Play video

ชีวิตอันแสนน่าเบื่อของ โธมัส (คัลลัม เทอร์เนอร์) กลับมีสีสันเมื่อเขาได้พบกับ โจฮานนา (เคต เบ็กคินเซล) สาวสวยที่มีความสัมพันธ์กับ อีธาน (เพียซ บรอสแนน) พ่อของเขา แต่ยิ่งโธมัสได้รู้จัก โจฮานนา เขาก็ยิ่งถลำลึกในความสัมพันธ์จนไม่อาจถอนตัว และในยามที่ชีวิตเหมือนเจอทางตันเขาก็ได้รู้จัก ดับเบิลยูเอฟ เจอร์รัลด์ (เจฟ บริดเจส) ที่คอยให้คำปรึกษาทั้งปัญหาเรื่องครอบครัวและความสัมพันธ์กับ มีมี่ (เคียร์ซี เคลมองส์) พนักงานร้านหนังสือที่เขาตกหลุมรัก


คัลลัม เทอร์เนอร์ ในบท โธมัส เว็บ

เจฟ บริดเจส ในบท ดับเบิลยูเอฟ เจอร์รัลด์


มาร์ค เว็บ กับการกลับมาจับหนังโรแมนติกอีกครั้ง 

      สำหรับ มาร์ค เว็บ อีกหนึ่งผู้กำกับจากวงการโฆษณาที่แจ้งเกิดจากหนังโรแมนติกไอเดียบรรเจิดอย่าง 500 Days of Summer (2009) ก่อนจะไปทำหนังสไปเดอร์แมนฉบับรีบู๊ตที่ไม่ได้ออกมาอเมซิ่งเหมือนชื่อเรื่อง จนได้กลับมาทำ The Only Living Boy In New York เรื่องนี้ ซึ่งด้วยวิสัยทัศน์แบบผู้กำกับโฆษณา มาร์ค เว็บ ก็ดึงดูดความสนใจผู้ชมด้วยภาพวาดลายเส้นสวยๆและเสียงบรรยายโดย เจฟ บริดเจส ให้อารมณ์การเล่าเรื่องคล้าย 500 Days of Summer ไม่น้อย แถมยังเปิดประเด็นด้วยการกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของเมืองนิวยอร์คก่อนจะแนะนำตัวละครอย่าง โธมัส ที่ถูก มีมี่ สาวที่เขาหลงรักหักอกก่อนได้เจอกับดับเบิลยูเอฟ เจอรัลด์ ที่อพาร์ตเม้นต์เพื่อเป็นการใบ้คนดูว่าตัวละครนักเขียนขี้เมาอย่างเขาคือคนที่กุมความลับของ โธมัส ซึ่งเป็นการเปิดเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยควบคู่ไปกับงานออกแบบภาพได้น่าสนใจสมศักดิ์ศรีผู้กำกับโฆษณาที่ชอบปั้นช็อตทำให้หน้าหนังของ The Only Living Boy In New York น่าจะถูกใจเหล่าฮิปสเตอร์ได้ไม่ยาก


เคียร์ซี เคลมองส์ ในบท มีมี่

เพียซ บรอสแนน ในบท อีธาน เว็บ


หนังสับสนด้วยประเด็นเยอะแต่คุมไม่อยู่

      แต่กระนั้นอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ฉุดให้ตัวหนังไปไม่ถึงฝั่งฝันทั้งที่มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่างกลับกลายเป็นการลำดับเรื่องที่สะเปะสะปะและจังหวะหนังที่ค่อนข้างเอื่อยเฉยไร้แก่นสารที่หวุดหวิดทำคนดูเฝ้าพระอินทร์ไปหลายรอบ ทั้งการเล่าเรื่องความสัมพันธ์แบบหน่วงๆของโธมัสและมีมี่ที่แทบไม่มีพัฒนาการอะไรเลยหรือการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของเมืองนิวยอร์คที่ยกมาเปรียบเปรยกับความสัมพันธ์ของคนก็ดูจะส่วนตัวจนสื่อสารไปไม่ถึงคนดูเรื่อยไปจนถึงเรื่องเป้าหมายชีวิตของโธมัสที่ความจริงมีผลต่อการหักมุมในตอนจบก็กลับถูกกลบฝังไปกับความสัมพันธ์เร่าร้อนระหว่าง โธมัสและโจฮานนา ที่ควรทำให้คนดูรู้สึกถึงความสเน่หาที่ผิดบาปแต่พอเห็น เคต เบ็กคินเซล ส่งสายตายั่วยวนคนดูไม่ได้อะไรมากไปกว่าความฮอตของนักแสดงสาววัย 44 คนนี้เท่านั้นเอง ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่หนังควรให้ความสำคัญคือการกล่าวถึงตัวละครครอบครัวของ โธมัส ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนนำมาซึ่งความลับบางอย่างที่รอเปิดเผยในตอนจบแทนที่จะเสียเวลากับการปั้นแต่งฉากเพื่อเซอร์วิสคนดูหนังรักจนทำให้บทสรุปที่น่าจะลึกซึ้งกลายเป็นเพียงไฟโหมวูบเดียวก่อนหนังจบจนคนดูไม่ทันได้ซึมซับกับความเจ็บปวดที่ตัวละครเผชิญเลยไม่สามารถยินดีไปกับความสุขที่ตัวละครได้รับในตอนท้ายไปโดยปริยาย


เคต เบ็กคินเซล ในบท โจฮานนา


ทีมนักแสดง ทางรอดเดียวของหนัง

     ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร มาร์ค เว็บ จึงเลือก คัลลัม เทอร์เนอร์ มารับบท โธมัส เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาคือหายนะทางการแสดงทั้งเรื่อง เทอร์เนอร์ ยังไม่สามารถสื่อสารทั้งอารมณ์ความรู้สึกหรือการมีอยู่ของตัวละครเขาได้เลย ยิ่งได้มาเจอกับนักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง เจฟ บริดเจส หรือ เพียซ บรอสแนน บอกได้คำเดียวว่าเละ! จนตัวละครโธมัสของเขาเหมือนมนุษย์ล่องหนยังไงยังงั้น ด้านนักแสดงสาวๆคนที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้น เคต เบ็กคินเซล ที่ต้องยอมรับว่าริ้วรอยบนใบหน้าเพียงเล็กน้อยไม่ได้ทำให้ความงามเธอลดลงเลยยิ่งบวกกับรูปร่างสุดแสนจะเซ็กซี่ก็ยิ่งทำให้ฉากดูดน้ำแล้วจ้องตาโธมัสพร้อมประโยค “แล้วฉันกินเธอได้ไหมล่ะ” นี่แทบทำให้คนดูหนุ่มๆตายอย่างสงบศพสีชมพูเลยทีเดียว ส่วน เคียร์ซี เคลมองส์ นักแสดงสาวผิวสีมาแรงที่เราเพิ่งผ่านตาจาก Flatliners ฉบับรีเมคกันไปก็น่าเสียดายที่บทของเธอไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนักแถมฉากลาจอของเธอยังดูประดักประเดิดเหมือนหนังพยายามรีบตัดเธอออกจากเรื่องให้พ้นๆ ซึ่งน่าเสียดายศักยภาพของเธอในฐานะนักแสดงที่หลายคนจับตามองทั้งหน้าตาที่มีสเน่หาดูเซ็กซี่แบบสาวผิวสีแต่กลับได้แสดงหนังที่คุณภาพไม่ส่งเสริมการแสดงของเธอเท่าไหร่จนอาจต้องไปลุ้นอีกทีกับบทไอริส เวสต์หวานใจแบรี่ อัลเลนหรือเดอะแฟลชในหนัง Flash Point ว่าเธอจะถึงฝั่งฝันหรือไม่

กล่าวอย่างไม่เกินจริง สำหรับคอหนังโรแมนติกที่หวังจะได้ดูอะไรจี๊ดๆแบบ 500 Days of Summer คงผิดหวังแน่ๆเพราะประเด็นหลักของ The Only Living Boy in New York ดูจะเน้นเรื่องการเรียนรู้ความรักของชายหนุ่มที่ต้องผ่านความเจ็บปวดจากความสัมพันธ์กับชู้รักของพ่อและการได้เรียนรู้ความจริงของครอบครัวตัวเอง ที่แม้หนังจะเล่าเรื่องได้สับสนแต่ด้วยการแสดงจากเหล่านักแสดงชั้นยอดและสเน่ห์ของเคต เบ็กคินเซล ตัวหนังก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

The Only Living Boy In New York ถ้าเหงาแล้วเรารักกันได้ไหม ฉาย 30 พฤศจิกายนนี้