The Predator – ใส่บ้ามาล่าเพรตเดเทอร์
Our score
10.0

The Predator

จุดเด่น

  1. เล่าเรื่องสนุก
  2. ตัวละครมีสีสัน
  3. ฉากโหดสะใจไม่ประณีประนอม
  4. ให้ข้อมูลตัวเพรตเดเทอร์ได้อย่างน่าสนใจ
  5. มีความเป็นหนังบู๊สนุกๆทั้งฮาทั้งมันส์ คลายเครียด

จุดสังเกต

  1. อยากให้หนังยาวกว่านี้ เพราะสนุกมาก
  • คุณภาพงานสร้าง

    10.0

  • เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    10.0

  • นักแสดง

    10.0

  • ความสนุก

    10.0

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋ว

    10.0

Play video

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพรตเดเทอร์ นักล่าจากนอกโลกที่สังหารโหดลูกทีมจนไม่เหลือ ทำให้ ควินน์ แม็คเคนน่า (บอยด์ โฮลบรูค)จำต้องส่งอาวุธร้ายของมันกลับไปยังบ้าน แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อ โรรี่ (จาค็อบ เทร็มเบลย์) ลูกชายที่เป็นเด็กพิเศษ ดันไปปลดล็อคเรียกเพรตเดเทอร์มายังโลกจน ควินน์ต้องร่วมมือกับทีม “ลูนี่ย์” เหล่าทหารผ่านศึกที่มีปัญหาทางจิตและดร.คาซีย์ แบร็กเค็ตต์ (โอลิเวีย มุนน์)นักชีวะวิทยาด้านวิวัฒนาการ เพื่อหยุดเหล่าพรานเอเลี่ยนที่อาจเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นเกมล่าสุดสยองของพวกมัน

 

 

 

ก่อนหน้านี้หลายคนได้ยินค่ายหนังประกาศชื่อผู้กำกับที่จะมากุมบังเหียน เดอะเพรตเดเทอร์ อาจสงสัยกันว่า ทำไมค่ายจึงให้ เชน แบล็ค มาสานต่อตำนานของนักล่าจากอวกาศผู้นี้ เลยขอย้อนกลับไปยังหนัง เพรตเดเทอร์ ที่ออกฉายในปี 1987 ที่ปรากฎว่า แบล็ค เคยรับบทลูกน้องของ อาร์โนลด์ ชวาซเซเนกเกอร์ เป็นพลทหาร ฮอว์กินส์ และนอกจากนี้ แบล็ค ยังได้เขียนบทหนังแอ็คชั่นดังๆมากมายในยุค 80-90 ทั้งหนังชุด Lethal Weapons หรือ ริกส์ คนมหากาฬ ทั้ง 4 ภาค (1987,1989,1992,1998) Last Action Hero (1993) หรือแม้กระทั่งการได้มากำกับ Iron Man 3 ในปี 2013 หลังชิงลางงานกำกับแค่ Kiss Kiss Bang Bang (2005) ไปเพียงเรื่องเดียว

สิ่งหนึ่งที่แบล็คถือเป็นคัมภีร์ในงานเขียนบทคือการสร้างตัวละครและสถานการณ์ มิใช่แค่การเอาเรื่องไว้รองรับฉากแอ็คชั่นแบบไม่มีเหตุมีผลหรือไม่นำพาอารมณ์ใดๆดังนั้น ใน The Predator เราเลยได้เห็นการแอบใส่ตัวละครที่แบล็คเคยเขียนตั้งแต่ ควินน์ แมคเคนนา ที่แทบจะถอดแบบมาจาก ริกส์ คนมหากาฬ ทั้งบุคลิกบ้าระห่ำ เป็นทหารนอกคอกที่รัฐต้องการกำจัดทิ้ง และตัวละครสมทบทั้ง ดอยล์ และ แบ็กซ์ลีย์ ก็มีความเป็นคู่หูที่ดูขัดแย้งกันแบบเดียวกับหนังชุด Lethal Weapon

และไม่เพียงการนำคาแรกเตอร์มาใส่เท่านั้น แบล็คยังคงเอกลักษณ์ในการสร้างสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งกันสุดขั้วเช่น อารมณ์ขันที่มาในเวลาตัวละครอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน หรือการที่ตัวละครต่างวางแผนเป็นอย่างดีจนกระทั่งมีเหตุให้แผนแตกจนสถานการณ์นำไปสู่จุดที่เกินคาดเดา ซึ่งได้ทำให้การดำเนินเรื่องของ The Predator สามารถบอกเล่าผ่านตัวละครมนุษย์ได้อย่างมีสีสันและแข็งแรงมากพอที่จะให้ตัว เพรตเดเทอร์ เป็นเพียงตัวร้ายที่เหล่าตัวเอกจะต้องต่อกรด้วย ไม่ใช่เป็นตัวละครที่เรื่องต้องพึ่งพาเพื่อให้คนดูสนุกสนานเหมือนหนังที่มีตัวละคร เพรตเดเทอร์ มาเป็นจุดขายเหมือนหนังเพรตเดเทอร์ยุคหลัง

นอกจากนี้ในฐานะคนที่เคยอยู่กับแฟรนไชส์ เพรตเดเทอร์ มาตั้งแต่ภาคแรก คราวนี้แบล็คได้ทำให้เรารู้จักกับตัวร่างกายและอุปกรณ์เสริมของเพรตเดเทอร์มากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการที่หนังภาคนี้ทำให้เราเห็นว่า หน้ากากและสนับแขนของเพรตเดเทอร์มีกลไกการทำงานอย่างไรมีอาวุธอะไรที่ซ่อนอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หนังทำให้เรารู้ว่าทำไมเพรตเดเทอร์ถึงมีร่างกายและการเคลื่อนไหวที่มีส่วนความคล้ายกับมนุษย์มาก จนกลุ่มนักเคลื่อนไหวสายเฟมินิสต์เคยวิพากษ์ว่าใบหน้าของเพรตเดเทอร์มีความคล้ายคลึงกับอวัยวะเพศหญิงจนทำให้คนตีความว่าหนัง Predator ปี 1987 กำลังพูดถึงความพ่ายแพ้ของความเป็นบุรุษ (Macho) ยังไงยังงั้น เปิดโอกาสให้แบล็คเล่นสนุกไปกับการวิพากษ์หนังยุค 80 ด้วยการใส่ตัวละคร ดร.คาซีย์ แบร็กเค็ตต์ ที่แม้จะได้สาวสวยเซ็กซี่อย่าง โอลิเวีย มุนน์ มาแสดง แต่แบล็คก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเพียงแค่วัตถุทางเพศแต่ยังทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหนังชุดนี้ที่เริ่มมีตัวละครผู้หญิงแกร่งๆมาบู๊และพูดคำหยาบแบบ “ฟัค” ทุกวรรคตอนไม่ต่างจากเหล่าหนุ่มๆก็ทำให้สถานภาพตัวละครหญิงดูจะเท่าเทียมและไม่ได้เป็นเพียงอาหารตาของชายหนุ่มเหมือนหนังสมัยก่อน

ด้านนักแสดงต้องยอมรับว่า แคสชุดนี้ ถือเป็นดรีมทีมของการทำหนังแอ็คชั่นคอเมดี้สไตล์ เชน แบล็ค ทั้ง บอยด์ โฮลบรูค ที่หลังรับบทผู้ร้ายใน LOGAN (2017) และ NARCOS (2015-16) ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ บอยด์ ได้ทำให้เห็นว่าเขาสามารถเปล่งประกายในบททหารผ่านศึกบ้าระห่ำ และมีซีนแอ็คชั่นเท่ๆมากมายหนึ่งในนั้นคือการรีเมคท่าขี่มอเตอร์ไซค์ของอาร์โนลด์ จาก Last Action Hero ผลงานเขียนบทของแบล็คด้วย หรือจะเป็น โอลิเวีย มุนน์ ซึ่งแน่นอนว่าแม้บท ดร. แบร็คเกตต์ จะเป็นบทคลิเช่-ภาพจำของสาวทรงสะบึมในหนังบู๊ แต่เมื่อบทเอื้ออำนวยให้เธอได้แสดงความฉลาดและบ้าระห่ำไม่แพ้หนุ่มๆ เลยทำให้บทนี้ของเธอนอกจากจะไม่ด้อยในเรื่องความเซ็กซี่แล้ว มุนน์ ยังได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้หญิงในหนังแอ็คชั่นที่มีที่ยืนมากกว่าแค่ แก้ผ้าปลุกใจเสือป่า ไปเป็นเรื่องๆแบบหนังสมัยก่อน หรือจะเป็นการปรากฎตัวของ โธมัส เจน อดีต The Punisher (2004) ที่แม้จะมาเล่นเป็นคนสติไม่ดีแต่ก็เป็นสีสันให้กับเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ที่ถือเป็นไฮไลต์และทำให้บทสนทนาคมๆของแบล็คทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมคงต้องยกให้ คีแกน ไมเคิล คีย์ นักแสดงหนุ่มผิวสีจากซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ Friends from college (2017-18) และหนังบู๊ขวัญใจทาสแมว Keanu (2016) ที่ขยันขโมยซีนสร้างความฮาได้อย่างลงตัว รวมถึงเจ้าหนู จาค็อบ เทร็มเบลย์ ที่เคยขโมยหัวใจเหล่าลุงๆป้าๆจาก Room(2015) และWonder(2017) ก็ได้มาโชว์ความน่ารักในบทเด็กพิเศษอีกด้วย

The Predator ถือเป็นหนังแอ็คชั่นโหดๆดิบๆที่มีครบเครื่องทั้งอารมณ์ขัน ความตื่นเต้นลุ้นระทึก หรือแม้แต่ภาพสยดสยองแบบเอาให้เรต R มันทำงานแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ ก็ทำให้หนังสามารถสร้างความบันเทิงให้คอหนังบู๊ โดยเฉพาะคอหนังบู๊ยุค 80 หรือ เด็กรุ่นใหม่ที่จะได้รู้เสียทีว่าหนังสนุกๆที่ไม่ได้พึ่งพาแต่ซีจีสมัยก่อนเขาทำกันยังไง

ไม่อยากเสียเวลาไป “ล่า” ตั๋วหรือพลาดรอบที่อยากดู คลิกซื้อตั๋วหนัง The Predator ได้ที่รูปด้านล่างนี้เลย