[รีวิว] The Batman – ฆาตกรรมรำลึก

Release Date

03/03/2022

Runtime

178 Minutes

Director Matt Reeves

Matt Reeves

Cast

Robert Pattinson Zoë Kravitz Colin Farrell Paul Dano Andy Serkis Jeffrey Wright

[รีวิว] The Batman – ฆาตกรรมรำลึก
Our score
9.3

[รีวิว] The Batman – ฆาตกรรมรำลึก

จุดเด่น

  1. เป็นหนังแบทแมนสไตล์สืบสวนฟิล์มนัวร์ที่แปลกตาและน่าติดตาม
  2. เรื่องราวดูสมจริงมากกว่าเวอร์ชันไหน ๆ โดยเฉพาะประเด็นที่ตำรวจไม่ถูกกับแบทแมน
  3. โรเบิร์ต แพททินสัน ทลายอคติแฟน ๆ แบทแมนได้ราบคาบ สร้างตัวละครบรูซ เวย์นได้ชวนเจ็บปวดแต่ก็บึกบึนพอจะสวมชุดมนุษย์ค้างคาวออกไปพะบู๊
  4. โซอี้ คราวิตซ์ มีเสน่ห์มาก ๆ และซีนดรามาเธอก็ทำได้ดีมาก ๆ

จุดสังเกต

  1. หนังร่วม 3 ชั่วโมงจริง ๆ ควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนชม
  2. กลัวทุกคนไม่ได้ดูฉากท้ายเอนด์ เครดิตมาก ๆ เพราะมัน "สมการรอคอย" อย่างหาที่สุดมิได้
  • เป็นแบทแมนฉบับสืบสวนที่แปลกใหมและล้ำลึก

    9.0

  • งานสร้างและงานภาพถูกดีไซน์มาอย่างดี แปลกตาและชวนติดตาม

    9.5

  • โรเบิร์ต แพตทินสัน และ โซอี คราวิตซ์ เปล่งประกายเสน่ห์มากและฉายแววฝีมือมาก ๆ

    9.0

  • เป็นหนังแบทแมนที่แปลกใหม่สไตล์ฟิล์มนัวร์ 3 ชั่วโมงหมดไปอย่างรวดเร็ว

    9.5

  • สมควรดูในโรงและที่สำคัญคือควรดูในโรง IMAX ด้วย

    9.5

ตลอดเวลา 3 ชั่วโมงของหนัง ‘The Batman’ มีคำถามผุดในหัวเต็มไปหมด ซึ่งหลายอย่างเราก็คุ้นเคยเหลือเกินทั้งตัวละคร เพนกวิน, เดอะริดเลอร์, แคทวูแมน, คาร์ไมน์ ฟัลคอน, อัลเฟร็ด, บรูซ เวย์น ฯลฯ ภายใต้บรรยากาศฉ่ำฝน แดดแห้งเหือดของเมืองก็อตแธม และอดีตอันเลวร้ายที่ล่อหลอมให้บรูซ เวย์นเป็นแบทแมนซึ่งถูกเล่ามาจนช้ำจำได้ขึ้นใจ แต่ทว่าในร่องรอยความซ้ำหนังก็ยังมีมุมใหม่ ๆ มาชำระตาของเราไม่ต่างจากสายฝนที่หล่นลงมาชำระบาปที่เกาะแน่นดั่งฝุ่นโคลนในเมืองก็อตแธม

https://youtu.be/PkF8FPAHDsI
สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

‘The Batman’ เริ่มเรื่องมาด้วยความระทึกสุดขั้วเพราะนอกจากจะเป็นการเล่าเรื่องจากมุมมองของบรูซ เวย์น ผ่านเสียงบรรยายและภาพภารกิจแรกเพื่อกระตุ้นเร้าผู้ชมแล้ว มันยังพาเราไปเป็นประจักษ์พยานการฆาตกรรมเหยื่อรายแรกที่เป็นถึงนายกเทศมนตรีของก็อตแธมและทุก ๆ ศพ ทุก ๆ การฆาตกรรมก็นำไปสู่ปริศนาสำคัญที่ถูกทิ้งไว้โดยเดอะ ริดเลอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่เน้นฆ่าเฉพาะเหล่านักการเมืองและผู้มีอำนาจในก็อตแธม

โดยทุกครั้งข้อความจะถูกจ่าหน้าซองถึงแบทแมนเสมอ และภายใต้หน้ากากบุรุษแห่งรัตติกาลบรูซ เวย์นเองก็ได้เรียนรู้ว่าบางทีอดีตของพ่อแม่ที่คนยกย่องอาจแปดเปื้อนไปด้วยบาปที่ทำให้เมืองก็อตแธมเดินทางสู่เมืองที่ฉ่ำแฉะไปด้วยความฉ้อฉลแทบไม่เห็นแสงสว่าง เวย์นจำเป็นต้องแก้ปริศนาให้ได้ก่อนเดอะริดเลอร์จะประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันเวย์นในคราบของแบทแมนก็ได้รู้จักกับเซลินา ไคล์สาวตีนแมวทรงเสน่ห์ที่เป็นกุญแจไขความลับอันดำมืดในเมืองก็อตแธม

Paul Dano
พอล ดาโน (Paul Dano) ในบทเดอะ ริดเลอร์ (The Riddler)
The Batman
The Riddler

สิ่งที่ต้องชื่นชมแมตต์ รีฟส์ (Matt Reeves) ในฐานะผู้กำกับเลยก็คือความแน่วแน่ในการเสนอให้หนังแบทแมนฉบับนี้กลายเป็นหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน และการนำตัวละครที่คนดูคุ้นชื่อคุ้นหูตามที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นมาเดินวนเวียนในก็อตแธมฉบับชื้นแฉะที่สุดเวอร์ชันหนึ่งก็ทำให้ภาพแฟนตาซีของหนังฮีโรค่อย ๆ ถูกชะล้างแล้วแทนที่ด้วยกลิ่นคาวเลือดและปริศนามรณะที่เชื้อเชิญคนดูให้ค่อย ๆ คลายปมทีละเปลาะไปกับบรูซ เวย์น

ซึ่งบทที่รีฟส์ได้ร่วมเขียนกับปีเตอร์ เครก (Peter Craig) ก็แสดงให้เห็นว่า รีฟส์และเครกไม่เพียงต้องการสร้างให้บรูซ เวย์นเป็นแค่ร่างทรงของแบทแมนเท่านั้น ตรงกันข้ามหัวใจของเรื่องคือบรูซ เวย์นและเรื่องราวในตระกูลเวย์นเองก็กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ให้คำตอบว่าทำไมก็อตแธมถึงกลายเป็นเมืองที่พระเจ้าหันหลังได้ขนาดนี้และที่สำคัญมันยังคงหัวใจของเมืองก็อตแธมที่ว่าเมืองที่คอรัปชันกัดกินมันจะสร้างฆาตกรขึ้นมา

และจุดที่หนังเด่นมาก ๆ คือการเพิ่มความสมจริงเข้าไปในเรื่องราวโดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแบทแมนกับตำรวจที่ไม่สู้ดีนัก และมันก็ดันมีเหตุผลรองรับซะด้วยว่าถ้าหากมีศาลเตี้ยอย่างแบทแมนแล้ว ตำรวจที่บังคับใช้กฎหมายอย่างพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นเพียงอาชีพที่มีไว้ประดับให้เมืองดูมีความปลอดภัยแต่ทว่าก็ดันเกิดเหตุฆาตกรรมและกลิ่นอายความกังฉินของคนในเครื่องแบบก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าจนทำให้เกิดเหตุฆาตกรรมเพื่อต่อสู้กับระบบขึ้น

Beartai Buzz รีวิว The Batman
โซอี คราวิตซ์ (Zoë Kravitz) ในบทเซลินา ไคล์
Beartai Buzz รีวิว The Batman
Catwoman

ซึ่งนั่นทำให้การปรากฎตัวของเดอะริดเลอร์เลยเป็นเหมือนมีดเล่มโตที่ชำแหละความโสมมที่ก็อตแธมได้ปกปิดไว้ ไปจนถึงการปรากฎตัวของออสวอล์ด คอปเปอร์พอด หรือ เดอะเพนกวินในวันที่ยังเป็นเพียงมือขวาของคาร์ไมน์ ฟัลคอน ที่แม้จะมีบทบาทไม่มากไปกว่าการเป็นแหล่งข้อมูลให้แบทแมนแต่ทว่ามันก็ทำให้เห็นว่าโอกาสที่คนพิการอย่างเขาจะมีได้ก็ต่อเมื่อคนมีอำนาจถูกกำจัดเท่านั้น หรือกระทั่งเซลินา ไคล์เองก็เป็นผลผลิตสำคัญจากระบบอุปถัมภ์อันชั่วช้าสามานย์ของก็อตแธมเช่นกัน

ดังนั้นการฆาตกรรมของเหยื่อแต่ละรายไม่ได้เป็นเพียงเควสต์ที่แบทแมนจะต้องไขให้ออกเพื่อปกป้องเหยื่อรายต่อไปเท่านั้น ตรงกันข้ามคำว่า ‘ยิ่งขุดยิ่งลึก’ ยังน่าจะนิยามความหมายที่ฆาตกรโยนเศษขนมปังให้คนดูตามเก็บได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญมันยังทำงานกับคนดูและกล่อมเกลาเราให้เชื่อได้มากพอว่าเรากำลังดูหนังฆาตกรรมที่มีแบทแมนดำเนินเรื่องอยู่จริง ๆ หรือจะให้แปะป้ายให้ชัดเลยก็คือเป็น ‘Seven’ (หนังปี 1995 ของเดวิด ฟินเชอร์ David Fincher) ที่ถูกเพิ่มบรรยากาศเมืองแห่งห่าฝนชำระล้างแบบ ‘Taxi Driver’ (หนังขึ้นหิ้งของมาร์ติน สกอร์เซซี Martin Scorsese) ที่มีแบทแมนและเหล่าตัวละครในคอมิกของ DC อาศัยอยู่ก็ไม่ผิดนัก

แต่ไม่ใช่ว่าเรฟเฟอร์เรนซ์ที่หนังจะอ้างอิงจนกลบเรื่องราวที่มันจะเล่านะครับ ที่จริงแล้วตัวหนังยังครบเครื่องในการเป็นหนังฮีโรแอ็กชันดี ๆ สักเรื่องเพียงแต่มันเติมรสชาติที่แปลกใหม่ของการเป็นหนังสืบสวนที่อาจจะแปลกใหม่สำหรับคอหนังทว่าเป็นสิ่งที่คนอ่านคอมิกแบทแมนคุ้นเคยดีเพราะ DC COMIC ก็ย่อมาจาก Detective Comic ที่บ็อบ เคน (Bob Kane) ได้ให้กำเนิดแบทแมนเป็นตัวละครปฐมฤกษ์ตั้งแต่ปี 1939 ดังนั้นนอกจากเราจะได้เห็นแบทแมน “บู๊” เรายังจะได้เห็นแบทแมน “สืบ” อีกด้วย

คลิปตัวอย่างสกอร์ประพันธ์โดย ไมเคิล กีแอคชิโน

และอีกองค์ประกอบสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามนั่นคืองานสกอร์ โดยคราวนี้รีฟส์ก็กลับมาแท็กทีมกับไมเคิล กีแอคชิโน (Michael Giachino) อีกครั้งหลังร่วมงานกันทั้ง ‘Cloverfield’ หนังสัตว์ประหลาดฟาวด์ฟุตเทจกล้องส่าย และ 2 ภาคหลังของไตรภาคหนังพิภพวานรอย่าง ‘Dawn for the Planet of the Apes’ และ ‘War for the Planet of the Apes’ ซึ่งกีแอคชิโนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการเรียงร้อยอารมณ์ดนตรีเข้ากับงานภาพได้เหมาะเจาะลงตัวจนน่าจะเป็นหนึ่งในสกอร์ที่ดีที่สุดของปี 2022 เลยก็ว่าได้

เราคงต้องยอมรับว่าอีกหนึ่งความโชคดีของรีฟส์คือบรรดาแคสต์ที่โคตรเปี่ยมเสน่ห์นี่แหละ ยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่กังขากับการเลือกโรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson) มารับบทบรูซ เวย์นแต่แล้วไอ้หนุ่มร่างซีดดวงตาลึกโหลที่ผิดกับบทแวมไพร์เอ็ดเวิร์ดใน ‘Twilight’ ก็ทลายอคติเราได้ราบคาบหลังปรากฎตัวในชุดแบทแมนตั้งแต่ต้นเรื่องและยิ่งทำให้เรารักเขาขึ้นไปอีกในบทบรูซ เวย์นที่น่าจะเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์และไหล่บ่าที่หนักอึ้งไปด้วยบาปในวงศ์ตระกูลจนอยากให้เข้าชิงรางวัลสาขาการแสดงอะไรซักอย่างในปีหน้าจริง ๆ

Beartai Buzz รีวิว The Batman
โคลิน ฟาเรล (Colin Farrell) ที่มาเป็นเดอะเพนกวินได้น่าสะพรึงกลัว
Beartai Buzz รีวิว The Batman
แอนดี เซอร์กิส (Andy Serkis) ในบทอัลเฟร็ด

ส่วนนักแสดงคนอื่นเราคงต้องบอกว่าถ้าขาดไปหนังคงจืดแย่ทั้งโซอี คราวิตซ์ (Zoë Kravitz) ในบทเซลินา ไคล์ที่เธอเลือกเอาคุณสมบัติของแมวมาใช้ออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหวซึ่งต้องยอมรับล่ะว่าในนาทีนี้คราวิตซ์น่าจะได้ขึ้นชั้นเป็นแคทวูแมนที่น่าจดจำในทันทีทั้งเสน่ห์และฝีมือการแสดง และบรรดานักแสดงดังที่โผล่มาสวมบทบาทต่าง ๆ เช่นโคลิน ฟาเรล (Colin Farrell) ที่มาเป็นเดอะเพนกวินได้น่าสะพรึงกลัว พอล ดาโน (Paul Dano) ในบทเดอะริดเลอร์ที่โผล่ไม่เยอะแต่ขยันสร้างภาพติดตาและเสียงหลอนติดหู หรือจะเป็นแอนดี เซอร์กิส (Andy Serkis) ในบทอัลเฟร็ดเท่ ๆ แต่แอบน้อยใจแล้ว เป็นจอห์น เทอร์โทโร (John Turturro) ที่สลัดภาพนักแสดงตลกในหนังพี่น้องโคเอนมาเป็นคาร์ไมน์ ฟัลคอนที่ดูน่าเกรงขามและอยู่เหนือกฎหมายแบบเซอร์ไพร์สมาก ๆ ส่วนเจฟฟรีย์ ไรต์ (Jeffrey Wright) ก็สร้างจิม กอร์ดอนในแบบตัวเองได้น่าชื่นชมไม่แพ้กัน

Beartai Buzz รีวิว The Batman
จอห์น เทอร์โทโร (John Turturro) ในบท คาร์ไมน์ ฟัลคอน
Beartai Buzz รีวิว The Batman
เจฟฟรีย์ ไรต์ (Jeffrey Wright) รับบท จิม กอร์ดอนในแบบตัวเองได้น่าชื่นชมไม่แพ้กัน

ท้ายสุดนี้คงต้องกระซิบล่ะว่าหากจะชม ‘The Batman’ ให้ได้อรรถรสจริง ๆ การยอมเสียตังค์ดูในระบบ IMAX คือจำเป็นมาก ๆ ครับเพราะแม้หนังจะไม่มีฉากขยายใด ๆ แต่ด้วยฟอร์มหนังและเสียง 6 แทร็กของ IMAX ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เราอยู่ร่วมบรรยากาศกับหนังได้จริง ๆ แต่ต้องเตือนนะครับว่าหนังยาวร่วม 3 ชั่วโมงเลยและไม่อาจพลาดได้สักซีน รวมถึงฉากท้ายเอนด์เครดิต 1 ตัวที่บอกไว้ก่อน ถ้าลุกไป..พลาดแน่ ๆ เหมือนที่พี่กัปตันอเมริกามาโผล่ให้เรากรี๊ดกร๊าดในฉากท้ายเอนด์เครดิตของ ‘Spider-Man Homecoming’ เลย

Beartai Buzz รีวิว The Batman
กดที่ภาพเพื่อเช็กรอบฉายและซื้อบัตรชมภาพยนตร์

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส