อย่างที่ทราบกันดีว่าหนึ่งในธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองสวนทางกับสถานการณ์เศรษฐิจทั่วโลกก็คือธุรกิจทีวีสตรีมมิง ที่เติบโตอย่างมากในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก แม้ว่าหลาย ๆ ค่ายหนังและบรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่จะกระโดดมาร่วมวงสงครามสตรีมมิง แต่ก็ยังห่างไกล NETFLIX รายแรก ๆ ที่บุกเบิกในธุรกิจนี้ ที่วันนี้ก็เหยียบคันเร่งหนีเบอร์ 2 อย่าง Disney+ แม้ว่าเพิ่งเปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด ไล่จี้เข้ามาในทุกขณะ เพราะมีพระเอกอย่าง The Mandalorian และ WandaVision 2 ทีวีซีรีส์ที่ดึงดูดผู้สมัครใหม่ได้เป็นอย่างดี นับเป็นจุดแข็งของ Disney+ ส่วน NETFLIX ก็มีซีรีส์ฮิต ๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง และออกเรื่องใหม่แทบทุกสัปดาห์ นับเป็นจุดแข็งของตัวเอง ในวันนี้ Disney+ มีจำนวนสมาชิกแล้ว 86.8 ล้านราย ในขณะที่ NETFLIX พ้นหลัก 200 ล้านรายไปแล้ว

ไซมอน เมอร์เรย์ นักวิเคราะห์ทีวีดิจิทัล

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของ NETFLIX ก็คือราคาสมาชิกรายเดือนที่ถูกปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 7 ปีมานี่ NETFLIX ปรับราคาสมาชิกมาแล้ว 3 ครั้งในปี 2012, 2016, 2019 เพิ่มขึ้นครั้งละ 2 เหรียญ ทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นของสมาชิกใหม่แผ่วเบาลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี่ ไซมอน เมอร์เรย์ นักวิเคราะห์ธุรกิจดิจิทัลทีวี ก็คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ Disney+ ก็น่าจะต้องเจอปัญหาแบบเดียวกันนี่ แต่กระนั้นถ้ามองไปที่อัตราการเติบโตของ Disney+ แล้ว เป็นไปได้อย่างมากว่าจำนวนสมาชิกของ Disney+ จะแซง NETFLIX ภายในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ ไซมอนยังวิเคราะห์ตัวเลขออกมาด้วยว่า ภายในปี 2026 Disney+ น่าจะมีจำนวนสมาชิกมากว่า 294 ล้านราย ในขณะที่ NETFLIX จะมีจำนวนที่ 286 ล้านราย

Disney+ Hotstar ม้าศึกตัวสำคัญของดิสนีย์

ไซมอน วิเคราะห์ต่อว่า ประเทศที่จะทำให้ Disney+ มีชัยเหนือกว่า NETFLIX ก็คือ “อินเดีย” เพราะในอินเดียนั้น ดิสนีย์ได้เปิดบริษัทเครือข่ายไว้ในชื่อ Star India และเปิดบริการทีวีสตรีมมิงในชื่อ Disney+ Hotstar ซึ่งจะขยายบริการไม่เพียงแค่เพราะในอินเดีย แต่จะครอบคลุมไปถึง 13 ประเทศภายในปี 2026 ซึ่งจะกวาดจำนวนสมาชิกสมัครใหม่ได้มากถึง 108 ล้านราย คิดเป็นอัตราส่วน 37% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ซึ่งจะทำรายได้ให้กับ Disney+ มากถึง 2,620 ล้านเหรียญ คิดเป็นอัตราส่วน 13% ของรายได้ทั้งหมดของ Disney+ ในปี 2026 ที่จำนวนเปอร์เซ็นต์รายได้ค่อนข้างน้อยก็เพราะว่า ค่าสมาชิกของ Disney+ Hotstar จะถูกกว่า Disney+ ในสหรัฐฯ

ตามที่ไซมอนวิเคราะห์ว่า Disney+ จะชนะ NETFLIX นั้น ก็ในด้านจำนวนสมาชิกที่มากกว่า แต่ถ้าดูกันที่รายได้รวมแล้ว Disney+ ยังได้น้อยกว่า NETFLIX เกือบครึ่ง ไซมอนวิเคราะห์ตัวเลขไว้ว่าปี 2026 นั้น Disney+ จะทำรายได้ไปโดยประมาณ 20,760 ล้านเหรียญ แต่ NETFLIX จะกวาดรายได้ไปมากถึง 39,520 ล้านเหรียญ เพราะค่าสมาชิกรายเดือนของ Disney+ ถูกกว่า NETFLIX อยู่มาก (ชนะที่จำนวนสมาชิก แต่แพ้เรื่องรายได้ เรียกว่าชนะได้ไหมนี่) อย่างในบ้านเรานี่ Disney+ ราคา 219 บาท/เดือน ส่วน NETFLIX ราคา 279 บาท/เดือน

ทีวีซีรีส์ Obi-Wan Kenobi

เข้าสู่ปี 2021 มาได้เพียง 2 เดือน แต่เราก็เห็นแล้วว่าสงครามสตรีมมิงระหว่าง 2 ผู้นำนี่ก็ปล่อยไม้เด็ดออกมาฟาดฟันกันอย่างดุเดือด ด้าน Disney+ นั้น หลังจบ The Mandalorian ก็ตามต่อด้วย Wandavision ทีวีซีรีส์ภาคแยกจากจักรวาลมาร์เวล ที่เรียกยอดสมาชิกสมัครใหม่ได้อย่างก้าวกระโดด แล้วยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะ Disney+ จะสานต่อด้วย The Falcon and the Winter Soldier ทันทีภายในเดือนหน้านี้ ส่วน NETFLIX ก็ไม่เบาเช่นกันเพราะทีวีซีรีส์ที่ปล่อยมาใหม่แต่ละเรื่องก็สร้างสถิติใหม่ได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่ The Crown แล้วตามมาด้วย Bridgerton ส่วนไม้เด็ดในมือที่จะปล่อยมาในอนาคตแล้วมีผู้ชมทั่วโลกรอชมอยู่ก็คือ Stranger Things season 4 ส่วน Disney+ นี่ต้องเรียกว่ามีของอยู่ในคลังแสงอีกเพียบทั้ง ทีวีซีรีส์จากจักรวาล Star Wars และจักรวาล Marvel ที่จะปล่อยออกมาในปีนี้ก็จะมี ทีวีซีรีส์ Obi-Wan Kenobi และที่จะออกมาในช่วงสิ้นปีนี้ก็คือ The Book of Boba Fett

โอ้ยแค่ 2 เจ้านี้ก็ดูไม่ทันแล้ว นี่ยังไม่นับ Amazon Prime และ HBO Max อีกนะ ที่แต่ละเจ้าก็มีแต่ทีวีซีรีส์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของตัวเองแล้วน่าดูท้างน้าน สมัครมันให้หมดทุกเจ้าเลยแล้วกันครับ

อ้างอิง