หากพูดถึงการ์ตูนไทยในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีเนื้อเรื่องชวนติดตามในยามนี้ คงหนีไม่พ้น “วันทองไร้ใจ” และ “ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม” ของค่ายไลน์เว็บตูน (LINE WEBTOON) ที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ในหมู่ผู้อ่าน เพราะสามารถสร้างความรู้สึกอินตามที่เจือไปด้วยไทยสไตล์แบบเต็มแมกซ์ การนำเอาเรื่องที่รู้จักกันดีมาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย มีการตั้งคำถาม สร้างเรื่องราวให้ฉุกคิดมากกว่าเดิม ในฐานะคนอ่านที่มีอายุขึ้นต้นด้วยเลขสามอย่างเราก็ยังแอบอดรู้สึกว้าวด้วยไม่ได้ หรือนี่จะเป็นตัวแทนของการ์ตูนไทยยุคใหม่ที่จะปฏิวัติการ์ตูนกระแสหลักในไทย พร้อมขึ้นแท่นเบียดแข่งการ์ตูนนำเข้าที่ครองตลาดบ้านเรามาเนิ่นนานเสียที!

มังงะสเตปสู่เว็บตูนหลากสีสัน

ในอดีต เรี่ยวแรงใหญ่ของวงการการ์ตูนแนวคอมมิกที่ขับเคลื่อนนักอ่านในบ้านเรา มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ญี่ปุ่น หลายคน (รวมถึงเราด้วย) จึงเติบโตขึ้นมาด้วยการหล่อหลอมจากอนิเมะและมังงะจากพี่ยุ่นนานาเรื่อง แน่นอนว่าเรื่องราวเล่านั้นเป็นสิ่งดลใจนักเขียนการ์ตูนไทยให้ผลิตผลงานที่มีไทยสไตล์ออกมาบ้าง แต่ด้วยข้อจำกัดของงานพิมพ์ ทำให้มีเรื่องไทยอยู่เพียงไม่กี่เรื่องที่สร้างกระแสขึ้นมาได้

ต่อมา เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ข้อจำกัดในหน้ากระดาษถูกทลายด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล สิ่งที่เราเห็นตามมาคือการ์ตูนหลากหลายสัญชาติได้มีโอกาสแพร่กระจายเข้าสู่เมืองไทยมากขึ้น และนี่ก็เป็นโอกาสของการ์ตูนไทยเช่นเดียวกัน

หากใครยังคงติดตามอ่านการ์ตูนอย่างต่อเนื่อง เราคงต้องยอมรับว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ประเภทเว็บตูนจากเกาหลี ที่มีรูปแบบการอ่านเลื่อนขึ้นลงต่างจากขนบการอ่านการ์ตูนแบบเดิม ๆ ที่อ่านจากซ้ายไปขวา (ในประเทศเรา) และขวาไปซ้าย (แบบญี่ปุ่น) กำลังสร้างความคุ้นชินแบบใหม่ในทั้งนักอ่านรุ่นใหม่และรุ่นเก๋า ฐานการอ่านที่ขยับขยายไปนี่เองที่เป็นตัวเร่งให้การ์ตูนไทยที่อยู่ในแพลตฟอร์มดังกล่าวมีโอกาสผ่านตาผู้อ่านมากขึ้น

เว็บตูนที่มีลักษณะการอ่านเลื่อนขึ้นลง
สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้อ่านที่นับวันก็ยิ่งใช้งานผ่านจอโทรศัพท์มือถือมากขึ้น

ประกอบกับโลกที่หมุนไปไว นักเขียน นักวาดที่เคยเป็นผู้อ่านมาก่อนในอดีตได้สั่งสมความคิด ทักษะ ภูมิความรู้ และประสบการณ์มาเต็มที่ เนื้อหาที่ถ่ายทอดลงสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ฉับไวอย่างเว็บตูน จึงก่อให้เกิดความนิยมในวงกว้างอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย แถมคงเพราะการที่ผู้อ่านสามารถมี “ฟีดแบก” หรือข้อคิดเห็นส่งตรงไปถึงผู้เขียนได้เร็วกว่าเดิม และยังสามารถบอกปากต่อปากผ่านโซเซียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นการโปรโมตเลี้ยงกระแสอย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย ดังนั้น เมื่อกลุ่มผู้อ่านได้เจอะเข้ากับคอนเทนต์ไทยที่ “ถูกจริต” อย่างจัง จึงเกิดความปังในระดับที่คนไทยด้วยกันเองก็ยังไม่คาดคิดขึ้นมา

เว็บตูนสไตล์ไทย ที่ยอดไปไกลเกินคาด

สำหรับคลื่นการ์ตูนออนไลน์ไทยสไตล์ลูกแรกที่สั่นสะเทือนวงการการ์ตูนในบ้านเราจัง ๆ คงหนีไม่พ้น “วันทองไร้ใจ” การ์ตูนที่นำเอาวรรณคดีชื่อดังอย่างขุนช้างขุนแผน มาดัดแปลงจับประเด็นเสียใหม่ แต่ยังคงมีพลังในแบบฉบับไทยสไตล์สูงทะลุเพดาน ชวนให้นึกถึง “พระอภัยมณีซาก้า” ในยุคก่อนที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหน้ากระดาษสร้างความฮือฮาในหมู่นักอ่านอยู่พักนึง 

แต่สำหรับ “วันทองไร้ใจ” นั้นต่างออกไป ด้วยการดำเนินเรื่องที่อาศัยพล็อตยอดฮิตติดเทรนด์อย่าง “อิเซไก” หรือ “การเกิดใหม่” จึงเปิดช่องให้ ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดความคิดความอ่านในแบบปัจจุบันลงไปในเรื่องได้อย่างแนบเนียน ทั้งยังมีลักษณะที่ชวนให้ผู้อ่าน ตั้งคำถามและคิดตามไปด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะอินเพราะมีพื้นความรู้เดิมเป็นพื้นแล้ว ก็ยังอินไปถึงขั้นความคิดอ่านของตัวละครด้วย เมื่อประกอบกับงานภาพสุดอลังการไม่มีแผ่ว เลยทำให้ “วันทองไร้ใจ” ที่ไม่ยอมลงเอยกับใครผิดกับต้นฉบับโดยสิ้นเชิงนี้ ประสบความสำเร็จและโดนใจผู้อ่านเป็นอย่างสูง (น่าคิดเหมือนกันว่า เนื้อเรื่องดั้งเดิมที่โด่งดังเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็น่าจะเป็นที่นิยมเพราะขนบแนวคิดของคนในยุคก่อนเช่นกัน ดังนั้น วันทองเวอร์ชันที่ปรับเปลี่ยนไปตามโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปแบบนี้ จะไม่โดนใจคนอ่านรุ่นนี้ก็ให้รู้กันไปสิ)

ลำพังเรื่องดังเปรี้ยงขึ้นมาเพียงเรื่องเดียวเราคงไม่อาจหาญมั่นใจได้ว่า นี่คือแบบฉบับของการ์ตูนไทยศักราชใหม่ หลังสร้างปรากฏการณ์มากว่าหนึ่งปี ไลน์เว็บตูนก็คลอดไทยออริจินัลคอนเทนต์เรื่องใหม่มาตอกย้ำข้อเท็จจริงนี้

“ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม” คือชื่อของเว็บตูนเรื่องนั้น และโดยชื่อก็เฟียสพอที่จะสื่อถึงทั้งความเป็นไทยแบบดั้งเดิม และแนวความคิดเกี่ยวกับเพศในยุคใหม่แบบตีหัวเข้าบ้าน

(อ่านต่อหน้า 2 คลิกด้านล่างเลย)

ส่งต่อเนื้อเรื่องเข้ม จัดเต็มความเป็นซอฟต์เพาเวอร์แน่น

หากวันทองไร้ใจคือการชี้ในเห็นความต่างระหว่างแนวคิดของคนสมัยก่อนกับคนยุคใหม่เกี่ยวกับสตรีเพศ และบทบาทเพศหญิงในไทย ท่านขุนฯ ก็คือการ์ตูนที่ขยับไปพูดถึงความหลากหลายทางเพศ ภายใต้ระบบการเมืองแบบเก่าที่เชื่อมโยงกับโลกในยุคใหม่

ซีนต่าง ๆ จากเรื่อง ‘วันทองไร้ใจ’

สิ่งที่น่าสนใจคือ ข้อเท็จจริงที่เรารู้ ๆ กันอยู่ว่า ไทยเรามีความแข็งแกร่งในคอนเทนต์สไตล์วายสูงมากกกก เรามีทั้งนิยาย ภาพยนตร์ ซีรีส์สายวายที่โด่งดังข้ามชาติอยู่หลายเรื่อง แม้การ์ตูนไทยในแพลตฟอร์มออนไลน์หลายเรื่องเองก็เริ่มโกยเงินจากตลาดวายนี้กันมากขึ้นทุกที

สำหรับในแฟลตฟอร์มไลน์เว็บตูน ในช่วงปีที่ผ่านมา ผลงานนักเขียนไทยที่มีผู้ติดตามสูงก็เห็นจะเป็น “ถูกใจนายติดนายที่รัก” ที่นำเสนอมากกว่าความวาย ขยายไปถึงรสนิยมและความหลากหลายทางเพศได้อย่างงดงามกินใจ ชี้ให้เห็นว่าเรามีคอนเทนต์วายที่แข็งแกร่งและยังพัฒนาไปสู่คอนเทนต์แนว LGBTQ+ ที่ลุ่มลึกมากขึ้นทุกที และนี่ก็คงจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่กรุยทางให้คนอ่านสายวายในไลน์เว็บตูนเข้าใจอะไรที่มากกว่าความรัก ความโรแมนติกในแบบฉบับการ์ตูนวายด้วย 

เมื่อนำแนวคอนเทนต์สุดแกร่งมาควบรวมกับเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ไทย ผสานกับเซตติงของเมืองไทยในสมัยก่อนที่ปราณีตในสไตล์ที่ดูสวยสดทันสมัย ก็ส่งผลให้ยอดผู้อ่านท่านขุนฯ ทะยานขึ้นชาร์ต แซงหน้าคอนเทนต์เกาหลีดัง ๆ ในแฟลตฟอร์มเดียวกันไปในทันที

หากมาพิเคราะห์ดู เราคนอ่านชาวไทย ลึก ๆ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนงานเขียนของคนไทยด้วยกันเองอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องไหนใส่เอกลักษณ์ชัด ๆ ให้รู้ว่าเป็นเรื่องไทย เรื่องนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะกดเข้าไปส่องดูได้โดยง่าย และหากเนื้อเรื่องเข้มข้น มีจุดจี้ใจแล้วละก็เรื่องนี้ก็จะดังปังจนฉุดไม่อยู่ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราจึงขอนำเรื่องย่อของ “วันทองไร้ใจ” และ “ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม” มาเทียบกัน 

เกิดใหม่เป็นนางเอกวรรณคดีที่เคยเรียนในแบบเรียน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความซวย โดนผู้ชายสองคนแย่งกันจนต้องโทษประหาร ด้วยข้อหา “หญิงสองใจ” …ทางเดียวที่จะหนีพ้น คือต้องหนีจากผู้ชายสองคนที่ว่าให้ไกล จะคนที่เรารัก หรือคนที่รักเรา “วันทอง” คนนี้ ไม่เอาทั้งสองคนนั่นล่ะ!!

เรื่องย่อจากเว็บตูนเรื่อง “วันทองไร้ใจ”

พริ้นซ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ผู้ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงหลังจากประกาศตัวว่าเป็น LGBTQIA+ แต่หลังจากประสบความสำเร็จอันสูงสุดในวงการได้ไม่นานนัก เขาดันตื่นขึ้นในร่างของชายแปลกหน้ารูปงามที่เป็น ท่านขุนในอดีตกาล

เรื่องย่อจากเว็บตูนเรื่อง “ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม”

แม้โดยโครงสร้าง “วันทองไร้ใจ” และ “ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม” จะเหมือนกันในแง่มุมที่พูดถึงเรื่องเพศ การกดขี่ทางเพศ การใช้อัตลักษณ์ไทยสไตล์ ซึ่งหาไม่ได้ในการ์ตูนสัญชาติอื่น มาเป็นแก่นของเรื่อง  รวมถึงการใช้พล็อตยอดนิยมในยุคนี้อย่างอิเซไก มาช่วยให้ผู้อ่านอินและรอลุ้นตามทุกสัปดาห์ แต่ทั้งสองเรื่องก็มีส่วนที่ต่างกันอยู่ 

“วันทองไร้ใจ” ชื่อก็บอกอย่างชัดแจ้ง ว่าใช้ตัวละครในวรรณคดีไทยมาเป็นพื้น ในขณะที่ “ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุดในสยาม” เราอาจกังขาตอนก่อนกดเข้าไปอ่านว่า “ท่านขุน” ไหนฟระ …โอเคถึงชื่อจะไม่เหมือนแต่ก็คล้ายบางคนในประวัติศาสตร์ ชวนให้น่าสนใจและติดตาม ทำให้เราอยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ตามไปด้วย นี่การ์ตูนไทยเราไปอีกขั้นแล้วเหรอนี่ แบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นหยิบที่ใช้ชื่อนักรบหรือพระเกจิชื่อดังมาสร้างเรื่องใหม่เลย และแม้ว่าจะนำเอาชื่อมาใช้ แต่คาแรกเตอร์และเรื่องราวเบื้องหลังคาแรกเตอร์นั้นก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เมื่อผสมโรงกับการปรับเซตติงของยุคสมัยและจินตนาการของผู้เขียน ก็ทำให้เรื่องนี้มีความเนียนกลืนให้ฟิลประหนึ่งเป็นประวัติศาสตร์จริงที่เราต่างเคยร่ำเรียนมาในวิชาสังคม จึงอินไปด้วยได้ไม่ยากเลย (ย้ำอีกครั้งมันไม่ใช่คนและประวัติศาสตร์จริงนะ อย่าเข้าใจผิดละ มีคำเตือนขึ้นทุกตอนอยู่ แต่ด้วยวิธีการเล่า ทำให้เราคล้อยตาม และอยากเอาใจช่วยได้ไม่ยากเลย)

ตัวเอกของเรื่องท่านขุนฯ เป็นดาราดังไทยที่หายตัวไปอย่างลึกลับ …ว่าแต่การหายไปของเขาคงจะเหนือคาดแฟนคลับ เพราะดันทะลุย้อนไปในอดีต แล้วเขาหายไปกลายเป็นใครกันล่ะ?

(อ่านต่อหน้า 3 คลิกด้านล่างเลย)

มองผิวเผินในจุดนี้ทั้งสองเรื่องอาจคล้ายกัน แต่ก็ต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะการที่นำเอาชื่อจริงมาสร้างใหม่นั้นมีแนวโน้มว่าจะสุ่มเสี่ยงมากกว่าการพาดพิงอิงเรื่องแต่งล้วน ๆ ขึ้นมา แต่จากกระแสที่มีในหมู่อ่าน ก็เป็นที่น่าดีใจว่า นักอ่านเองก็แยกแยะได้แล้ว ใครอยากรู้ว่าชื่อของตัวละครในเรื่อง ที่นายเอกย้อนกลับไปสิงร่างอยู่นั้นคล้ายชื่อของใครในประวัติศาสตร์ก็ลองนำชื่อไปกดเสิร์ชหาอ่านกันดู

กลวิธีแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ในมังงะของญี่ปุ่นหรือมันฮวาของเกาหลีเอง หลายครั้งก็มีการนำบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์มาตีความขึ้นใหม่ หรือบางครั้งก็เรียกได้ว่าหยิบยืมชื่อมาทำสร้างตัวตนใหม่ไปเลย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คนอ่านรู้สึกคุ้นชิน สนใจได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังทำให้ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นความรู้มาก่อนเกิดความสงสัย ไปค้นคว้าหาอ่านเรื่องราวของผู้ที่ถูกนำชื่อมาใช้ด้วย ถ้าอ่านวันทองฯ แล้ว ได้เจาะลึกและตั้งคำถามกับวรรณคดี อ่านท่านขุนฯ เองก็ช่วยให้เราสนใจประวัติศาสตร์ชาติไทยมากขึ้นได้เช่นกัน

นั่นสิ ชื่อ “พระไชยเชษฐ์” ฟังแล้วก็คุ้น ๆ จริงนะ ว่าไหม อ่านแล้วชวนอินมาก ๆ
ว่าแต่คล้ายใครในประวัติศาสตร์กันล่ะ ถ้าอ่านจบแล้วสงสัย ลองไปค้นคว้าเพิ่มเติมดูกันได้

ความปังปั๊วะอีกอย่างของท่านขุนฯ ซึ่งแตกต่างไปจากวันทองฯ คือการวางให้ตัวเอกในโลกปัจจุบัน เป็นดาราที่เอาชนะบาเรีย LGBTQ+ ในวงการบันเทิงด้วยการพิสูจน์ความสามารถจนสำเร็จ แต่นางกลับถูกส่งไปยังอดีตที่ซึ่งการเอาชนะเรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากกว่ามาก เป็นปมใหญ่ให้คนอ่านตามลุ้นอินพร้อมเอาใจช่วยไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว จนตั้งตารอการอัปตอนใหม่ทุกสัปดาห์ และทั้งที่เพิ่งลงไปเพียง 20 ตอน แต่คนเข้าชมก็ปาเข้าไปถึง 8.5 ล้านวิว เข้าไปแล้ว (อัปเดตวันที่ 17 กันยายน 2022) ยิ่งเป็นการการันตีความฮิตของเว็บตูนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

ละลานตา คุ้มค่าทุกการเปย์

นอกจากเนื้อหาและการวางคาแรกเตอร์ไว้แน่นหนา ก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ถ้าใส่ไทยสไตล์เข้าไปอีก ก็ต้องใช้ทั้งความอุตสาหะ ความประณีต ถวายวิญญาณกันอย่างเต็มแมกซ์ ไหนจะต้องทำการค้นคว้าหาข้อมูลให้ทุกรายละเอียดดูไม่หลอกตา และประดักประเดิดในสายตาคนไทยอีก เรียกได้ว่าคนวาดทั้งสองเรื่องนี้เองก็ต้อง “ลงใจ” กันไปอย่างสุด ๆ เลยทีเดียว

อวยกันมาขนาดนี้แล้ว ใครที่ยังไม่เคยอ่าน เคยยล เราแนะนำให้ไปลองตำกันได้เลย แล้วรับรองว่าคุณจะว้าวกับคุณภาพการ์ตูนไทยสองเรื่องนี้แน่ ๆ

คลิกลิงก์นี้ไปอ่านวันทองฯ >> https://shorturl.asia/cPnyQ

และถ้าอยากลองของแซ่บล่าสุด โปรดกดอ่านท่านขุนฯ >> https://shorturl.asia/rbysE


เป็นที่น่าคิดว่า หลังจากสองเว็บตูนไทยที่นำเอกลักษณ์ไทยมาใช้จ๋า ๆ แล้วปังเป็นพลุแตกแบบนี้ จะมีเว็บตูนใหม่อะไรต่อไปให้เราได้ว้าวกันอีกนะ แล้วจะได้โกอินเตอร์หรือได้ต่อยอดไปสู่ภาพยนตร์หรือ ซีรีส์ในอนาคตหรือไม่ (เห็นแฟน ๆ ในโลกโซเซียลเองก็อยากเห็นการทรานฟอร์มของสองเรื่องดังนี้กันสุด ๆ น่าจะมีแมวมองค่ายดังเล็ง ๆ อยู่บ้างละ) วงการการ์ตูนไทยมาไกลจนชักน่าติดตามขึ้นทุกทีแล้วสิ!

ขอบคุณภาพประกอบจาก LINE WEBTOON

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส