เมื่อกิจกรรมท้ามัจจุราชพาพวกเธอเผชิญความกลัวขั้นสุด

Play video

เคต (แคลร์ โฮลท์) และ ลิซ่า (แมนดี้ มัวร์) สองพี่น้องสาวต้องเอาตัวรอดใต้ทะเลลึกกว่า 47 เมตร หลังสายเคเบิลที่ยึดกรงทั้งคู่ขาด และในภาวะที่ออกซิเจนของทั้งคู่กำลังหมดถัง อุปสรรคเดียวที่คั่นกลางระหว่างทั้งคู่กับผิวน้ำคือเหล่าฉลามหิวโซ

หนังฉลามไม่เคยตายจากฮอลลีวูด

 

ถ้าพูดถึงหนังระทึกขวัญแนวฉลามบุก เราอาจจำแนกได้หลายเกรด ตั้งแต่ระดับคลาสสิคอย่าง JAWS (1975) ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก พ่อมดฮออลลีวูด หรือหนังฉลามร่วมสมัยอย่าง The Shallows (2016) ไปจนถึงหนังเกรดบีดูสนุก Deep Blue Sea  (1999)หรือแม้กระทั่งหนังทีวีชุด Sharknado ทั้ง 5 ภาค (2013-2017)ก็ตาม  สำหรับ 47 Meters Down อยู่ในแนวทางที่ไม่ต่างจาก The Shallows นัก ตั้งแต่ตัวเอกเป็นผู้หญิงที่คราวนี้มาถึง 2 คน หรือการเอาตัวรอดจากฉลามอันดุร้าย โดยพยายามเล่นกับพื้นที่จำกัดมากกว่าเดิมด้วยการให้ทั้งคู่ติดอยู่ในกรง และมีคนบนเรือทัวร์ฉลามคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ข้างบน หากข้อดีของหนังประเภทนี้คือการที่มันใช้ตัวละครไม่เยอะและสามารถสร้างสถานการณ์บีบคั้นชวนระทึกในช่วงเวลาของหนังที่ไม่เกิน 100 นาทีได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ลิซ่า (แมนดี้ มัวร์) พี่สาวผมเข้มขี้กลัว-กังวล เคต (แคลร์ โฮลท์) น้องผมบลอนด์ผู้กล้าบ้าระห่ำ

ในกรณี 47 Meters Down ตัวละครหลักคือ เคต กับ ลิซ่า พี่น้องสองสาวที่มาเที่ยวเม็กซิโก โดยในองก์แรกหนังนำเสนอให้เห็นชีวิตพี่น้องเพียงผิวเผิน คนดูรู้แค่ว่าทั้งคู่มาเที่ยวพักผ่อน ก่อนจะค่อยๆเปิดปมที่ลิซ่าถูกแฟนทิ้งเพราะเธอเป็นคนน่าเบื่อแถมยังขี้กลัวขึ้นสมอง  และเป็นเคตที่ชวนเธอให้หลุดออกจากกรอบเดิมๆของชีวิตตั้งแต่พาออกเที่ยวกลางคืนเพื่อหนีความเศร้าของพี่สาวจนได้ไปเจอกับหนุ่มหล่อสองนายที่พูดถึงกิจกรรมบ้าระห่ำอย่างการเข้ากรงดิ่งไปดูฉลามใต้น้ำ แน่นอนหนังใช้โอกาสนี้ปูคาแรกเตอร์ต่างสุดขั้วเพื่อให้คนดูยิ่งจำตัวละครได้ง่ายขึ้นด้วยสมการ เคต = น้องสาวผมบลอนด์ผู้กล้า และ ลิซ่า = พี่สาวผมสีเข้มขี้กลัว ซึ่งสาเหตุหลักที่หนังเลือกให้ตัวละครทั้งสองเป็นคาแรกเตอร์ด้านเดียวก็เพื่อให้คนดูแยกแยะได้ง่ายเมื่อทั้งคู่ต้องใส่หน้ากากดำน้ำที่การแสดงจะชัดเจนที่สุดคือการแสดงออกทางสายตาเท่านั้น

งานภาพที่แตกต่างกันของหนังในองก์แรกกับองก์สอง

และเมื่อหนังเข้าสู่องก์สองหรือช่วงเผชิญหน้า งานภาพของตากล้อง มาร์ค ซิลค์ จะต่างจากองก์แรกที่ถ่ายทอดความสดใสของสายลมแสงแดดท้องทะเลเปลี่ยนมาเป็นความอึมครึมใต้ทะเลลึกที่ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยสีน้ำเงินเข้ม และภาพจะทิ้งพื้นที่ว่าง เพื่อถ่ายทอดความเวิ้งว้างไม่น่าไว้ใจ ตัดสลับภาพโคลสอัพใบหน้าตัวละครที่เราจะเห็นการแสดงออกทางสายตาพร้อมเสียงสนทนาที่แสดงถึงความกลัวและความไม่น่าไว้วางใจต่อสถานการณ์โหดร้ายที่หนังประดังประเดเข้ามา ซึ่งต้องยอมรับว่าหนังประสบความสำเร็จในการกระตุ้นต่อมความกลัวของคนดูได้ด้วยงานภาพของ มาร์ค ซิลค์ และงานกำกับ-เขียนบทของ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ (เขียนบทร่วมกับ เออร์เนสต์ เรียร์ร่า) ที่บีบตัวละครให้หาทางรอดภายใต้เงื่อนไขจำกัดทั้งอากาศที่กำลังจะหมด, ฉลามที่ว่ายวนอยู่เหนือทั้งคู่ หรือการต้องเสี่ยงว่ายน้ำสูงขึ้นไปเพื่อให้รับสัญญาณวิทยุจากเรือได้ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคชั้นเลิศที่บทหนังไม่เพียงนำมากระตุ้นความตื่นเต้นของคนดูแต่ยังแฝงความรู้ทั้งเรื่องอาการ น้ำหนีบ ที่เกิดจากการว่ายน้ำขึ้นจากระดับความลึกเร็วเกินไป หรืออาการเมาไนโตรเจนจนเห็นภาพหลอนอันเกิดจากการเปลี่ยนถังอ็อกซิเจนแบบฉับพลัน และโดยไม่ทันคาดคิด หนังยังสามารถนำข้อมูลความรู้มาใช้เป็นจุดหักมุมได้อย่างกล้าหาญ แม้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนักก็ตาม

นักแสดงสองสาวหัวใจของเรื่อง

แมนดี้ มัวร์ฺ และ แคลร์ โฮลท์ ในบท ลิซ่า และ เคต สองพี่น้องผู้ผจญฉลามใต้ทะเลลึก

ถ้าพูดถึงนักแสดงดังที่สุดในเรื่องคงไม่พ้น แมนดี้ มัวร์ อดีตนักร้องเพลงป็อบขวัญใจวัยรุ่นยุค 90ที่ช่วงหลังหันมาเอาดีด้านการแสดง และยังเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นหรือ Choreographer ให้หนัง La La Land หนังมิวสิคัลชิงออสการ์เมื่อต้นปีอีกด้วย และสำหรับคาแรกเตอร์ ลิซ่า พี่สาวขี้กลัวก็ไม่เกินความสามารถของเธอนักเพียงแต่น่าเสียดายที่หนังให้รายละเอียดบางอย่างที่น่าสนใจมากทั้งปมที่เธอถูกทิ้งเพราะเป็นคนน่าเบื่อจนเอาตัวเองเปรียบเทียบกับน้องสาวอย่าง เคต ที่ใช้ชีวิตคุ้มค่าแบบไม่มีลิมิตแต่กลับกลายเป็นเพียงบทสนทนาเพื่อพาเธอเข้ากรงหย่อนไปเจอฉลามเท่านั้น ทั้งที่หนังสามารถต่อยอดพลิกไปสู่การสร้างบทสนทนาเพื่อเสริมปมจิตวิทยาให้ตัวละครโดดเด่นออกมาจากหนังฉลามทั่วไปแบบเสียของมาก ด้าน แคลร์ โฮลท์ นักแสดงซีรีส์ที่มาประเดิมงานภาพยนตร์เรื่องแรกก็ฉายเสน่ห์ได้อย่างโดดเด่น เธอเป็นน้องสาวผู้กล้าบ้าบิ่นในทุกเรื่องตั้งแต่จูบกับชายแปลกหน้ายันพาตัวเองไปประชิดกับฉลามใต้ทะเลลึก น่าเสียดายที่บทหนังอุตส่าห์กำหนดให้ตัวละครนำมีเพียงสองสาวพี่น้องแต่กลับไม่ใส่ปมด้านจิตวิทยาให้เธอเลย เลยพลอยทำให้คนดูไม่ผูกพันธ์และเอาใจช่วยกับชะตากรรมของสองพี่น้องเท่าใดนัก

สรุป

หักลบบัญชีบุญบาปแล้วก็ถือว่า 47 Meters Down ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ทั้งการสร้างความหวาดเสียวจากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจและงานถ่ายภาพ รวมถึงจุดหักมุมที่ไม่คิดว่าหนังจะกล้าบ้าบิ่นพอ ๆกับสองสาวที่ท้ามัจจุราชพาตัวเองเสี่ยงไปเป็นอาหารฉลามเท่าใดนัก

47 Meters Down : 47 ดิ่งลึกเฉียดนรกฉาย 13 กรกฎาคมนี้