[รีวิว] Lou : ผูกปมได้น่าสนใจแต่คลี่คลายได้น่าผิดหวัง

Release Date

23/09/2022

Rate : 16+

Run Time : 1 Hr 47 m

Director Anna Foerster

Writers Maggie Cohn, Jack Stanley

Stars Allison JanneyJurnee SmollettLogan Marshall-Green

[รีวิว] Lou : ผูกปมได้น่าสนใจแต่คลี่คลายได้น่าผิดหวัง
Our score
6.7

LOU : แกะรอยในความมืด

จุดเด่น

  1. เดินเรื่องได้เร็ว เปิดเรื่องได้ชวนติดตาม
  2. พลิกบทบาทของ แอลลิสัน แจนนีย์ ได้อย่างคาดไม่ถึง
  3. เล่าเรื่องได้เก่ง กับการใช้ตัวละครหลักแค่ 4 คน
  4. ออกแบบท่าทางการต่อสู้ได้สมกับตัวละครที่สูงวัย

จุดสังเกต

  1. บทเฉลยของสองตัวละครหลักที่มีความสัมพันธ์กันชวนเหวอ มากกว่าอึ้ง
  • งานโปรดักชัน

    7.0

  • คุณภาพนักแสดง

    8.0

  • บทภาพยนตร์

    6.0

  • ความบันเทิง

    6.5

  • คุ้มค่ากับเวลาในการรับชม

    6.0

พักหลังนี่หนังฟอร์มเล็กเปลี่ยนหน้ามาขึ้นอันดับ 1 บน NETFLIX กันได้เรื่อย ๆ เลยครับ ยิ่งเรื่องนี้ก็มาแบบเงียบ ๆ มาก ไม่ต้องโปรโมตอะไรเลย แล้วหนำซ้ำหนังไม่มีชื่อขายอะไรเลย ทั้งนักแสดงนำและผู้กำกับ แม้ว่า แอลลิสัน แจนนีย์ (Alison Janney) จะเป็นนักแสดงมากฝีมือที่มีดีกรีออสการ์นักแสดงสมทบหญิงจาก I, Tonya (2018) แต่ก็ไม่ใช่ดาราระดับแม่เหล็กที่ใช้ชื่อเรียกความสนใจจากคนดูได้ เหตุผลที่น่าจะทำให้คนกดเข้าไปดูก็น่าจะเป็นเพราะหน้าหนัง ที่มี 1 ป้า 1 สาวสะพายปืน สวมชุดกันฝน ท่ามกลางสายฝน มาพร้อมกับสีหน้าซีเรียสจริงจัง จึงพอให้คาดเดาได้ว่าหนังน่าจะมีฉากแอ็กชันดุเดือดให้ได้ลุ้นกัน ซึ่งหนังก็มีให้ตามที่คาดหวังครับ

แต่สำหรับคอหนังฮอลลีวูดแล้ว ชื่อในเครดิตที่พอจะฝากความหวังได้ นอกจาก แอลลิสัน แจนนีย์ แล้วก็คือบริษัทผู้สร้าง Bad Robot ของผู้กำกับ เจ.เจ. อบรามส์ (J.J. Abrams) นี่ละ ที่เจ้าตัวก็อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างด้วย เพราะไปสะดุดตาเข้ากับโปรเจกต์นี้ ซึ่งเดิมทีอยู่กับพาราเมาต์ แล้วทาง Bad Robot เล็งเห็นว่าหนังมีแววน่าจะประสบความสำเร็จ เลยไปซื้อลิขสิทธิ์มาจากพาราเมาต์แล้วนำมาสร้างเองเพื่อป้อนให้กับ Netflix ส่วน แอลลิสัน แจนนีย์ นั้นอยู่กับโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่ประกาศสร้างเมื่อปี 2018 แล้ว พอโปรเจกต์มาอยู่กับ Bad Robot ป้าก็ติดสอยตามมาด้วย ก็นับว่าเป็นความทะเยอะทะยานของทีมผู้สร้างนะครับ ที่กล้าพลิกภาพลักษณ์ของป้าจากนักแสดงสายดราม่ามาพลิกบทบาทเป็นนางเอกสายแอ็กชันดุเดือดเช่นนี้ ซึ่งป้าก็ทำให้ไม่ผิดหวัง ไม่เสียชื่อนักแสดงระดับออสการ์จริง ๆ

ชื่อเรื่อง Lou นั้นคือชื่อของตัวละครของ แอลลิสัน แจนนีย์ ที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำให้คนดูรู้จักตัวตนของเธอ ที่เป็นคุณป้าผู้โดดเดี่ยว อยู่บ้านกลางป่ากับแจ็กส์ มาคู่ใจ 1 ตัว งานอดิเรกของเธอคือออกล่าสัตว์ และมีบ้านที่ปล่อยเช่าให้กับ ฮันนาห์ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่คอยดูแล วี ลูกสาวตัวน้อยวัยยังไม่ถึง 10 ขวบ หลังแนะนำตัวละครหลักไม่นาน หนังก็เริ่มโยนปริศนาเข้าใส่คนดู ด้วยการที่ลูปิดบัญชีธนาคาร หอบเงินก้อนใหญ่กลับมาบ้าน เขียนพินัยกรรมมอบมรดกให้กับฮันนาห์ผู้เช่าบ้านของเธอ จากนั้นเธอก็เตรียมจะปลิดชีพตัวเอง ขณะเดียวกันหนังก็โยนปริศนาที่ 2 เข้ามาทันที กับการปรากฏตัวของชายลึกลับที่บุกมาบ้านฮันนาห์ท่ามกลางพายุฝนในช่วงพลบค่ำ และจับตัววีไป ทำให้ฮันนาห์ต้องเร่มาขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งเดียวของเธอ นั่นก็คือลู ทำให้เธอต้องพักกิจกรรมลาโลกของเธอเอาไว้ก่อน

แค่ 20 นาทีแรกของหนัง ก็ชวนติดตามมาก ๆ แล้วครับ หนังสร้างคำถามขึ้นมาเต็มไปหมด ทำไมลูถึงอยากฆ่าตัวตาย แล้วทำไมถึงมอบทรัพย์สมบัติให้กับฮันนาห์ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าบ้านของเธอ ไม่นานนักฮันนาห์ก็เผยว่า ผู้ที่จับตัววีไปคือ ฟิลลิป (โลแกน มาร์แชล-กรีน) พ่อของวีและอดีตสามีของเธอนั่นเอง และฟิลลิปก็คืออดีตทหารผ่านศึกฝีมือดี หลังจากปลดประจำการกลับมาอยู่ครอบครัว ฟิลลิปก็มีอาการทางจิต มักทำร้ายฮันนาห์อย่างรุนแรง ทำให้เธอต้องหนีมากบดานที่เกาะแห่งนี้ ก็นับว่าเป็นการเปิดตัวอีกหนึ่งคาแรกเตอร์หลักที่น่าสนใจ เมื่อลูได้ฟังเรื่องราวของฟิลลิปแต่ก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ซ้ำยังตัดสินใจช่วยเหลือฮันนาห์ออกตามล่าตัวฟิลลิปเพื่อเอาตัววีคืนทันที ลูโชว์ทักษะการแกะรอยแบบพรานผู้มากประสบการณ์ ถึงตรงนี้ล่ะ ที่ต้องบอกว่าหนังเปิดเรื่องได้น่าสนใจมาก เมื่อฝ่ายหนึ่งคือทหารผ่านศึกจอมโหดและมีอาการทางจิต อีกฝ่ายหนึ่งคือคุณป้าที่เป็นพรานมือฉมังผู้ชำนาญพื้นที่ในป่า ก็นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีนะ ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบเรื่องความหนุ่มแน่นและประสบการณ์ในสนามรบจริง อีกฝ่ายได้เปรียบในด้านเป็นเจ้าถิ่นและมากประสบการณ์ในการล่า บวกกับการสร้างพื้นที่สมรภูมิที่น่าสนใจ ให้เป็นพื้นที่ป่าทึบ ที่มีฝนตกหนักตลอดเวลา ก็ยิ่งเป็นการสร้างบรรยากาศให้ชวนระทึกยิ่งขึ้น

ผมชอบในการแคสติ้ง 2 ตัวละครนำ แอลลิสัน แจนนีย์ และ โลแกน มาร์แชล-กรีน ว่ากันที่แจนนีย์ก่อน การจับป้ามาแปลงร่างเป็นพรานหญิงนั้น ภาพลักษณ์ของป้าดูเชื่อได้จริงว่านี่คือพรานผู้ช่ำชองตัวจริง ดูแข็งแกร่ง ทะมัดทะแมง มีความหยาบกร้าน ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่ขณะเดียวกันกับด้านที่ป้าดูมีอดีตอันลึกลับ ก็ทำให้ตัวละครลูนั้น ดูน่าค้นหา ฉากที่ป้าโชว์ฝีมือพะบู๊นั้นน่าประทับใจมาก ไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักแสดงหญิงวัย 63 ปี แจนนีย์ออกท่าทางการต่อสู้ได้คล่องแคล่ว รุนแรงสมจริง ก็ต้องชื่นชมไปถึงทีมออกแบบท่าทางการต่อสู้ ที่คิดท่าทางให้เข้ากับวัยของป้า ไม่ได้ให้เก่งเวอร์จนเป็นซูเปอร์ฮีโรเสียขนาดนั้น

ส่วน โลแกน มาร์แชล-กรีน ในบทฟิลลิปนั้น ด้วยหน่วยก้านแล้วก็เหมาะสมกับบทอดีตทหารผ่านศึก บวกกับการแสดงผ่านสายตาและร้อยยิ้มก็ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกได้ว่า ไอ้นี่โรคจิตจริง โหดจริง ดูเป็นบุคคลอันตราย และเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของลู

สำหรับ เจอร์นี สโมเล็ตต์-เบลล์ (jurnee smollett-bell) ในบทฮันนาห์ และหนูน้อย ริดลีย์ เอชา เบตแมน (ridley asha bateman) ในบทวี นั่นขอข้ามไปเลยแล้วกัน แม้ว่าสถานะของทั้งสองจะมีความสำคัญในเรื่อง มีช่วงเวลาปรากฏตัวบนจอมาก แต่ก็ไม่มีบทบาทใด ๆ ให้น่าจดจำ ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางที่ดึงให้ลูและฟิลลิปต้องมาเผชิญหน้ากันแค่นั้น

หลังแนะนำตัวละครหลักครบหมดแล้ว หนังก็พาเร้าเข้าสู่องก์ที่ 2 ที่ว่าด้วยการตามล่า ช่วงนี้ก็เดินหน้าไปอย่างสนุกน่าติดตาม มีฉากเสี่ยงตายให้ชวนลุ้นเนือง ๆ พร้อมกับป้าลูก็เริ่มเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาทีละน้อย แต่จุดที่น่าเสียดายก็คือ องก์ที่ 3 ของหนังนี่ละครับ ที่หนังคลี่คลายปริศนาทั้งหมด ว่าตัวละครหลักทั้ง 4 ลู ฟิลลิป ฮันนาห์ แะล วี มีความเกี่ยวโยงกันอย่างไรทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตรงนี้ล่ะครับ ที่บทเฉลยมันพาอารมณ์เปลี่ยนทิศทางไปเลย จากความดุเดือดที่ปูอารมณ์มาเป็นชั่วโมง กลับแทรกเข้ามาด้วยดราม่า ที่ไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร คือไม่ได้พาให้คนดูอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละคร และก็เป็นการทอนความเข้นข้นของพาร์ตแอ็กชันลงไป ชวนให้รู้สึกเสียดายกับอารมณ์หนังที่ปูมาดีในชั่วโมงแรก ถ้าไม่สอดแทรกให้ตัวละครหลักมีความสัมพันธ์กันการเผชิญหน้ากันจะดุเดือดกันได้กว่านี้ และบทลงเอยของสองตัวละครหลักที่แบบว่าต้องร้อง เฮ่ย! เอาง่าย ๆ แบบเนี้ยนะ ถึงตรงนี้ก็เลยต้องย้อนไปดูชื่อคนเขียนว่าเป็นใคร ก็พบว่าเป็นงานเขียน แม็กกี้ โคห์น (Maggie Cohn) และ แจ็ก สแตนลีย์ (Jack Stanley) คือถ้าบทออกมายอดเยี่ยม ก็น่าชื่นชมหรอกครับ แต่ถ้าบทออกมาน่าผิดหวังก็เสมอตัว เพราะทั้งคู่ไม่เคยมีผลงานเขียนที่โดดเด่นเลยสักเรื่องเดียว

ส่วนงานกำกับนั้นเป็นของ แอนนา ฟอร์เรสเตอร์ (Anna Forrester) ผู้กำกับหญิงที่โชกโชนในวงการทีวีซีรีส์ ส่วนเครดิตการกำกับหนังโรงนั้น มีเรื่องเดียวคือ Underworld Bloodwars (2016) ซึ่งก็เป็นภาคที่ไม่น่าจดจำเอาเสียด้วย ซึ่งตามเนื้องานก็ถือว่าเธอคุมโทนหนังได้ดีอยู่ สามารถเล่าเรื่องราวที่มีตัวละครหลักแค่ 4 คน ได้น่าสนใจ แม้ว่าหนังจะลงเอยน่าผิดหวัง แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอนะ เธอทำหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของเธอได้ดีอยู่

ดูเหมือนหนังจะคาดหวังความสำเร็จไว้พอประมาณ เพราะจบแบบทิ้งเชื้อไว้ให้สานต่อภาค 2 ได้อีก ปิดท้ายอยากฝากบอกคนรักหมาว่า เรื่องนี้สบายใจได้ครับ ดูได้เลย…………..หมาไม่ตาย