ไม่มีฟินน์อีกต่อไป! ปัจจุบันผลงานจากแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ ต่างก็กำลังผลิดอกออกผลมากมาย ตัวละครที่หลาย ๆ คนคิดถึงก็ได้มีโอกาสกลับมาอยู่ในจักรวาลนี้อีกครั้ง ผ่านผลงานภาพยนตร์และซีรีส์หลาย ๆ เรื่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่นักแสดงทุกคนที่อยากจะพาตัวละครของพวกเขากลับมาแสดงในแฟรนไชส์นี้ โดยเฉพาะ จอห์น โบเยก้า (John Boyega) อดีตนักแสดงนำจากหนังไตรภาค Star Wars ล่าสุด ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ตัวละครของเขาควรจะจบลงตรงที่ภาคล่าสุดนี้เท่านั้น

ล่าสุดเขาได้ออกมาพูดในรายการ SiriusXM’s Tell Me Everything with John Fugelsang ว่า

“ ณ จุดนี้ผมรู้สึกสบายดี ผมคิดว่าตัวละครฟินน์อยู่ในจุดที่ดีแล้ว คุณสามารถสนุกกับเขาได้จากแหล่งอื่น ๆ เช่น เกม แอนิเมชัน แต่สำหรับภาพยนตร์ผมรู้สึกว่า ภาค 7 ถึง ภาค 9 ก็เพียงพอแล้วสำหรับตัวละครตัวนี้”

คำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโบเยก้านั้นพอแล้วที่จะรับบทตัวละครฟินน์ต่อ เพราะงานล่าสุดที่เขาได้ทำใน โปรเจกต์ ‘Breaking’ and ‘The Woman King’ ช่วยให้เขารู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้มากกว่าตอนอยู่กับแฟรนไชส์​​ ‘Star Wars’

ว่ากันว่าสาเหตุที่ทำให้โบเยก้าไม่อยากกลับมามีส่วนร่วมในแฟรนไชส์นี้ มาจากประเด็นการถูกเหยียดเรื่องสีผิวในช่วงที่หนัง ‘Star Wars: The Force Awakens’ เข้าฉายใหม่ ๆ

ย้อนกลับไปในช่วงนั้น โบเยก้าได้ออกมาระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว ก่อนจะพูดว่า ‘Disney’ และ ‘Lucasfilm’ ไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนักในประเด็นดังกล่าว แม้ว่าเขาจะเจอประสบการณ์อันย่ำแย่ระหว่างการแสดง แต่เขาก็ยังรับบทแสดงเรื่องนี้ต่อไปจนจบทั้ง 3 ภาค

ถึงแม้ว่าโบเยก้าจะไม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีนักตอนที่เขาแสดงให้ ‘Star wars’ แต่เขาก็ออกมาชื่นชมที่ค่าย ‘Lucasfilm’ ออกมาปกป้องนักแสดงหญิงผิวสีคนล่าสุด โมเซส อินแกรม (Moses Ingram) ผู้รับบทเป็น อินควิซิเตอร์ (Inquisitor) ในซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’ เพราะการกระทำครั้งนี้แสดงให้ว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์เริ่มดำเนินไปทางบวก

“การที่เธอได้รับการปกป้อง มันทำให้ผมรู้สึกได้รับการปกป้องไปด้วย มันทำให้ผมรู้สึกว่า ‘โอเค เจ๋ง ปัญหานี้ทุกคนเริ่มมองเห็นแล้ว’ เพราะตอนที่ผมเริ่ม มันไม่ง่ายที่พูดถึงเรื่องนี้  การได้เห็น ยวน แม็กเกรเกอร์ (Ewan McGregor) เข้ามาสนับสนุนเธอ สำหรับผมแล้วมันช่วยเติมเต็มช่วงเวลาที่ผมไม่ได้รับการสนับสนุนตอนนั้น”

การเหยียดสีผิวถือเป็นปัญหาที่สะสมกันมาอย่างยาวนานไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือวงการใด มีน้อยคนนักที่จะพูดถึงประเด็นนี้ในที่สาธารณะ ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าอนาคตปัญหาการเหยียดสีผิวจะหายไปจากสังคมมนุษย์

ที่มา: SYFY , COLLIDER

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส