Play video

หนังเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่มี ธัญญ่า (ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์) สาวประเภทสองวัยกลางคนที่ดูแล จอห์นนี (นนท์ปวิธ ด่านศรีบูรณ์) และเจนนิเฟอร์ (สุชาดา โรจน์มโนธรรม) น้องชายและน้องสาวที่หมางเมินเธอ ก่อนเรื่องราวจะคลายปมให้เห็นปัญหาที่ถูกปล่อยทิ้งไว้มานานไม่ต่างจากแมลงที่โบยบินอยู่หลังบ้านของพวกเขา



จากหนังโดนแบนสู่หนังชวนคิด   

      หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวการถูกห้ามฉายของหนังเรื่องนี้เมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งทางผู้กำกับอย่าง ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ พร้อมบุคลากรในวงการภาพยนตร์และองค์กรด้านกฎหมายอย่าง ILAW ก็สามารถยื่นอุทธรณ์จนได้เข้าฉายในวันนี้ (30 พฤศจิกายน 2560) ซึ่งตัวหนังเองก็มีการตัดทอนฉากที่มีปัญหาไปเล็กน้อยแต่ยังสามารถบอกเล่าประเด็นสำคัญของเรื่องได้ครบถ้วน

ซึ่งต้องเตือนไว้ก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน ถ้าคุณหวังจะได้เจอเรื่องราวครอบครัวซาบซึ้งประทับใจหรือเรื่องรักหวานใสจบแฮปปี้เอนดิ้งนี่ก็ไม่ใช่หนังของคุณเช่นกัน ตรงกันข้าม ธัญญ์วาริน ดูจะเน้นการใช้ศิลปะภาพยนตร์ในการบอกเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ตัวหนังเลยมีทั้งความเหนือจริงและฉากชวนเหวอมากมายโดยเฉพาะเรื่องเพศ (ที่ต้องขออุบรายละเอียดเป็นความลับ) ที่ตัวหนังดูจะเปิดกว้างและลงลึกในประเด็นนี้เป็นพิเศษ

ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหนังเล็กๆเรื่องนี้ถึงระคายเคืองต่อมศีลธรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงวัฒนธรรมนักเพราะมันเล่นเอาล่อเอาเถิดกับชุดความคิดดั้งเดิมหลายอย่างทั้งความเป็นชายของหัวหน้าครอบครัว หรือกรอบศีลธรรมอันดีงามที่ขีดไว้ให้เยาวชนไม่ออกนอกลู่นอกทาง และทีละน้อยเมื่อหนังดำเนินไปมันก็ชี้ชวนให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินเองว่าสิ่งที่เห็นผิดหรือถูก หรือแม้กระทั่งคำถามยากๆ ว่าเราเอง (ในฐานะผู้ชม หรือคนในสังคม) มีสิทธิไปตัดสินชีวิตคนอื่นหรือไม่



เมื่อหนังที่ถูกทำในอดีตเพิ่งได้ฉายในปัจจุบัน

    บอกตามตรงว่าผมค่อนข้างมีปัญหากับงานภาพของหนังในตอนเริ่มเรื่อง เพราะเปิดเรื่องมาเมื่อหนังถ่ายแบบแฮนด์เฮลด์หรือมือถือกล้องถ่าย เราจะเห็นถึงความเบลอจากการขยับตัวของนักแสดงหรือภาษาภาพยนตร์เรียกว่า โมชั่นเบลอ (Motion Blur) เนื่องด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีกล้องดิจิตอลในยุคสมัยของการถ่ายทำ แต่พอปรับจูนตัวเองได้สิ่งที่ไม่คาดคิดคือแม้ตัวหนังจะถูกผลิตจากทุนสร้างที่จำกัดจำเขี่ยแต่ความประณีตในการถ่ายทำกลับไม่ได้ด้อยกว่าหนังเรื่องอื่นเลยทั้งการวางเฟรมในฉากกลางแจ้งหรือการจัดแสงในฉากภายใน และที่ยิ่งไปกว่านั้นหนังใช้ภาษาภาพยนตร์อย่างการตัดต่อได้ชาญฉลาดมาก

โดยที่ประทับใจเป็นพิเศษคือการตัดต่อฉากกินข้าวที่ ธัญญ่า มักทำอาหารฝรั่งอย่างสปาเกตตี้ให้เด็กๆ ทาน แต่พอพี่น้องอยู่กันตามลำพังอาหารของพวกเขากลับกลายเป็นกระเพราไข่ดาวธรรมดาซึ่งสามารถบอกบริบทของครอบครัวนี้โดยนัยยะได้เลยว่าท้ายที่สุดชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการการจัดวางอะไรมากมายเหมือนที่ธัญญ่าพยายามให้ชีวิตพวกเขาสวยหรู รวมถึงการใช้ภาพเหนือจริงอย่างการมีธัญญ่าหลายๆคนเพื่อสะท้อนการต้องทำหน้าที่ผู้ปกครองจนตัวตนของเธอเริ่มขาดความเป็นเอกภาพ และสิ่งที่หนังดูจะเน้นพูดถึงเป็นพิเศษคือเรื่องเซ็กส์ที่ไปไกลถึงขั้นลบล้างนิยามเรื่องเพศหญิงเพศชายกันเลยทีเดียว ทำให้แม้หนังจะถูกสร้างมาร่วม 7 ปีแต่ประเด็นที่มันพูดถึงรวมทั้งการนำเสนออย่างมีรสนิยมก็เรียกได้ว่าตัวหนังสามารถอยู่เหนือกาลเวลาและยังชวนคนดูขบคิดประเด็นต่างๆได้เป็นอย่างดี

โดยสรุปแล้วไม่ว่าคุณจะรู้จัก Insects in the backyard หรือ แมลงรักในสวนหลังบ้าน ในฐานะหนังที่เคยถูกแบนหรือหนังอินดี้ดูยาก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหนังที่คุณต้องลองดูด้วยตาตนเองสักครั้งแล้วตัดสินคุณค่าของมันด้วยตัวเอง โดยหนังเข้าฉายวันนี้เฉพาะโรงภาพยนตร์ เฮ้าส์ อาร์ซีเอ