กว่า 536 วันแล้ว นับจากการเปิดตัวเหล่าสมาชิก BNK48 รุ่นที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2563

ไม่ว่าจะเป็นเมมเบอร์ หรือแฟนคลับทุกๆคน ต่างก็ตั้งตารอคอยวันที่เหล่าสมาชิก BNK48 รุ่นที่3 จะได้แสดงศักยภาพและความสามารถของพวกเธอที่ได้ฝึกฝนมาเป็นเวลายาวนาน ออกสู่สายตาสาธารณชนมาโดยตลอด 

แต่ทว่า….การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในประเทศไทย ทำให้กิจกรรมต่างๆของวง BNK48 รวมถึงการเปิดตัวของพวกเธอนั้นได้ถูกเลื่อนมาจากหมายกำหนดการเดิมหลายครั้ง 

จนกระทั่ง ในวันที่ 28 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ทางบริษัท อินดิเพนเด้นท์อาร์ทิสท์เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ I AM (ไอแอม)
ก็ได้ประกาศการจัดงาน debut ของ BNK48 รุ่นที่ 3 อย่างเป็นทางการ ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ ผ่านบทเพลงที่เป็นตัวแทนของพวกเธอที่มีชื่อว่า “First Rabbit”


“ครูปิ๋ม – เสาวณีย์ กาญจนโอฬารศิริ” ชิไฮนิน (ผู้จัดการวง) ของ BNK48 ให้สัมภาษณ์ถึงงานที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า

“ถ้าอัปเดตความพร้อมของน้องรุ่น 3 นะคะก็พร้อมจนไม่รู้จะพร้อมยังไง พร้อมมาก พร้อมมาตั้งแต่ปีที่แล้วคือเด็ก ๆ ทุกคนก็รอที่จะเจอกับแฟน ๆ แล้วก็มีการฝึกซ้อมที่เยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นตอนนี้คือพร้อมกว่าที่เราเตรียมตัวไว้มากค่ะ”

นอกจากนี้ “ครูปิ๋ม” ยังได้เสริมถึงสิ่งที่ทำให้ BNK48 รุ่นที่ 3 นี้มีความพิเศษแตกต่างไปจากรุ่นก่อน ๆ

“การที่น้องได้ผ่านเวทีของเธียร์เตอร์นี้จะทำให้แต่ละคนพัฒนาตัวเองไปในจุดที่สูงสุด แล้วก็ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด อย่างถ้าเกิดดูแค่ตอนซ้อมเราอาจจะเห็นแง่มุมที่แบบว่าได้ตามที่สอนมาเฉย ๆ แต่พอขึ้นเธียร์เตอร์มันจะมีประสบการณ์อื่น ๆ สายตาของแฟนคลับ หลาย ๆ อย่าง ทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่พร้อมที่จะกล้าออกไปเจอผู้คนเยอะ ๆมากมายได้”

กัปตันวง BNK48 “เฌอปราง อารีกุล” ผู้ที่ได้มีส่วนกับการฝึกซ้อม และเป็นโปรดิวเซอร์ให้เสตจ “Ganbare! Kengkyuusei!”  ของเหล่าเทรนนีวง BNK48 ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า

“เต็ม 10 ให้ 100 เลยค่ะ คือวันนี้ต้องบอกว่าเป็นวันที่เฌอมาดูแล้วก็รู้สึกว่า น้องพัฒนามาจากวันแรกเยอะมาก ๆ มีความเจนเวทีกันเยอะมาก ๆ ค่ะ เพราะว่าตอนแรกก็กังวล คือน้องร้องเต้นได้แล้ว แต่เรื่องประสบการณ์บนเวที ในช่วงวันแรก ๆ ที่ขึ้นเสตจ แค่เหลือความเจนเวทีเท่านั้นจริง ๆ คือเราเป็นคนที่ชอบดูสเตจมาก เรียกว่ามาดูทุกอาทิตย์ ถ้าเกิดไม่ติดอะไร ก็มาดูมาช่วยน้อง ๆ ซ้อม จนแบบถึงจุดนี้แล้ว แบบ … เอางานไป เอาอีเวนต์ไป พร้อมแล้ว รู้สึกภูมิใจนะ เพราะ MC และทุกอย่างก็ได้หมดเลย ก็เลยรู้สึกว่าดีใจ และภูมิใจมาก ๆ  เฌอก็รู้สึกว่าเสน่ห์ของน้อง ๆ รวมทุก ๆ รุ่นมา แล้วก็กลายเป็นตัวของตัวเองแล้ว ยังไงก็ฝากติดตามน้องด้วยนะคะ

คือน้อง ๆ รุ่น 3 ในตอนนี้ ถือว่าเก่งกว่าวันแรกที่เห็นจริง ๆ ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยการซ้อมที่ไม่ปกติ คือน้องเริ่มด้วยการซ้อมออนไลน์ เพราะว่าอยู่ในช่วงโควิด แล้วกว่าที่จะมาเจอ มารวมตัวกัน กว่าจะซ้อมขึ้นสเตจ กว่าจะเข้าบล็อกกิ้งได้ ก็เลยรู้สึกว่า จริง ๆ เวลาซ้อมแบบเจอตัวกันไม่ได้เยอะขนาดนั้น เพิ่งมาเริ่มเมื่อต้นปีที่แล้วเอง กว่าจะได้มาเจอกัน ก่อนหน้านั้นก็เป็นออนไลน์มากกว่า ก็รู้สึกว่าเป็น challenge จริง ๆ ที่น้องสามารถพัฒนามาได้ขนาดนี้ ในระยะเวลาเพียงเท่านี้เอง”

“ปาเอญ่า” หนึ่งในสมาชิก BNK48 รุ่นที่ 3 บอกเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอได้รับจากการขึ้นเสตจเธียเตอร์ที่ผ่าน ๆ มา  

“ก็ต้องบอกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากที่ได้ฝึกซ้อมในเธียเตอร์ก่อนที่จะออกไปพบเจอกับคนข้างนอก เพราะว่าเราได้ฝึกก็แบบว่าเราต้องส่งสายตายังไงหรือว่าทำ Performance ยังไงให้มันคลิกกับตัวเรามากที่สุดแล้วแฟนคลับเขารู้สึกชอบมากที่สุด” 

หลังจากที่สมาชิก BNK48 รุ่นที่ 3 ได้รับชม “Teaser ประกาศวัน Debut อย่างเป็นทางการ” แบบเซอร์ไพร์สกันพร้อมหน้าช่วงท้ายของเสตจไปแล้ว “ฮูพ” ได้กล่าวถึงความรู้สึกของเธอสำหรับวันสำคัญที่ใกล้เข้ามาทุกที

“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากเลยที่ใกล้จะได้เดบิวต์แล้วก็มีsingle 11 ด้วยค่ะก็หวังว่าทุกคนจะตั้งตารอน้องใหม่อย่างพวกเรานะคะ”

“มีน” เด็กสาวอายุ 14 ปี กล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม 

“หนูก็รู้สึกดีใจที่ได้ส่งมอบความสุขให้แฟน ๆ ต่อจากรุ่นพี่ แล้วก็เป็นการเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงของพวกเราแล้วนะคะ ก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดค่ะ”

“ก็อยากฝากให้ติดตามพวกเราด้วยนะคะ ก็เป็นเพลงแรกของพวกเรารุ่น 3 เลยที่แบบว่าเต็มที่มาก ๆแล้วก็ หลังจากที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วดูเพื่อนๆก็น้ำตาไหลตามค่ะ เพราะว่ามันได้เห็นถึงความพยายามที่พวกเราพยายามกันจริง ๆ ค่ะ”  

แสดงให้เห็นถึงความประทับใจของ“ยาหยี”และความมุ่งมั่น ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

และ“ป๊อปเป้อ”พี่สาวคนโตของรุ่น ก็ยังได้เปิดใจถึงสิ่งที่ทำให้พวกเธอยังสู้ต่อมาตลอดจนถึงวันนี้ แม้จะต้องรอคอยมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก

“สำหรับหนูมันคือความหวังค่ะ ที่วันหนึ่งเราจะได้ไปอยู่จุดเดียวกันกับรุ่นพี่ที่เราชื่นชอบอยู่ค่ะ หนูคิดว่าทุกคนก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน”

และนอกไปจากนั้นก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยประคองความรู้สึกพี่สาวคนนี้ไว้ด้วย

“จริง ๆ ก็คิดว่า แต่ว่ามันจะนางเอกเกินไปไหม เรามีกันและกันค่ะ  แบบว่าเราให้กำลังใจกันตลอด อยู่ด้วยกัน เราอยู่หอด้วยกัน มีอะไร หรือเจอเรื่องอะไรมาก็จะพุ่งใส่เพื่อนได้ทันทีเลย เพราะฉะนั้นกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราอดทนรอมาจนถึงตอนนี้”

“เอิร์น” พี่สาวคนรองเสริมขึ้น จากมุมมองของตนเอง


“คิดถึงวันแรกที่เข้ามา วันแรกความฝันของหนูคืออยากที่จะเป็นคนที่อยู่บนเวที อยากให้ความสุข อยากเต้น อยากร้อง เหมือนที่พี่ๆ เขาทำกันค่ะ 2 ปีแล้วที่เราเข้ามาเป็น BNK และระหว่างทางคือไม่รู้จุดหมายเลยว่าวันไหนที่จะได้เดบิวต์ วันไหนที่คนอื่นจะรู้จักเรามากขึ้น แต่ว่าวันนี้รู้แล้ว และในระหว่างทางที่ท้อกลับไปคิดถึงวันแรกเสมอว่าวันนั้นเราคิดอะไรอยู่ ทำไมเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้ วนไปคิดก็ยังอยากทำเหมือนเดิมอยู่นะ”

นอกจากความผูกพันกันระหว่างเมมเบอร์รุ่นที่ 3 กันเองแล้ว กับรุ่นพี่  BNK48 และ CGM48 ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในกำลังใจในความเห็นของ ”เฟม” แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่คอยเป็นแรงผลักดันชั้นดีให้กับเธอด้วยเช่นกัน

“กำลังใจที่สำคัญที่สุดคือ แฟนคลับของ BNK48 ทุก ๆ คนให้กำลังใจเราอย่างดีตลอดการซ้อมมาตลอด มีส่วนร่วมที่ทำให้พวกเรามีแรงสู้ ๆ จนถึงตอนนี้ค่ะ ก็ดีใจมาก ๆ และขอบคุณเมมเบอร์รุ่น 3 ที่ยังอยู่ด้วยกันนะ”

และสุดท้ายกับ ”อีฟ” เจ้าของเสตจวันเกิดที่พึ่งจบไปหมาด ๆ ได้ฝากส่งท้ายถึงทุกคนว่า


“สิ่งสำคัญเลยก็คือทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน พวกเราก็เลยเข้าใจกันและคอยให้กำลังใจทุก ๆ ครั้งที่ที่มีคนนึงเศร้า คนเสียใจ ทุกคนก็จะเข้าใจกันอย่างดี ทุกคนเป็นกำลังใจให้กันตลอด และมีแฟนคลับเป็นบุคคลสำคัญที่คอยให้กำลังใจพวกเราในทุกๆเรื่อง และคอยอยู่กับเราตลอดเวลาเลยค่ะ และก็อยากจะให้ทุกคนอยู่กับ BNK48 ไปนาน ๆ และ BNK48 จะเป็นความสุขให้กับแฟนๆทุกๆคนได้นะคะ ยังไงก็ฝาก พวกเรา BNK48 รุ่น3 ด้วยนะคะ”

อีกเพียงไม่กี่วัน เราทุกคนก็จะได้ฟังเพลง First Rabbit กันอย่างแน่นอนในงานเปิดตัวครั้งนี้ และมารอดูกันว่า เพลงนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวกลุ่มนี้ BNK48 รุ่นที่ 3 ในแง่มุมไหนกันบ้าง
เตรียมพบกับความสดใสของพวกเธอกันได้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 นี้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส