จะมีใครดวงซวยได้ขนาดนี้อีกไหมเนี่ย ถ้าไปเที่ยว 2 ประเทศ เจอเหตุการณ์ร้าย 2 ครั้ง ยังฟังว่าพอเป็นเรื่องบังเอิญที่ใคร ๆ อาจจะเจอเรื่องแบบนี้ได้ แต่กรณีของ เจนนี่ และ เจสัน เคร์น-ลอว์เรนซ์ (Jenny-Jason Cairns-Lawrence)จากเมืองดัดลีย์ ประเทศอังกฤษ ที่พิสมัยการท่องเที่ยวด้วยกัน ทั้งคู่ควงกันไปเที่ยว 3 ประเทศ แต่ละครั้งห่างกัน 2-3 ปี แต่ก็ดันเจอเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติก่อเหตุโจมตีรุนแรงจนเป็นข่าวไปทั่วโลกทั้ง 3 ครั้ง แบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่า ‘ดวงซวยสุด’

เหตุการณ์ 9/11

เริ่มกันที่แรก เจนนี่และเจสันพากันบินข้ามทวีปไปที่นิวยอร์กเมื่อปี 2001 แต่ก็ดันไปถูกที่ถูกเวลาเสียด้วย เพราะทั้งคู่อยู่ที่นิวยอร์กในวันที่ 11 กันยายน 2001 วันที่คนทั่วโลกไม่มีวันลืม และทั้งคู่ก็จะไม่มีวันลืมเช่นกัน เพราะเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายบังคับเครื่องบินพาณิชย์พุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ที่รู้จักกันในเหตุการณ์ 9/11 เป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้สูงกว่า 3,000 ชีวิต

เหตุการณ์ระเบิดพลีชีพในลอนดอน 2005

จากเหตุการณ์ 9/11 ทำเอาเจนนี่และเจสันฝันร้ายไปอีกยาวนาน ทำเอาทั้งคู่ต้องวางแผนใคร่ครวญเป็นอย่างดีกับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อไป หลังจากพักฟื้นสภาพจิตมา 4 ปี เจนนี่และเจสันก็เลือกลอนดอนเป็นเป้าหมายต่อไป เพราะจากที่ตรวจสอบแล้วลอนดอนเป็นเมืองที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายรุนแรงเลย แล้วก็เป็นการท่องเที่ยวในประเทศตัวเองด้วย เจสันและเจนนี่เดินทางมาถึงลอนดอนในวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้ก่อการร้าย 4 คน ร่วมกันระเบิดพลีชีพบนรถโดยสารสาธารณะ และรถไฟใต้ดิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 52 ราย และบาดเจ็บอีก 700 ราย นับเป็นเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพครั้งแรกที่เกิดขึ้นในลอนดอน และช่างตรงพอดีกับวันที่เจสันและเจนนี่มาเที่ยวพอดีอีกแล้ว

ผู้ก่อการร้ายโจมตีมุมไบ 2008

รอบนี้ทั้งคู่กลับไปทำใจอีก 3 ปี แต่ด้วยความรักในการเดินทางท่องเที่ยว แต่ทั้งเจนนี่และเจสันก็ยังไม่ถอดใจ แต่เลือกเป้าหมายใหม่เป็นเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย รอบนี้ทั้งคู่มาถึงมุมไบในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2008 วันเดียวกับที่กลุ่มผู้ก่อการร้าย Lashkar-e-Taiba จากปากีสถาน เข้าโจมตีหลายพื้นที่ใหญ่ ๆ มุมไบ แล้วกราดกระสุนสังหารผู้บริสุทธิ์ไปถึง 164 ราย

ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ โจมตีมุมไบ ได้อย่างน่าระทึก

พอเจอเหตุการณ์ร้ายถึงรอบที่ 3 ใน 3 ประเทศ สื่อมวลชนอินเดียก็ตั้งฉายาให้เจนนี่และเจสันว่า “นักท่องเที่ยวผู้มากับลางร้าย” (tourists of evil omen) แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ยินดีรับฉายานามนี้ ได้แต่อธิบายว่าทั้งหมดนั้นเป็น ความบังเอิญที่ประหลาดมาก ๆ

“มันช่างเป็นความบังเอิญที่ประหลาดมาก ๆ ค่ะ ที่ผู้ก่อการร้ายจะต้องมาโจมตีในวันที่เราอยู่ในเมืองพอดี ฉันไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องน่าขันเลยนะ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันช่างบังเอิญได้อย่างน่าประหลาดเหลือเกิน บางทีวันหนึ่งเราอาจจะลองเขียนประสบการณ์เหล่านี้ออกมาเป็นหนังสือซะเลย แต่ว่าเราทั้งคู่ก็ไม่ใช่นักเขียนเสียด้วยสิ”
เจนนี่ เคร์น ลอว์เรนซ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

แน่นอนว่าไม่มีใครอีกแล้วที่ได้เผชิญกับเหตุการณ์ร้ายระดับโลกด้วยตัวเองเหมือนอย่างเจนนี่และเจสัน ซึ่งทั้งคู่ก็ได้เปรียบเทียบการรับมือของตำรวจและทหารของแต่ละประเทศให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยว่า

“ฉันบอกได้เลยว่ามุมไบสามารถฟื้นสภาพเมืองกลับมาสู่สภาวะปกติได้เร็วกว่านิวยอร์กและลอนดอนเสียอีก”

“นิวยอร์กนี่ใช้เวลาเกือบสัปดาห์กว่าจะกลับมาสู่สภาวะปกติ แต่มุมไบนี่ธุรกิจห้างร้านกลับมาเปิดบริการภายในเวลาแค่ 3 วันเอง มันเหลือเชื่อมาก”

“จากที่ฉันมองไปรอบ ๆ แล้วนะ ฉันแทบบอกไม่ได้เลยว่าเมืองนี้เพิ่งเกิดเหตุการณ์ร้ายมา”

“ในนิวยอร์กนี่ฉันสังเกตจากสายตาผู้คนในเมืองได้เลยว่าพวกเขายังดูตื่นตระหนกแม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วเป็นสัปดาห์”

“ส่วนในลอนดอนนั้น กลายเป็นว่าตำรวจดูมีอาการตื่นกลัวมากกว่าประชาชนเสียอีก”

ยังไม่มีรายงานว่า หลังจากเหตุการณ์ร้ายที่มุมไบเมื่อปี 2008 แล้วนั้น เจนนี่และเจสันยังควงคู่กันไปเที่ยวที่ไหนกันอีกหรือไม่ แล้วทั้งคู่ล้างคำสาปดวงซวยได้แล้วหรือยัง และไม่แน่ใจว่าเคยมาเที่ยวประเทศไทยแล้วหรือยัง แต่ถ้าอยากมาไทย เราก็พร้อมต้อนรับเสมอนะ (คงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกน่า)

อ้างอิง อ้างอิง