กิลแยร์โม เดล โทโร่ (Guillermo Del Toro) ผู้กำกับชาวแม็กซิกันที่เคยสร้างชื่อจากหนังสยองขวัญเกรดบีอย่่าง ‘Mimic’ จนได้ขยับไปทำหนังซูเปอร์ฮีโรทั้ง ‘Blade 2’ และ ‘Hellboy’ ทั้ง 2 ภาค แต่แสงสปอตไลต์มาส่องเขาจริง ๆ ก็คงหนีไม่พ้น ‘The Pan’s Labyrinth’ และ ‘The Shape of Water’ ที่ทำให้เขาได้ไปเยือนเวทีออสการ์โดยเฉพาะเรื่องหลังที่ผงาดคว้ารางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมมาครอง และในปีันี้เขาก็มีโอกาสได้กลับไปชิงชัยบนสังเวียนเดิมอีกครั้งด้วยหนัง ‘Nightmare Alley’
เรื่องราวของ ‘Nightmare Alley’ จะตามติดชีวิตของ สแตนตัน คาร์ลิสลี คนจรที่ได้บังเอิญเดินเข้าสู่คณะละครสัตว์เพื่อหวังหางานเลี้ยงตัวเองจนได้โอกาสเป็นคนหาคำตอบของลูกค้าให้กับซีน่าแม่หมอดูลูกแก้วในโชว์ของเธอ หลังจากสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในที่สุดแสตนตันก็ฉวยโอกาสหยิบตำรารหัสลับไว้แสดงโชว์ต้มตุ๋นผู้ชมจากสามีของซีนา แล้วพามอลลี สาวน้อยที่ต้องเสี่ยงกับกระแสไฟฟ้าในโชว์ของเธอออกจากคณะละครสัตว์เดิม
สแตนตันกับมอลลีัได้เริ่มชีัวิตใหม่ด้วยโชว์อ่านใจผู้คนในเมืองใหญ่ จนกระทั่งสแตนตันได้รับงานสุดอันตรายจาก เอซรา กรินเดิล มาร์เฟียสุดโหดที่หวังจะได้เจอหน้าภรรยาที่ตายจากไปของเขาอีกครั้ง แผนอันตรายจึงถูกคิดขึ้น สแตนตันก็เริ่มหลงใหลและมัวเมากับเสน่ห์ของ ดร.ลิลิธ ริทเตอร์ จิตแพทย์และหุ้นส่วนในเกมลวงคราวนี้โดยแลกกับการขุดคุ้ยบาปที่สแตนตันฝังกลบมาเป็นเวลานาน


จุดเด่นที่สุดของหนังคงหนีไม่พ้นงานอาร์ตไดเรกชันแฟนตาซีมืด ๆ ที่ดูจะเข้าทางเดลโทโร่ไม่น้อย เพราะยกทีมงานระดับออสการ์มาจาก ‘The Shape of Water’ เลยแล้วยังได้ แดน เลาสต์เซน (Dan Laustsen) ตากล้องคู่บุญของเดล โตโร่ที่ร่วมงานกันเป็นรอบที่ 3 แล้ว ซึ่งเลาสต์เซนก็ถ่ายทอดอาร์ตไดเรกชันงาม ๆ ของหนังและงานเสื้อผ้าออกมาได้ชวนหลงใหล เย้ายวนและดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจผ่านการจัดแสงและพื้นที่เงาที่ยั่วให้เราเดินดุ่มเข้าไปพบด้านที่ดำมืดของจิตใจตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม
อีกจุดหนึ่งคงต้องยกความดีงามให้นักแสดงยกเซตเลย ทั้งแบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) ในบทสแตนตันที่เราทั้งรักและชังแต่อดลุ้นตามไม่ได้จนแอบเกลียดตัวเองอยู่ไม่น้อย ส่วนรูนีย์ มารา (Rooney Mara) ในบทมอลลีก็ทำให้เราใจสลายไปกับความไร้เดียงสาของเธอไม่น้อยเลย แต่ที่ถือเป็น MVP ที่ทำให้หนังมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างไม่น่าเชื่อคงต้องยกให้เคต บลานเชตต์ (Cate Blanchett) ในบทจิตแพทย์สุดเย้ายวนแต่ไม่ทิ้งความน่าสะพรึงกลัวจนเราเชื่อได้เลยว่าหากเจอคนอย่าง ดร.ลิลิธ ร้อยทั้งร้อยย่อมเสร็จเธอแน่นอน


ทีนี้จุดที่ ‘Nightmare Alley’ ยังคงไปไม่ถึงหนีไม่พ้นบทหนังที่แทบจะบอกบทสรุปใน 20 นาทีแรกโดยเฉพาะการขยี้ปมเรื่องปีศาจที่เปิดเปลือยชัดเจน ไม่ต่างจากคนแก้ผ้ากลางสี่แยก เพราะหนังทั้งเน้นทั้งพูดเหมือนบังคับเลยว่ามันจะต้องจบในรูปรอยนี้แน่ ๆ อีกส่วนที่อาจจะขัดใจอยู่บ้างคือเรื่องตรรกะของตัวละคร แต่กระนั้นต้องทำใจก่อนชมนะครับว่ามันสร้างมาจากนิยายปี 1946 และเคยดัดแปลงเป็นหนังขาว-ดำในปี 1947 มาแล้ว ดังนั้นทางเดลโตโร่ และทีมงานก็ไม่ผิดหรอกที่ตัวละครในหนังจะดูใสซื่อและโฉดชั่วแบบขาวจัด-ดำจัด แต่ยังดีที่หนังได้งานกำกับและงานแสดงที่ดีพอจนหนังออกมาดูสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
หนังจะพร้อมให้ชมทาง Disney+Hotstar วันที่ี 23 มีนาคมนี้ครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส