ตส์ และสุดท้ายเธอก็ได้บทนี้ไป (แม้ตอนนั้นดิสนีย์จะไม่ค่อยเชื่อใจกับดาราที่ยังไม่ค่อยดังคนนี้)

เมื่อได้โรเบิร์ตส์มารับบทวิเวียนแล้ว มาร์แชลก็ต้องหาพระเอกเอ็ดเวิร์ดด้วยการแคสต์ดาราชายหลายต่อหลายคน นับตั้งแต่คริสโตเฟอร์ รีฟ, แดเนียล เดย์-ลิวอิส, เควิน ไคลน์, เดนเซล วอชิงตัน, เบิร์ต เรย์โนลด์ส จนถึงอัล ปาชิโน มาร์แชลที่อยากได้ริชาร์ด เกียร์ มาแสดงตั้งแต่ต้น แต่ถูกเกียร์ปฏิเสธเพราะบทเอ็ดเวิร์ดเป็นคนเห็นแก่ตัวและดูไม่ค่อยดีนัก มาร์แชลตื๊อหนักด้วยการพาโรเบิร์ตส์บินไปหาเกียร์ที่นิวยอร์ก และเมื่อทั้งคู่พบกันครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตา เกียร์ยอมอ่อนใจจากการเกลี้ยกล่อมของโรเบิร์ตส์ที่เขียนโพสต์อิตให้เขาว่า “Please say yes” ขณะที่เกียร์คุยโทรศัพท์กับมาร์แชล

หนังเปิดกล้องถ่ายทำแบบงง ๆ และไร้ทิศทาง เพราะบทหนังเป็นดาร์กดราม่า แต่มาร์แชลพยายามจะใส่อารมณ์ขันเข้าไปตามคำสั่งของผู้บริหารวอลต์ ดิสนีย์ ที่อยากได้ ‘เทพนิยายรักสมัยใหม่’ หนังจึง ‘ถ่ายไป แก้บทไป’ และให้ลองเล่นหลาย ๆ อารมณ์ ถ่ายเผื่อไว้ทั้งดราม่าและคอมเมดี้ จนนักแสดงและทีมงานทุกคนเริ่มสับสน (หลายฉากที่เป็นภาพจำเกิดขึ้นแบบด้นสด เช่น ฉากที่เอ็ดเวิร์ดปิดฝากล่องเครื่องเพชรงับมือวิเวียน มาจากการเล่นสดของริชาร์ด เกียร์) แต่หนังก็เดินหน้าถ่ายทำไปเรื่อย ๆ จนปิดกล้อง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง

เมื่อหนังตัดต่อเสร็จและฉายให้ดูในรอบทดลอง ทุกคนชื่นชอบและไม่คิดว่าจากบทหนังที่เป็นดาร์กดราม่าจะกลายมาเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่สนุกและจบแบบแฮปปีเอนดิง เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก (Jeffrey Katzenberg) ผู้บริหารดิสนีย์ในตอนนั้นไม่ชอบชื่อ ‘3000’ ที่มาจากเงินค่าตัวในเรื่องเพราะฟังดูเหมือนหนังไซไฟมากกว่าโรแมนติกคอมเมดี้ และขอตั้งชื่อใหม่ว่า ‘Pretty Woman’ ตามชื่อเพลง “Oh, Pretty Woman” ของรอย ออร์บิสัน (Roy Orbison)

‘Pretty Woman’ เปิดตัวฉายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 23 มีนาคม 1990 และขึ้นอันดับ 1 บอกซ์ออฟฟิศติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และติดท็อปเท็นนานถึง 16 สัปดาห์ ทำรายได้รวมจากทั่วโลกไป 463 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 14 ล้านเหรียญ ที่สำคัญคือส่งให้จูเลีย โรเบิร์ตส์ ดังเป็นพลุแตก กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ฝ่ายหญิง และได้เข้าชิงรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้

‣ อ้างอิง
https://rb.gy/f8w1cv

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส