[รีวิว] Jujutsu Kaizen 0 มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่
Our score
8.4

[รีวิว] Jujutsu Kaizen 0 มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่

จุดเด่น

  1. เนื้อเรื่องที่สนุกมาก ๆ และสามารถเล่าออกมาได้เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้ชมหน้าใหม่เช่นกัน
  2. งานภาพทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ดูแล้วโคตรสะใจ
  3. ตัวละครรองจากซีรีส์อนิเมะมีบทบาทในภาพยนตร์มากขึ้น

จุดสังเกต

  1. ตัวละครเอกมีลักษณะคล้ายกับแนวพระเอกโชเน็นทั่วไป
  2. หากดูแบบ Soundtrack ตัวซับไทยจะมี Transition ที่ไวไปหน่อย ทำให้อ่านไม่ทันบางช่วง
  • การเล่าเรื่อง

    7.5

  • โปรดักชัน

    9.0

  • คุณภาพงานพากย์ (ญี่ปุ่น)

    8.5

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    9.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    8.0

หลังจากถูกเลื่อนฉายมาอย่างยาวนาน ในที่สุดแฟน ๆ Jujutsu Kaisen ก็จะได้ชมภาพยนตร์ปฐมบทกันแล้ว ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะได้รับชมกันได้วันที่ 23 มิถุนายนนี้ ทางทีมงาน Japan Anime Movie Thailand ก็ได้เชิญทางเราเข้าชมในรอบพิเศษเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งก็บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก ๆ ถึงแม้คุณจะไม่เคยดูซีรีส์อนิเมะมาก่อนก็ตาม ทางเราก็บอกได้ว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

ทั้งนี้ ก่อนที่จะเข้าช่วงรีวิว ทางเราก็ต้องขอขอบคุณทาง Japan Anime Movie Thailand ที่ได้เชิญทาง Beartai เข้าชมภาพยนตร์ในรอบพิเศษนี้ พร้อมกับจัดงาน Exhibition ที่ให้แฟน ๆ ได้ถ่ายรูปเท่ ๆ กันครับ

Story

จากที่ได้กล่าวไป Jujutsu Kaizen 0 จะมีเป็นเนื้อเรื่องปฐมบทของตัวซีรีส์อนิเมะ โดยพระเอกของภาพยนตร์นี้ก็คือ ‘อคคตสึ ยูตะ’ หนุ่มมัธยมผู้ถูกสาปให้อยู่กับคนรักสมัยเด็กที่เสียชีวิตไปนานแล้วชื่อว่า ‘โอริโมโตะ ริกะ’

วันหนึ่ง ยูตะถูกอันธพาลรุมทำร้าย จึงทำให้ริกะปรากฎตัวออกมาในร่างปีศาจ และทำร้ายอันธพาลเหล่านั้นจนบาดเจ็บสาหัส ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ยูตะต้องถูก ‘โกโจ ซาโตรุ’ อาจารย์สอนผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ รับไปดูแลเป็นนักเรียนปี 1 ของโรงเรียนจูจุทสึ เพื่อไม่ให้ยูตะเผลอปล่อยริกะออกมาทำร้ายผู้คนอีก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยูตะกำลังฝึกฝนการควบคุมพลังของตัวเอง ‘เกะโท สุงุรุ’ เพื่อนเก่าของโกโจ และตัวร้ายหลักของเรื่อง ก็ได้ปรากฎตัวและพยายามโน้มน้าวให้ยูตะเข้าร่วมแผนการทำลายมนุษยชาติที่ไม่มีไสยเวทย์ให้สิ้นซาก แน่นอนว่าพระเอกของเราไม่เห็นด้วยกับแผนของเกะโทจึงได้ปฎิเสธไป เนื่องจากเกะโทต้องการพลังของยูตะมาก ๆ จึงได้ประกาศทำสงครามกับทางฝ่ายโรงเรียนจูจุทสึนั่นเอง

สรุปในส่วนของเนื้อเรื่องที่เน้นไปทางความรักระหว่างยูตะและริกะที่เปรียบได้ทั้ง ‘คำสาป’ และ ‘พลังเวทย์’ ถือว่าทำออกมาให้ทั้งแฟน ๆ ที่ไม่เคยอ่านมังงะมาก่อน และผู้ชมใหม่สามารถอินไปกับเนื้อเรื่องและเข้าใจกับมันได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ตัวยูตะเองก็ค่อนข้างจะมีพัฒนาการคล้ายกับพระเอกอนิเมะโชเน็นทั่วไป อย่างเช่นจู่ ๆ ก็แข็งแกร่งกว่าปกติ เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นของตนถูกทำร้าย

ส่วนฉากต่อสู้สุดอลังการต่าง ๆ ของภาพยนตร์ก็สามารถทำให้ตื่นเต้นและสะใจไปกับตัวละครได้ นอกจากนั้นแล้ว สำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามซีรีส์อนิเมะมาก่อน ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีเหล่าตัวละครรองจากซีรีส์อย่าง อินุมากิ, เซนอิน, และแพนด้าเข้ามามีบทบาทสำคัญอีกเช่นกัน ซึ่งหากหนึ่งในนั้นเป็นตัวละครโปรดของคุณอยู่แล้วล่ะก็ ด้วยปมต่าง ๆ ที่ถูกเผยในภาพยนตร์ บอกได้ว่าจะทำให้คุณรักพวกเขามากขึ้นครับ

Presentation

ในส่วนของงานภาพแอนิเมชันต่าง ๆ ก็ได้ทีมสตูดิโอ MAPPA มาจัดการอีกครั้ง ซึ่งหากคุณชอบงานจากตัวซีรีส์อนิเมะอยู่แล้ว ก็บอกได้ว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับตัวภาพยนตร์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในเรื่องที่แอนิเมชันออกมาได้มันมาก ๆ ครับ

นอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของเพลงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่ว่าจะเพลงเปิด, เพลงจากตัวอย่าง หรือเพลงในฉากต่อสู้ต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้มันสะใจมาก ๆ สำหรับใครที่เป็นสายชอบเพลงแนว Epic ผสมกับร็อกล่ะก็ บอกได้เลยว่าเพลงจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องติดหูกันยาว ๆ อย่างแน่นอน

สุดท้าย ในส่วนของพากย์ไทยก็ได้ดารารับเชิญอย่าง ‘อ๊ะอาย’ วง 4EVE (ให้เสียงพากย์ ‘โอริโมโตะ ริกะ’), ‘เจเจ’ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม (ให้เสียงพากย์ ‘อินุมากิ โทเกะ’) และ ‘บีมเซนเซย์’ สิษฐารัตน์ ปี่ทอง (ให้เสียงพากย์ ‘มิมิโกะ’) มาร่วมงาน แต่เนื่องจากทางเราได้บัตรรอบ Soundtrack ก็บอกได้แค่ว่างานพากย์ญี่ปุ่นนั้นทำออกมาได้ดีมาก ๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของซับไทยก็มี Transition ที่ไวไปหน่อย เลยทำให้ในหลาย ๆ ช่วงผู้ชมอาจจะอ่านไม่ค่อยทันกันครับ

Conclusion

โดยรวมแล้ว หลังจากที่ได้ดูจนจบก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในภาพยนตร์อนิเมะที่สามารถกวาดรายได้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (รายงานจาก Mantan Web ได้เผยว่า Jujutsu Kaizen 0 สามารถทำรายได้มากกว่า 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5,997 ล้านบาท หลังจากเข้าโรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก)

เนื่องจากเนื้อเรื่องสามารถเล่าออกมาให้ผู้ชมหน้าใหม่และแฟน ๆ ของซีรีส์ทำความเข้าใจได้ง่าย พร้อมกับการนำตัวละครรองที่ทุกคนชื่นชอบจากซีรีส์อนิเมะเข้ามาเฉิดฉายให้มีความสำคัญเท่ากับตัวละครหลัก และการผสมผสาน ดราม่าเข้ากับคอมเมดี้ในระดับที่ทำเอาคนดูไม่รู้สึกเครียดกับฉากซีเรียส แต่กลับรู้สึกสนุกสนานและสะใจไปกับฉากต่อสู้ที่มีเพลงประกอบและแอนิเมชั่นที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมอีก

หากใครที่กำลังมองหาภาพยนตร์มัน ๆ ดูในช่วงนี้ โดยเฉพาะแฟน ๆ อนิเมะ ทางเราก็ขอแนะนำว่า Jujutsu Kaizen 0 เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลยครับ และสำหรับใครที่ไม่เคยติดตามซีรีส์อนิเมะมาก่อน ก็บอกได้เลยว่าหลังจากดูจบแล้วจะทำให้คุณอยากรู้เนื้อเรื่องต่อจากนั้นอย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส