มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ผู้กำกับรุ่นใหญ่ระดับบรมจารย์ อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 60 ปี ผ่านงานกำกับมาถึง 70 เรื่อง มีผลงานขึ้นหิ้งมากมาย แต่ดูเหมือนว่าระยะหลังในวัยปลาย 70 นี่ ชื่อของสกอร์เซซีจะไปพัวพันกับเรื่องราวดราม่าอยู่บ่อยครั้ง ไม่แคล้วล่าสุดก็มีบทความในนิตยสาร The Critic ของอังกฤษ ออกมาวิพากษ์ผลงานของสกอร์เซซีด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า สกอร์เซซีนั้นคือ “อัจฉริยะที่ไม่มีความคู่ควร” ไม่ใกล้เคียงกับความเป็น “อัจฉริยะ” อย่างที่แฟนหนังยกย่องกันตลอดมา

เนื้อหาของบทความนี้ยังมีหลายประโยคที่โจมตีสกอร์เซซีด้วยถ้อยคำรุนแรง อย่างประโยคที่ว่า “สกอร์เซซีนั้นมักง่ายเพราะเขาเลือกที่จะกำกับแต่หนังมาเฟีย เพราะเป็นแนวที่มีผู้ติดตามอยู่แล้ว” บางประโยคก็เป็นกล่าวว่าร้ายโดยที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างประโยคที่ว่า “เขาเป็นผู้กำกับที่ไม่มีสตูดิโอไหนกล้าปฏิเสธข้อเรียกร้องของเขา เพราะสกอร์เซซีใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานหมดไปกับการรวบรวมเงินทุนมาสร้างหนัง”

หลังบทความนี้ถูกเผยแพร่ออกมา แน่นอนล่ะ ย่อมต้องสร้างความเดือดดาลต่อแฟน ๆ ที่เชิดชูผลงานของสกอร์เซซี แต่ทั้งหมดทั้งหลายก็ไม่มีใครตอบโต้แบบเต็มไปด้วยความรู้สึกรุนแรงได้เท่า กีเยร์โม เดลโทโร (Guillermo del Toro) ผู้กำกับออสการ์ชื่อดังแล้ว เดลโทโรออกมาแก้ต่างให้กับสกอร์เซซี ในแง่ที่ว่าสำหรับเขาแล้วสกอร์เซซีไม่เพียงแค่เป็นศิลปินตัวจริงเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคลากรที่ทุ่มเทอย่างมากให้กับวงการภาพยนตร์ เนื้อหาส่วนหนึ่งที่เดลโทโรทวีตมีดังนี้

“ผมเป็นคนที่แทบจะไม่ค่อยโพสต์อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่มีการโต้แย้งกันสักเท่าใดนัก แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีการสื่อสารให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่โตแล้ว เป็นเนื้อหาที่เขียนมาแบบลวก ๆ ไร้ข้อเท็จจริง ใช้ถ้อยคำที่มีแต่ความอคติ แถมยังไม่มีข้อมูลอ้างอิงอีกด้วย แฝงด้วยเจตนาที่ไม่ดีและรุนแรง พอมองออกว่าบทความนี้ต้องการดึงดูดความสนใจเรียกยอดผู้อ่าน แต่มันคุ้มค่าแล้วเหรอ ? “

“พูดกันให้ชัด ๆ ไปเลยนะ ถ้าสมมติว่าพระเจ้ามายื่นข้อเสนอกับผมว่า ถ้าผมต้องอายุสั้นลงเพื่อไปต่ออายุให้กับสกอร์เซซีได้ ผมนี่รับข้อเสนอเลยนะ ผู้ชายคนนี้เข้าใจในงานภาพยนตร์อย่างถ่องแท้ แล้วเขาปกป้องและเป็นผู้ร่วมก่อร้างสร้างวงการภาพยนตร์นี้ขึ้นมา เขาออกมาต่อสู้เพื่อรักษาไว้ให้ภาพยนตร์ยังคงเป็นงานศิลปะไม่ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมจนเกินไป และไม่เคยอ่อนข้อให้กับเรื่องเหล่านี้เลย”

เดลโทโรได้แสดงถึงความกังวลใจอย่างชัดเจนต่อบทความนี้ว่า ผู้เขียนนั้นไม่ได้พยายามมองผลงานของสกอร์เซซีด้วยความบริสุทธิ์ใจเลย งานเขียนของเขานั้นมันเหมือนกับการบ่นไปเรื่อย ๆ มากกว่าที่จะหยิบข้อเท็จจริงมาถกเถียงกัน

“เนื้อหาใจความของบทความนี้ก็เหมือนกับ การตำหนิว่าผลงานของ ปิกัสโซนั้นเขียนเปอร์สเปกทีฟที่ผิดสัดส่วน หรือว่าภาพเขียนของโกแกงนั้นก็ใช้สีฉูดฉาดจนเกินไป ถ้าคุณจะกล่าวโจมตีที่เปรียบเสมือนเสาหลักของวงการเช่นนี้แล้ว คุณควรจะแยกแยะรายละเอียดเป็นส่วน ๆ ไป ไม่ใช่เสนอความคิดเห็นส่วนตัวด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เดลโทโรออกมายกย่องเชิดชูสกอร์เซซี เมื่อปี 2019 ตอนที่หนัง The Irishman เพิ่งเปิดตัวนั้น เดลโตโรก็ทวีตชื่นชมหนังว่านี่คือผลงานมาสเตอร์พีซของสกอร์เซซีขนาดนั้นเลย
“สกอร์เซซีนั้นได้เปลี่ยนตำนานหนังแก๊งสเตอร์ให้กลายเป็นเรื่องราวอันน่าสลดใจได้อย่างน่าทึ่ง”

สำหรับแฟน ๆ ที่รอคอยผลงานเรื่องต่อไปของ กีเยร์โม เดลโทโร ปลายปีนี้เขาจะมี “Pinocchio” ในรูปแบบสต็อปโมชัน สตรีมมิงทาง Netflix ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้แล้ว แต่หนังจะเปิดรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนัง BFI ที่กรุงลอนดอนสัปดาห์นี้

ที่มา ที่มา